หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525

สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง รุ่นแรก

สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง รุ่นแรก - 3

สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง รุ่นแรก - 5

ชื่อร้านค้า	จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jeerasit (112)
ชื่อพระเครื่อง	สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง รุ่นแรก
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ	Tayanrum@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	ศ. - 21 มิ.ย. 2562 - 20:52.31
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	อา. - 10 พ.ย. 2567 - 18:39.25

รายละเอียด
สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง . รุ่นแรก สวยเดิม ๆ ครับ... หายากครับ วัตถุมงคลของท่าน... พระคณาจารย์เรืองนามแห่งภาคตะวัน ออกในอดีตอีกหนึ่งองค์ ที่ควรค่าแก่ การศึกษาจดจำนั่นคือ "หลวงพ่อวาด อินฺทโชติ" อดีตเจ้าอาวาสวัดพลงไสว ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง พระเถระผู้มากด้วยเมตตา มีวิชาอาคมแก่กล้า และมีสุดยอดวัตถุมงคลมากด้วยประสบการณ์ เป็นเกจิร่วมยุคกับหลวงพ่อโต วัดเขาชากกระโดน หลวงพ่อวาด เป็นชาว อ.แหลมงอบ จ.ตราด ไม่มีหลักฐานระบุว่าท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.ใด ทราบเพียงว่าอุปสมบทที่วัดแหลม งอบ จนกระทั่งปี พ.ศ.2436 ช่วงที่ฝรั่งเศสบุกเข้ายึดเมืองจันทบุรี ท่านจึงหนีความวุ่นวายมากับญาติโดยทางเรือ และได้มาพักแรมอยู่ที่อ่าวหน้าวัดพลงไสวนี้ ได้เห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับบำเพ็ญสมาธิและปฏิบัติธรรม จึงตัดสินใจเสี่ยงบารมีโดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่า "...ถ้าสามารถที่จะบำเพ็ญ ธรรมต่อไป ขอให้มีปรากฏการณ์อันศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นด้วย" เพียงชั่วครู่ บริเวณที่แห่งนั้นก็เกิดพายุหมุนและหมุนแบบทักษิณาวรรตท่ามกลางความปลื้มปีติของท่านและญาติที่ได้เห็น ท่านจึงสร้างกุฏิขึ้นพอได้เป็นที่พักอาศัยและลงมือก่อสร้างเป็นวัดที่ถาวรสืบต่อมา ตั้งชื่อว่า "วัดพลงไสว" ปัจจุบันมีพระครูสังฆรักษ์สมุทร มนุญโญ เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระที่ดุ ผู้คนเกรงกลัวมาก พูดน้อย มีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัว และมีวิชาอาคมสูงมาก เพราะว่าสนใจวิชาทางไสยศาสตร์มาแต่เดิมอยู่ก่อนแล้ว แม้แต่หลวงพ่อโต วัดเขาชากกระโดน ก็ให้ความเคารพนับถือ และยังเคยไปเล่าเรียนและต่อวิชาลงผ้าประเจียด, พัดโบกกับท่านเสมอ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ วัดพลงไสวจะมีชาวบ้านมาจากแดนไกลขอให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นทางด้านแก้ "ยาสั่งยาเบื่อ" ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ ใครที่ไปรักษา ถ้าท่านบอกว่าหายก็ต้องหาย แต่รายใดท่านบอกว่าไม่ต้องรักษา ส่วนมากจะปรากฏว่าไม่มีใครรอดสักราย นอกจากนี้ หากท่านได้ ว่ากล่าวหรือสาปแช่งผู้ใดจะต้องเป็นไปตามปากทุกราย จนขนานนามให้ท่านเป็น "หลวงพ่อวาจาสิทธิ์" อุปนิสัยของท่านเป็นพระที่สันโดษ มักน้อย ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ เมื่อครั้งที่เจ้าคณะแขวง (ในสมัยนั้น) จะแต่งตั้งให้เป็นพระครูและพระอุปัชฌาย์ ท่านก็ไม่ยอมรับ แม้ว่าลูกศิษย์จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนเจ้าคณะแขวงต้องนำไปมอบให้หลวงพ่อเหลี่ยม (พระครูนิพันธ์ธรรมศาสน์) วัดกลางกร่ำ สหธรรมิกของท่าน ซึ่งหลวงพ่อเหลี่ยมนี้เป็นพระอุปัชฌาย์ที่มีคนนับถือมาก สมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจมบพิตร ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมและพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2504 วัตถุมงคลที่หลวงพ่อวาดสร้างขึ้นมีไม่กี่ชนิด ส่วนมากศิษย์นำไปมอบให้ท่านทำให้ โดยท่านจะทำในช่วงเข้าพรรษาและมารับคืนไป หลังออกพรรษา เว้นจากเข้าพรรษาแล้วจะไม่รับทำให้ใครอีก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม วัตถุมงคลของท่านเท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้าประเจียด, ตะกรุด, สีผึ้งสีปาก เป็นส่วนมาก พระเครื่องเนื้อผงท่านก็สร้างไว้มากเหมือนกัน แต่ไม่ปรากฏว่าใครเคยได้ไปเพราะท่านนำไปฝังหมด ครั้งหนึ่งมีผู้มาขอสีผึ้งนำไปใช้โดยไม่ชอบธรรม คือนำไปป้ายลูกสาวชาวบ้านเขาและไม่ยอมรับเป็นเมีย ท่านจึงนำสีผึ้งพร้อมพระเครื่องที่สร้างทั้งหมดไปฝัง โดยไม่มีใครทราบว่าฝังไว้ที่ไหน พร้อมกับสาปแช่งว่า "ผู้ใดขุดไปก็ตาม ให้มันฉิบหาย ของมันดีแต่คนมันนำไปใช้ไม่ดี ของมันก็ไม่ดีไปด้วยแล้ว ก็ให้มันฝังอยู่กับแม่ธรณีก็แล้วกัน" ภายหลังท่านมรณภาพแล้ว มีพวกที่ไม่กลัวคำสาปแช่งต่างพากันไปเที่ยวขุดค้นหากัน แต่ก็ไม่พบ แม้ปัจจุบันก็ยังไม่พบ วัตถุมงคลของท่านที่ตกอยู่ ลูกศิษย์จึงเป็นที่หวงแหนแก่ผู้ที่ได้รับไปเป็นอย่างมาก ถ้าไม่คุ้นเคยหรือสนิทจริงๆ รับรองว่าไม่มีทางนำออก มาให้ดูแน่นอน ในปี พ.ศ.2487 ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชรา ทางคณะกรรมการวัดได้นิมนต์หลวงพ่อสงัด ปิยวัณโณ วัดโบสถ์เมืองมาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งต่อมาท่านได้สร้างรูปหล่อ และวัตถุมงคลเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อวาด รุ่นแรก ปี 2512 ให้ผู้ที่เคารพเลื่อมใสได้บูชา โดยนิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในภาคตะวันออกมาบรรจุพลังจิตลงไปในวัตถุมงคลตลอดคืน แม้จะเป็น "เหรียญตาย" ซึ่งสร้างหลังจากท่านมรณภาพแล้ว แต่ก็ได้รับความนิยมสูง มีผู้เสาะแสวงหากันมาก เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์และประสบการณ์สูงทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี คอลัมน์ อริยะโลกที่6 มาจากหนังสือพิมพ์ :

รายละเอียด

สมเด็จหลวงพ่อวาด วัดพลงไสว ระยอง . รุ่นแรก

สวยเดิม ๆ ครับ...

หายากครับ วัตถุมงคลของท่าน...

พระคณาจารย์เรืองนามแห่งภาคตะวัน ออกในอดีตอีกหนึ่งองค์ ที่ควรค่าแก่ การศึกษาจดจำนั่นคือ "หลวงพ่อวาด อินฺทโชติ" อดีตเจ้าอาวาสวัดพลงไสว ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง

พระเถระผู้มากด้วยเมตตา มีวิชาอาคมแก่กล้า และมีสุดยอดวัตถุมงคลมากด้วยประสบการณ์ เป็นเกจิร่วมยุคกับหลวงพ่อโต วัดเขาชากกระโดน

หลวงพ่อวาด เป็นชาว อ.แหลมงอบ จ.ตราด ไม่มีหลักฐานระบุว่าท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.ใด ทราบเพียงว่าอุปสมบทที่วัดแหลม งอบ จนกระทั่งปี พ.ศ.2436 ช่วงที่ฝรั่งเศสบุกเข้ายึดเมืองจันทบุรี ท่านจึงหนีความวุ่นวายมากับญาติโดยทางเรือ และได้มาพักแรมอยู่ที่อ่าวหน้าวัดพลงไสวนี้ ได้เห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับบำเพ็ญสมาธิและปฏิบัติธรรม จึงตัดสินใจเสี่ยงบารมีโดยตั้งสัจจะอธิษฐานว่า "...ถ้าสามารถที่จะบำเพ็ญ ธรรมต่อไป ขอให้มีปรากฏการณ์อันศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นด้วย"

เพียงชั่วครู่ บริเวณที่แห่งนั้นก็เกิดพายุหมุนและหมุนแบบทักษิณาวรรตท่ามกลางความปลื้มปีติของท่านและญาติที่ได้เห็น ท่านจึงสร้างกุฏิขึ้นพอได้เป็นที่พักอาศัยและลงมือก่อสร้างเป็นวัดที่ถาวรสืบต่อมา ตั้งชื่อว่า "วัดพลงไสว" ปัจจุบันมีพระครูสังฆรักษ์สมุทร มนุญโญ เป็นเจ้าอาวาส

ท่านเป็นพระที่ดุ ผู้คนเกรงกลัวมาก พูดน้อย มีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัว และมีวิชาอาคมสูงมาก เพราะว่าสนใจวิชาทางไสยศาสตร์มาแต่เดิมอยู่ก่อนแล้ว แม้แต่หลวงพ่อโต วัดเขาชากกระโดน ก็ให้ความเคารพนับถือ และยังเคยไปเล่าเรียนและต่อวิชาลงผ้าประเจียด, พัดโบกกับท่านเสมอ

ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ วัดพลงไสวจะมีชาวบ้านมาจากแดนไกลขอให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นทางด้านแก้ "ยาสั่งยาเบื่อ" ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ ใครที่ไปรักษา ถ้าท่านบอกว่าหายก็ต้องหาย แต่รายใดท่านบอกว่าไม่ต้องรักษา ส่วนมากจะปรากฏว่าไม่มีใครรอดสักราย นอกจากนี้ หากท่านได้ ว่ากล่าวหรือสาปแช่งผู้ใดจะต้องเป็นไปตามปากทุกราย จนขนานนามให้ท่านเป็น "หลวงพ่อวาจาสิทธิ์"

อุปนิสัยของท่านเป็นพระที่สันโดษ มักน้อย ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ เมื่อครั้งที่เจ้าคณะแขวง (ในสมัยนั้น) จะแต่งตั้งให้เป็นพระครูและพระอุปัชฌาย์ ท่านก็ไม่ยอมรับ แม้ว่าลูกศิษย์จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนเจ้าคณะแขวงต้องนำไปมอบให้หลวงพ่อเหลี่ยม (พระครูนิพันธ์ธรรมศาสน์) วัดกลางกร่ำ สหธรรมิกของท่าน ซึ่งหลวงพ่อเหลี่ยมนี้เป็นพระอุปัชฌาย์ที่มีคนนับถือมาก สมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจมบพิตร ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมและพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2504

วัตถุมงคลที่หลวงพ่อวาดสร้างขึ้นมีไม่กี่ชนิด ส่วนมากศิษย์นำไปมอบให้ท่านทำให้ โดยท่านจะทำในช่วงเข้าพรรษาและมารับคืนไป หลังออกพรรษา เว้นจากเข้าพรรษาแล้วจะไม่รับทำให้ใครอีก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม วัตถุมงคลของท่านเท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้าประเจียด, ตะกรุด, สีผึ้งสีปาก เป็นส่วนมาก พระเครื่องเนื้อผงท่านก็สร้างไว้มากเหมือนกัน แต่ไม่ปรากฏว่าใครเคยได้ไปเพราะท่านนำไปฝังหมด

ครั้งหนึ่งมีผู้มาขอสีผึ้งนำไปใช้โดยไม่ชอบธรรม คือนำไปป้ายลูกสาวชาวบ้านเขาและไม่ยอมรับเป็นเมีย ท่านจึงนำสีผึ้งพร้อมพระเครื่องที่สร้างทั้งหมดไปฝัง โดยไม่มีใครทราบว่าฝังไว้ที่ไหน พร้อมกับสาปแช่งว่า "ผู้ใดขุดไปก็ตาม ให้มันฉิบหาย ของมันดีแต่คนมันนำไปใช้ไม่ดี ของมันก็ไม่ดีไปด้วยแล้ว ก็ให้มันฝังอยู่กับแม่ธรณีก็แล้วกัน" ภายหลังท่านมรณภาพแล้ว มีพวกที่ไม่กลัวคำสาปแช่งต่างพากันไปเที่ยวขุดค้นหากัน แต่ก็ไม่พบ แม้ปัจจุบันก็ยังไม่พบ

วัตถุมงคลของท่านที่ตกอยู่ ลูกศิษย์จึงเป็นที่หวงแหนแก่ผู้ที่ได้รับไปเป็นอย่างมาก ถ้าไม่คุ้นเคยหรือสนิทจริงๆ รับรองว่าไม่มีทางนำออก มาให้ดูแน่นอน

ในปี พ.ศ.2487 ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชรา ทางคณะกรรมการวัดได้นิมนต์หลวงพ่อสงัด ปิยวัณโณ วัดโบสถ์เมืองมาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งต่อมาท่านได้สร้างรูปหล่อ และวัตถุมงคลเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อวาด รุ่นแรก ปี 2512 ให้ผู้ที่เคารพเลื่อมใสได้บูชา โดยนิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในภาคตะวันออกมาบรรจุพลังจิตลงไปในวัตถุมงคลตลอดคืน แม้จะเป็น "เหรียญตาย" ซึ่งสร้างหลังจากท่านมรณภาพแล้ว แต่ก็ได้รับความนิยมสูง มีผู้เสาะแสวงหากันมาก เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์และประสบการณ์สูงทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี

คอลัมน์ อริยะโลกที่6

มาจากหนังสือพิมพ์ :