หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด เครื่องรางของขลัง

หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง

หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง - 1หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง - 2หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง - 3หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง - 5
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ เครื่องรางของขลัง
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ศ. - 01 พ.ย. 2562 - 21:01.54
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อา. - 03 พ.ย. 2562 - 12:08.21
รายละเอียด
หลวงพ่อจ้อย วัดถ้ำมังกรทอง


สุดยอดพระเกจิ ที่ไม่ค่อยมีใคร เปิดเผยประวัติท่าน


แบบเต็ม ๆ เวอร์ชั่นจาก เพจ
ฅนขลัง คลังวิชา


.....
.....
ฅนขลัง คลังวิชา
17 กุมภาพันธ์ 2016 ·
ஐ หลวงพ่อจ้อย เขมิโย วัดถ้ำมังกรทอง ஐ
..ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่น้อยฅนจะรู้จัก..
❀❀❀❀❀❀❀❀
ตอนที่ ๑
............
เรื่องราวต่อไปนี้ข้าพเจ้าได้ทราบข้อมูลจาก คุณสุรศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ท่านผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวทางเข้มขลัง เคยออกเที่ยวเสาะหาครูบาอาจารย์มากมาย ท่านเคยเล่าถึงคราวได้ไปพบพระสงฆ์ทรงอภิญญารูปหนึ่งนาม หลวงพ่อจ้อย เขมิโย วัดถ้ำมังกรทอง ตำบลเกาะสำโรง จังหวัดกาญจนบุรี ท่านรูปนี้มีประวัติความเป็นมาค่อยข้างเลือนราง เพราะหากมีใครไปถามประวัติดูคล้ายท่านไม่อยากรื้อฟื้นความหลัง เหตุนี้จึงไม่มีใครรู้ประวัติของท่านชัดเจน ทราบเพียงว่าเดิมทีในสมัยหนุ่มขณะเป็นฆราวาส ตัวท่านเป็นผู้เคยหลงผิดได้เข้าสู่วังวนของนักเลง สุดท้ายกลายเป็นเสือปล้นโจรร้าย เคยก่อกรรมออกปล้นชิงเขา เวลาผ่านไปท่านกลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต มอบกายถวายชีวิตให้พระศาสนา เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ด้วยสำนึกในบาปกรรมที่เคยกระทำเอาไว้ในอดีต
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
เท่าที่ทราบท่านเคยจำพรรษาอยู่ วัดเจริญสุขาราม จังหวัดสมุทรสงคราม สมัยหลวงพ่อเจียงเป็นสมภารปกครองอยู่ ทราบว่าหลวงพ่อจ้อยความสัมพันธ์ทางสายเลือด เป็นญาติพี่น้องกับหลวงพ่อเจียง และคาดว่าเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันด้วย แต่ภายหลังเกิดขัดใจกันอย่างไรไม่แน่ชัด หลวงพ่อจ้อยจึงตัดสินใจออกธุดงค์เดินเดี่ยวแสวงหาความวิเวก ต่อมาได้จำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำมังกรทอง ซึ่งในสมัยที่ท่านมาสร้าง วัดถ้ำมังกรทอง เวลานั้นยังเป็นป่าห่างไกลความเจริญ แต่ด้วยบารมีของ หลวงพ่อจ้อย เขมิโย ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านป่าแถบนั้น วัดถ้ำมังกรทองจึงได้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นเป็นลำดับ
