-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
เหรียญท่านพ่อ บัณฑูรสิงห์ ปี 2514
ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญท่านพ่อ บัณฑูรสิงห์ ปี 2514 |
อายุพระเครื่อง | 53 ปี |
หมวดพระ | เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พฤ. - 06 มิ.ย. 2562 - 21:15.01 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พฤ. - 21 พ.ย. 2567 - 15:46.17 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญท่านพ่อ บัณฑูรสิงห์ ปี 2514 สวยเดิมครับ.. http://uauction2.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=338&qid=126591 สตาร์ทที่ 700 บาท ขอนำประวัติ ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต (เจิม คุณาบุตร) มาลงให้อ่านครับ ท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ เกิดที่หมู่ ๘ ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หมู่บ้านเกิดของท่านเรียกว่า "บ้านบน" เพราะอยู่เหนือศูนย์กลางคือวัดขึ้นไปข้างบน ท่านพ่อเป็นบุตรคนที่ ๒ ของปู่แพ คุณย่านุ่ม คุณาบุตร มีพี่และน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน คือ ๑. นางสาวเจือ คุณาบุตร ๒. ท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ (เจิม คุณาบุตร) ๓. แม่เจียม คุณาบุตร หรือบุญเลี่ยม ๔. พ่อแถบ คุณาบุตร (โยมบิดาของหลวงพ่อวัดเกตุมดีฯ) ๕. พ่อพ้อง คุณาบุตร ๖. พ่อยอด คุณาบุตร ชีวิตเมื่อเยาว์วัยของท่านพ่อตามคำบอกเล่าของพ่อแถบ คุณาบุตร ว่าท่านสงบเสงี่ยม และสามารถอดกลั้นต่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีเป็นเยี่ยม เมื่อายุได้ ๑๑ ปี ได้ไปเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อเพชร เจ้าอาวาสวัดตรีจินดาราม (วัดสามจีน) สมุทรสาคร พออายุได้ ๑๔ ปี จึงได้ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อสมุห์เทศ วัดใหญ่บ้านบ่อ สมุทรสาคร เพื่อเรียนหนังสือต่อในชั้นสูงขึ้นไปอีก เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณร เมื่อท่านเรียนหนังสือได้สูงขึ้นหลวงพ่อเห็นว่าเป็นเด็กดีมีแวว ทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาดกว่าเพื่อน หมดความรู้ที่อาจารย์จะสอน จึงได้แนะนำให้มาศึกษาต่อกับอาจารย์ทองดี (เปรียญ) ที่วัดบางพลีใหญ่ เหนือบ้านเกิดขึ้นไปอีกตำบลหนึ่ง ท่านพ่อได้ศึกษาภาษามคธ-บาลี ทั้งเรียนหนังสือขอมไปด้วย ท่านพ่อบวชเป็นสามเณรอยู่จนอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงจัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ ณ วัดบางพลีใหญ่นั่นเอง พระอุปัชฌาย์ของท่านพ่อ คือหลวงพ่อนิล วัดตึก สมุทรสาคร หลวงพ่อเทศ หลวงพ่อนิตย์ วัดใหญ่บ้านบ่อเป็นกรรมวาจาจารย์ เมื่อท่านพ่ออุปสมบทแล้ว ญาติโยมได้นิมนต์ให้มาอยู่ที่สำนักสงฆ์บางโทรัด เพราะใกล้บ้าน โปรดญาติโยมได้สะดวก สำนักสงฆ์บางโทรัด ปู่แพ ย่านุ่ม คุณาบุตร ซึ่งเป็นโยมบิดามารดา เป็นผู้สร้าง จึงต้องการให้ท่านพ่อมาดูแลและบูรณะให้ดีขึ้นไปอีก