............
หลวงพ่อจ้อยเคยเล่าว่าสมัยเป็นฆราวาส ท่านเคยเดินทางไปขอเรียนวิชา และมอบตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้เรียนกรรมฐานและเคยเข้ารับยันต์เกราะเพชรจาก หลวงพ่อปาน ภายหลังเมื่อบวชแล้วยังได้เดินทางไปขอเรียนวิชาเพิ่มเติมจาก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ทั้งเรียนวิชาจากพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณที่ได้พบเจอในป่า ไม่ว่าเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสหากเป็นผู้ทรงคุณธรรมวิเศษ ตัวท่านจะฝากตัวขอเรียนวิชาทันที หลวงพ่อจ้อยท่านเล่าว่าเคยธุดงค์ไปถึงพม่า, ลาว, เขมร และทางตอนเหนือของไทไกลถึงสิบสองปันนา
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
สมัยที่หลวงพ่อจ้อยยังอยู่ เมื่อศิษย์เข้าไปกราบท่าน จะเห็นพระบูชาที่โต๊ะหมู่ของท่านหลายองค์ดูแปลกตา เพราะที่ฐานพระโดยรอบนั้นจะมีพระเครื่องพิมพ์สี่เหลี่ยมของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาติดเรียงรายอยู่รอบฐานพระบูชา หากใครขอ ท่านจะให้จุดธูปเทียนบูชาพระก่อน แล้วท่านจะหยิบพระที่ติดอยู่ที่ฐานพระส่งให้แด่ผู้ต้องการ ใครมาขอท่านจะใช้วิธีนี้ทั้งสิ้น นอกเสียจากมาขอพระเครื่องของตัวท่านเอง ท่านจะหยิบเอาจากในย่ามส่งให้ ส่วนพระเครื่องของครูบาอาจารย์ ท่านจะเอาไปติดที่ฐานพระบูชาทั้งสิ้น พระที่แกะอออกไปท่านจะนำองค์ใหม่มาติดแทน ท่านทำเช่นนี้ไม่มาตลอด ไม่ทราบเหตุผลเช่นกันว่าเพราะเหตุผลใด แต่ที่รู้ ๆ ท่านมีพระเนื้อดินของหลวงพ่อปานอยู่มาก เข้าใจว่าท่านคงได้รับมาสมัยไปช่วยหลวงพ่อปานสร้างพระเครื่องดังกล่าว
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
หลวงพ่อจ้อยนี้เขาว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรต้องเป็นไปตามคำพูดทุกครั้ง เรียกว่าปากพระร่วงก็คงไม่ผิด เล่าลือมากว่าท่านสามารถสั่ง **สัตว์เดรัจฉาน** ให้เชื่องเชื่อฟังคำสั่งได้อย่างน่าฉงน ใครเห็นต่างพากันอัศจรรย์ใจทุกฅน สัตว์ที่ท่านสั่งมันได้นี้จะถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านก็ว่าได้ แต่สัตว์ที่ท่านเลี้ยงนี้ดู ๆ ไปไม่น่ารู้เชื่อฟังคำ หรือสามารถสั่งสอนได้ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ผึ้ง, งู, ตะขาบ, แมงป่อง ฯลฯ สัตว์เหล่านี้พากันเข้ามาอาศัยอยู่ในถ้ำ เขามาพึ่งบารมีหลวงพ่อจ้อย น่าแปลกที่สัตว์เหล่านี้อยู่รวมกันอย่างสันติ ไม่มีการขบกัดทะเลาะแบะแว้งกันเลย ที่สำคัญมันจะไม่แสดงอาการดุร้าย หรือทำร้ายลูกศิษย์ ตลอดจนผู้ฅนที่มาทำบุญเลย ยกเว้นพวกที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมบางพวก ที่อาจโดนเขาสั่งสอนบ้างตามสมควร
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
§ แม้เทพและอสรพิษยังเคารพรัก §

หลวงพ่อจ้อยจะเขียนเตือนผู้ฅนที่เข้ามาในถ้ำว่า **ระวังงู** คือท่านเกรงฅนเดินไม่มอง ไม่ระวัง ไปเหยียบย่ำงูท่าน และเขียนว่า **ห้ามพูดคำหยาบในถ้ำ** เวลาเดินให้มีสติให้ระวัง เพราะในถ้ำมีอสรพิษชนิดต่าง ๆ อยู่ชุกชุม ตามผนังถ้ำเห็นมีผึ้งหลวงเข้ามาจับทำรังอยู่หลายรัง ใครเข้ามาในถ้ำท่านจะสั่งว่า **เมื่อเข้ามาในถ้ำนี้ ห้ามพูดคำหยาบ พูดเล่นหัวลามก ให้สำรวจระวัง กาย วาจา จิต** ท่านบอกว่าภายในถ้ำเขามี **เทพ คอยรักษาอยู่ โดยมีบริวารคือ ผึ้งกับอสรพิษต่าง ๆ ที่คอยดูแลรักษาอยู่ หากใครเข้ามาไม่สำรวมระวังอาจถูกลงโทษได้** ถึงแม้นท่านจะสั่งไว้ก็ไม่วายมีฅนฝ่าฝืนลองดี สุดท้ายมักได้รับบทเรียนสมใจที่อยากลองกลับไปทุกราย ไม่มีละเว้น เรียกว่าโดนกันทั่วถึงเสมอหน้าทุกรายสบายไป
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............

พวกอสรพิษที่มักออกมาเวลากลางคืนคือ ตะขาบ หลวงพ่อท่านเรียกว่า **รถไฟ** ท่านว่าระวังอย่าเหยียบรถไฟท่าน เพราะพวกนี้เขาขี้ตกใจ เมื่อตกใจเขาจะป้องกันตัวทันที หลายฅนโดยกัดเพราะไปเหยียบ ต้องร้องเจ็บปวดทรมาน หลวงพ่อจะนำพระเครื่องของหลวงพ่อปาน มาจุดน้ำมนต์แล้วแปะลงที่ปากแผล พระจะดูดติดแผล และดูดพิษออกมาจนหมด พระก็จะหลุดออกได้เอง เป็นว่าหายทุกรายไปเหมือนกัน ท่านว่าพระของครูบาอาจารย์ทำมาดีแล้ว ไม่ต้องไปเสกไปทำอะไรเพิ่ม แค่อาราธนาบอกกล่าวก็พอแล้ว และตามธรรมดาสัตว์พวกนี้มักกลัวเกรงมนุษย์ แต่เมื่อมาอยู่ในถ้ำนี้กลับต่างไป คือ เขาไม่เกรงกลัวมนุษย์ ประหนึ่งมันรู้ว่าตราบใดอยู่ใต้บารมี หลวงพ่อจ้อย พวกมันจะปลอดภัย กลับกันพวกสัตว์เหล่านี้ก็ไม่ทำร้ายใครส่งเดช เว้นเพียงพวกมาลองดี หรือฝ่าฝืนคำสั่งเท่านั้น
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
§ อยากลองดีก็โดนสมใจ §

เมื่อกล่าวถึงพวกที่มาลองดีก็น่าแปลก ตัวอย่างคราวหนึ่งมีคณะผ้าป่ามาจากกรุงเทพฯ คณะผ้าป่านี้บางฅนก็ไม่เคยมา ไม่เคยรู้จักหลวงพ่อจ้อย เพียงได้พูดคุยสอบถามกันบ้างช่วงเดินทาง ศิษย์หลวงพ่อจ้อยที่รู้จักท่านดีได้เล่าอภินิหารต่าง ๆ ที่ตนได้ประสบมาให้ผู้สนใจได้ทราบ เป็นธรรมดาฅนเชื่อก็มีไม่เชื่อก็มาก หนักกว่านั้นพวกฟังแล้วอยากลองดีก็มีมาด้วย เมื่อคณะเดินทางถึง วัดถ้ำมังกรทอง คณะเดินทางเข้ากราบนมัสการ หลวงพ่อจ้อย เป็นที่เรียบร้อย แล้วต่างก็แยกย้ายไปทำกิจส่วนตัว และพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่มีชายผู้หนึ่งแกฟังเรื่องราวของหลวงพ่อจ้อย แกนึกไม่เชื่อว่าเป็นจริงประกอบกับเป็นฅนชอบลอง แกจึงพูดขึ้นกับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า
............
ชายขี้สงสัย :

ผึ้งมันจะฟังภาษาฅนได้ยังไงวะ ไม่น่าเชื่อ แล้วมันจะฟังรู้เรื่องได้อย่างไรว่าใครพูดคำหยาบ
............

ศิษย์หลวงพ่อจ้อย :

อ่อ เชื่อเถอะเข้ามาในถ้ำนี้แล้วสงบปากเถอะว่ะ อย่าปากไม่ดีนะเดี๋ยวจะว่าไม่เตือน
............

ชายขี้สงสัย :

ผึ้งมันจะแสนรู้ขนาดนั้นเลยหรือ หากผึ้งหลวงพ่อจ้อยเก่งขนาดฟังภาษฅนได้ กูจะยอมกราบท่านขอเป็นศิษย์ แถมเงินที่มีติดตัวมามีเท่าไรจะถวายท่านทั้งหมดเลย
............

สิ้นคำไม่เกินอึดใจ ชายชาวกรุงก็ส่งเสียงร้องขึ้น โอ๊ย!! พลางเอามือกุมที่ปากทำตาเหลือกลานแล้วชี้ไปที่รังผึ้ง เพื่อนผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อจ้อยรู้ทันทีว่าชายขี้สงสัยโดนดีเข้าให้แล้ว เขารีบเดินเข้าไปดูเพื่อนแล้วถามขึ้น
............
ศิษย์ หลวงพ่อจ้อย :

เป็นอะไรวะ ? โดนดีแล้วละสิ
............

ชายขี้สงสัย :

โดนผึ้งต่อยเอา มันต่อยเข้าที่ปากกูนี่เลย ไอ้ผึ้งเวร !!
............

ศิษย์หลวงพ่อจ้อย :

นี้ยังปากไม่ดีไปว่าเขาอีก เดี๋ยวก็เจออีกรอบหรอก เพราะปากไม่ดีเขาเลยมาเตือนเอาละสิ
............

ด้วยความเจ็บชายขี้สงสัยจึงเงียบไม่พูดต่อคำ ออกปากขอยาแก้ปวดกินแล้วนอนพักไป พอรุ่งเช้าหายจากอาการปวดแล้ว แต่เขายังอดสงสัยไม่ได้ว่าผึ้งมันต่อยเมื่อวานนี้ เป็นเหตุบังเอิญหรือจงใจมาต่อยด้วยรู้ภาษาจริง ขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่เชิงถ้ำ เขาได้พูดกับเพื่อนที่เป็นศิษย์หลวงพ่อจ้อยว่า
............

ชายขี้สงสัย :

ยังข้องใจจริง ๆ ว่าผึ้งมันจงใจมาต่อยกูหรือบังเอิญกันแน่ ไอ้ผึ้งนี่น่าเผารังเอาน้ำผึ้งกินซะให้หมด พูดจบเขาก็หัวเราะชอบใจแล้วพูดต่อว่า เวลานี้ฅนเยอะแยะแบบนี้ หากผึ้งมันมาต่อยอีกที ก็จะยอมเชื่อเลยว่า ผึ้งมันรู้ว่าใครด่ามัน แล้วเอ็งคิดว่ามันจะได้ยินทีพูดไหมวะ เพราะไกลกันอย่างนี้ หากมันมาจริงจะยอมมันเลย
............
เมื่อการสนทนาจบลงศิษย์หลวงพ่อจ้อยไม่ต่อคำ เขาเลี่ยงไปหาหลวงพ่อจ้อยเพื่อไปคอยจัดเตรียมดูแลท่าน และเบื่อที่จะพูดคุยกับเพื่อของตน เมื่อเดินคล้อยหลังมาได้ไม่ไกลนัก พลันได้ยินเสียเพื่อนของตนร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงดังกว่าเมื่อคืน เขารีบเดินกลับมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับเพื่อนปากไม่ดี ทันทีเมื่อเดินกลับมาถึงเพื่อนปากเสียของเขารายงานทันทีว่า
............
ชายขี้สงสัย :

ตัวอะไรไม่รู้มันต่อยหลังแขนตรงข้อศอกนี่ พูดพลางก็พลิกแขนให้เพื่อนดู แล้วถามว่า มีรอยอะไรไหมวะ มันต่อยคราวนี้ปวดเหลือเกิน มันเจ็บแปลบถึงหัวเลย ขนกูนี้ลุกทั้งตัวปวดร้าวไปหมด พูดพลางร้องครางโอย ๆ ๆ
............
เมื่อศิษย์ หลวงพ่อจ้อย พิจารณาดูเห็นรอยต่อยผิดปกติธรรมดา ดูต่างจากรอยต่อยของพวกสัตว์ต่าง ๆ เพราะจุดที่โดนต่อยไม่เป็นสีแดงอย่างที่ควรเป็น แต่รอยที่ถูกต่อยนั้นเป็นรอยไหม้ดำคล้ายโดนปลายธูปจี้ ผิวหนังบริเวณนั้นไหม้เป็นรอยดูน่าแปลก แถมอาการปวดก็ทวีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างประหลาด รอยไหม้จากจุดเล็กก็ดูใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ เอายาหม่องทาก็ไม่ยุบ เขาจึงพาเพื่อนปากไม่ดีขึ้นไปกราบหลวงพ่อจ้อย ด้วยรู้ว่าเพื่อนตนคงเจอดีอย่างแน่นอน เมื่อกราบหลวงพ่อจ้อยแล้วเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จบลง หลวงพ่อท่านนั่งนิ่งเฉยอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
............
หลวงพ่อจ้อย :

อาตมาได้บอกแล้วถึงข้อห้ามต่าง ๆ แต่โยมผู้นี้กลับฝ่าฝืน และลบหลู่ท้าทายด้วยคำพูดที่ไม่สมควร ถูกตักเตือนแล้วไม่หลาบจำ แต่กลับพูดจากท้าทายอีก เหตุนี้เทพเทวดาเขาจึงลงโทษได้ผลเช่นนี้ หากสำนึกแล้วก็ให้จุดธูปเทียนขอขมาลาโทษต่อเทวดาท่านเสีย เท่านี้เดี๋ยวก็จะหายเอง
............
คงเป็นด้วยความเจ็บปวด ชายขี้สงสัยรีบจุดธูปขอขมาทันที เสร็จแล้วได้นำเงินที่มีติดตัวทั้งหมดถวายแด่หลวงพ่อจ้อย ตามที่ตนได้พูดจาท้าทายเอาไว้ เสร็จแล้วท่านก็ปะพรมน้ำมนต์ให้ แล้วสั่งให้ไปนอนพัก เมื่อเขาตื่นอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ได้หายสิ้นอย่างอัศจรรย์ ซึ่งเรื่องราวแปลกประหลาดยังมีอีกเช่น พวกงูมักจะนอนเฝ้าอยู่ใกล้ที่ของหลวงพ่อจ้อย หากวันใดท่านไม่อยู่ใครจะเดินเข้าไปในบริเวณนั้นโดยพลการ พวกงูเขาจะแสดงอาการขู่ทันที หากยังฝ่าฝืนหยิบฉวยของ พวกมันจะทำร้ายทันที บางคราวเขามาขดนอนเกะกะขวางทางนั่ง ทางเดิน ผู้ฅนเกรงกลัว หลวงพ่อจะออกปากบอกขอทางขอที่ พวกงูเหล่านี้จะเลื้อยหลบเลี่ยงทันที เหมือนดังพวกมันเข้าใจคำสั่งของหลวงพ่อจ้อย

******

มีต่อตอน ๒ พรุ่งนี้***

............
❀❀❀❀❀❀❀❀
สนใจบทความติดตามได้
โดยกด ==>>✪Likeเพจ✪<< ==
ทุก ✪Like/Share✪ คือกำลังใจ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจ •:*
❀❀❀❀❀❀❀❀
..........
เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top