เมื่อท่านพ่อย้ายมาอยู่ตามความตั้งใจของโยมบิดามารดา สำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระอยู่ ๒ หรือ ๓ รูปเท่านั้น กุฏิก็โย้เย้แทบจะพังมิพังอยู่แล้ว โบสถ์ที่จะใช้ทำสังฆกิจก็ไม่มี เมื่อท่านพ่อมาอยู่สำนักนี้ ท่านก็ได้สร้างหรือซ่อมสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม ให้ดีขึ้นและใช้การได้ต่อไป เมื่ออยู่ได้ ๓ พรรษา ก็ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า และได้ดำเนินการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นแบบเรือนไทยเตี้ย ๆ สำเร็จพร้อมทั้งปรับปรุงกุฏิที่โย้เย้ให้ดีเหมือนเดิมจนใช้การได้ นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีโบสถ์สำหรับสงฆ์ทำสังฆกิจได้ในวัด โดยไม่ต้องไปอาศัยวัดอื่น ทั้งศาลาการเปรียญและเสนาสนะอื่น ๆ ก็ซ่อมให้ดีขึ้น ท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือก อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามและขอเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุณทุกป ได้เข้าอยู่ปริวาสกรรมก่อนเดินธุดงค์ ได้บรรลุธรรมในขณะอยู่ปริวาส ตามคำบอกเล่าของท่านว่าได้เห็นในร่างกายโปร่งชัดเจน เหมือนกระจกแก้วในไปทั้งร่าง ครั้งแรกแปลกใจ แต่เก็บความรู้สึกไว้สอบสวนอยู่่ทุกคืน และโอกาศที่ได้นั่งกรรมฐาน จนแน่ชัดแล้วจึงคิดว่าเมื่อเราเห็นในตัวชัดแจ้งอย่างนี้แล้ว ในดินตรงหน้านี้มีอะไรบ้าง ก็เห็นในพิ้นดินแจ้งไปหมด สงสัยที่ตรงไหนตรงนั้นก็เห็น ไม่มีสิ่งใดบังกั้นเลยเป็นเวลานาน เมื่อเข้าหมู่สงฆ์หลวงพ่อรุณทราบด้วยฌาน ก็ยกย่องในหมู่คณะสงฆ์นั้นว่า "คุณเจิม" รู้ธรรมแล้ว (ปกติหลวงพ่อรุณท่านไม่ได้พูดหรือสอนมาก เพราะท่านสร้างบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า) ได้แต่บอกวิธีปฏิบัติให้ เมื่อใครปฏิบัติดีท่านก็ยกย่องขึ้น ต่อมาท่านพ่อได้พิจารณาถึงว่า ท่านได้เกิดมากี่ชาติสร้างบารมีอะไรมา ท่านก็ระลึกชาติแต่หนหลังได้ว่า เกิดมาแล้ว ๙๒ กัลป์ เคยอธิษฐานสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์มาตลอด ได้รับพยากรณ์จากพระสมณโคดมพุทธเจ้าพระองค์นี้ในชาติที่เกิด เป็นช้างนาราคิริงและจะเกิดมาในตระกูลสามัญชนอีกเพียงชาตินี้เท่านั้น ต่อไปก็จะไปเกิดเมื่อพระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้า ท่านจะเป็นพระพุทธอุปัฏฐากบำรุงอยู่ตลอด ถึงพระศรีอริยเมตตรัยดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านพ่อก็จะยับยั้งอยู่ดุสิตเทวโลก จนกว่าถึงสมัยที่ท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๐ ในพุทธกาลหน้า ท่านบวชได้ ๕ พรรษา พิจารณาว่าต่อไปจะเริ่งสร้างบารมี ถ้าจะอยู่ในสมณเพศก็จะคับแคบ เพราะจะต้องสงเคราะห์ญาติด้วยอาการต่าง ๆ จะทำให้พระธรรมวินัยของพระสมณโคดมแปดเปื้อนเป็นมลทิน ทั้งจะทำให้ผู้ที่เพ้อเจ้อโง่เขลา เบาปัญญาต้องมีโทษต่าง ๆ อีกด้วย ท่านก็เลยปลงจิตลาสิกขาบทจากสมณเพศมาปฏิบัติธรรมในฐานะฆราวาส โดยตั้งอยู่ในศีล ๕ เป็นปกติ วันพระก็รับศีลอุโบสถเป็นประจำ ส่วนอาชีพอื่น ๆ ตามบรรพบุรุษก็ถือแบบทำมาโดยตลอดเยี่ยงบุคลสามัญทั้งหลาย บิดามารดาเห็นสมควรให้ครองเรือนโดยสู่ขอแม่เรียบ รสทองให้แต่งงานอยู่กินแบบบุคคลทั่วไป ท่านก็อนุโลมตาม ลาสิกขาบทมาได้ ๕ ปี ก็แต่งงานอายุ ๓๐ ปี แต่ยังมิได้บอกใครว่าได้บรรลุธรรมอันใด ท่่านทำนาเกลือเมื่อหน้าแล้ง พอหน้าฝนท่านก็ข้ามมาฝั่งตรงข้ามคือ วัดเกตุมดีฯ ในปัจจุบัน แต่สมัยก่อนเหมือนยังอยู่ในป่าห่างจากบ้านเดิมประมาณ ๒ กิโลเมตร ท่านได้มาแผ้วถางที่บริเวณพระธาตุองค์เก่าที่เหลือแต่ซากหักพังบริเวณใกล้ ๆ ท่าน ปลูกข้าวปีหนึ่ง ๆ ก็ได้ข้าวพอสมควร แต่มักจะมีฝูงนกใหญ่ ๆ มากิน ท่านไม่ไล่และไม่ให้ใครไล่ ท่านบอกว่าให้ทานนกกินก็แล้วกัน (ต่อมาท่านจึงบอกว่าไม่ประสงค์จะมาปลูกเอาข้าวจะมานั่งพักอยู่ เพื่อนั่งตรวจสถานที่ให้แน่นอนว่า เป็นที่สร้างบารมีแน่ชัดหรือไม่) เมื่อท่านอายุได้ ๓๕ ปี ท่านก็ได้เปิดเผยการปฏิบัติธรรมจะขอเริ่มสร้างบารมี โดยครั้งแรกท่านได้ไปกราบบิดามารดาของท่านที่เท้า แล้วบอกว่าได้รู้เห็นธรรมอย่างนั้น ๆ มาตั้งแต่บวช ต่อไปนี้สมควรที่จะสร้างบารมีต่อไปแล้ว ขอให้พ่อแม่ตั้งทุนขึ้นเพื่อสร้างเสริมองค์ำพระธาตุเก่าแก่นี้ก่อนเป็นคนแรก เมื่อบูรณขึ้นแล้วก็ให้พ่อแม่ปลูกต้นโพธิ์อธิษฐานไว้ข้างองค์พระธาตุคนละต้น (ขณะที่ขยายองค์พระธาตุจึงได้ขอตัวตัดออกไป) แต่ส่วนหนึ่งที่แตกจากรากลอดองค์พระธาตุ ดูเหมือนกับมือจะซ้อนองค์พระธาตุข้างที่ทรุดไว้ ปัจจุบันนี้ต้นโพธิ์ส่วนที่แตกออกมานี้ก็ยังอยู่ ท่านเริ่มสอนกรรมฐานตามแบบที่เรียนมาจากหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือกสืบมา แต่ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะต้องให้สมาทานศีลห้า ข้อใดข้อหนึ่งตามที่ตนจะรักษาได้ตลอดชีวิตก่อน แล้วท่านจะบอกให้เรียนกรรมฐาน ต่อจากนั้นท่านก็บูรณะวัดบางโทรัด แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบัณฑูรย์สิงห์ในปัจจุบัน โดยสืบต่อจากพ่อแม่ของท่านได้สร้างมา และเปลี่ยนจากเดิมทุกอย่าง จากไม้มาเป็นคอนกรีตทั้งหมด ท่านได้สอนธรรมมาโดยตลอด และสถานที่เกตุมดีฯท่านให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์ ที่มุ่งสู่ความสงบโดยแท้จริง และสามารถมาพักเพื่อปฏิบัติธรรมติดต่อ ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ( ต.ม. ) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๐๓ ท่านได้สร้างบารมีโดยตลอดมาถึงอายุ ๗๒ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านได้ถึงแก่กรรมทิ้งขันธ์ละโลกนี้ไป เหลือไว้ให้แต่อาณาเขตบริเวณพระธาตุเกตุมวดีย์ พร้อมทั้งอธิษฐานจิตไว้ ๓ ประการ ณ เกตุมวดีย์มงคลสถานแห่งนี้ ๑. ผู้ใดเคยเป็นญาติมาแต่อดีต เมื่อเกิดขึ้น ขอจงมาสร้างกุศลบารมีอธิษฐานต่อไป ณ สถานที่นี้ ๒ ผู้ใดได้ทำบุญสร้างกุศลมามาก ขอจงมาสร้างบารมีและอธิษฐานต่อไป ณ สถานที่นี้ ๓. ผู้ใดได้สร้างบารมีอธิษฐานเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ขอจงอธิษฐานสร้างบารมีต่อไป ณ สถานที่นี้ ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments