-
0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
หมวด เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540
เหรียญหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน หลังฤาษีตาไฟ ปี 2530





ชื่อร้านค้า | จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน หลังฤาษีตาไฟ ปี 2530 |
อายุพระเครื่อง | 38 ปี |
หมวดพระ | เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 08-6560-4037 |
อีเมล์ติดต่อ | Tayanrum@hotmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 31 พ.ค. 2562 - 20:57.05 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ส. - 08 มิ.ย. 2562 - 16:56.11 |
รายละเอียด | |
---|---|
เหรียญหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน หลังฤาษีตาไฟ ปี 2530 ยอดพระเกจิ...ผู้สร้าง ปลัดขิก ได้ขลังมาก... ...วิชาอาคม ท่าน ไม่เป็นรองใคร.... ((ชมข้อมูล ที่นำมาประกอบได้ครับ)) หลวงปู่เมฆ สฺจจาสโภ (สิทธิราชา) ขลังที่ยังไม่สิ้น เครดิต โดย...กฤปาจารย์ “การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่สร้างในวันเดียว ต้อง ใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่ที่สำคัญคือความอดทน คือ ไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้น ทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนไม่ได้ผล ไม่ ดังดูมันครึ ทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดี ไม่ครึ ต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะ เห็นผลแน่นอน ในความอดทนของตน ในความเพียรของตน ต้องถือว่าวันนี้เรายังทำไม่ ได้ผล อย่าไปท้อ บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ” พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ใน โอกาสเข้าเฝ้า วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ มีหลายท่านอยากให้ผมอัญเชิญพระบรมราโชวาท มาเป็นมิ่งขวัญ มาเป็น กำลังใจ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สำหรับท่านที่กำลังสงสัย กำลังท้อถอยในการ ทำความดี พระบรมราโชวาทนี้ คงเป็นน้ำทิพย์ปลอบประโลมใจให้สร้างความเพียร ความอดทน ความเสียสละ เป็นการเดินตาม “รอยเท้าพ่อ” ผมเป็นคนชอบสีดำ แม้บางคนจะมองว่าสีดำเป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย ที่ผม ชอบ เพราะสีดำนั้นซื่อสัตย์ไม่หลอกใคร ดำก็เป็นดำไม่มีดำแก่ดำอ่อน ถ้าดำอ่อนเราเรียก “สีเทา” สีขาว เมื่ออยู่โดดๆไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ ก็ยังดูเป็นสีขาวอยู่ ทั้งที่เป็น ขาวมอๆ ที่เห็นว่าขาวๆใช่หาบริสุทธิ์เสมอไปไม่ เมื่อผมชอบสีดำ ผมจึงชอบคืนข้างแรม เมื่อฟ้ามืดดำ ก็จะเห็นแสงดาวเด่นชัด ระยิบระยับงามตา ผมเป็นคนชอบดูดาว แม้ไม่ใช่ขงเบ้งก็ตามที เมื่อผมชอบดูดาว ผม จึงชอบสะสมสะเก็ดดาวตก ผมไม่ชอบดูพระจันทร์ เพราะดูที่นามสกุลของผมก็ได้ ก็ดู มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่ต้องแหงนหน้าให้เมื่อยคอ หลายท่านที่รู้จักมักจะกล่าวหาว่าผมเป็นคน”ปากจัด” บางคนก็ว่าอย่างไม่เกรง ใจว่า “ปากหมา” ปากปีจอ ชอบกัด ชอบเหน็บแนม “ แนะแหน” ไปทั่ว แม้เจ้านายก็ ไม่เว้น บางท่านเคืองพาลจะไม่เผาผีกันก็มี เมื่อมาเขียนหนังสือนิสัยก็ไม่ได้เปลี่ยน ผมก็ เป็นคนของผมอย่างนี้ เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรก็จะบอกกล่าว ก็พูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อม แม้จะไม่ถูกใจใคร แต่ยึดถือความถูกต้อง อย่างนี้ควรจะเรียกปาก “สร้างสรรค์” เสีย มากกว่า คุยกับ น้องต่อ "รณธรรม ธาราพันธ์" ไม่รู้ว่าชมหรือด่ากันแน่ กล่าวหาว่าตัว อักษรของผมติดใบมีดโกนกรีดไปทั่ว แล้วน้องต่อก็หัวเราะ ถามว่าไม่กลัวหรือ? ผมมัน เลือดฟันเฟืองเก่า ก็นึกถึงคำกล่าวของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ เมื่อถูกขู่ “กูไม่กลัวมึง” “นั่นอาจารย์คึกฤทธิ์นะพี่” “ เออ อย่างน้อยก็มี ฤ เหมือนกันละวะ” ใครที่คิดจะทำร้ายผมก็ใจเย็นๆได้ครับ ผมนะฆ่าก็ตาย ไม่ฆ่าก็ตาย อยู่ได้ ไม่กี่ปีหรอกครับ หมอดูเขาฟันธงว่าผมจะอยู่ได้อีก ๒ ปี เดี๋ยวก็รู้ว่า ธงจะขาดหรือไม่ เห็นไหมครับตั้งแต่ย่อหน้าแรกมาถึงตอนนี้ ผมกรีดไปหลายคนแล้ว มีผู้จดหมายร้องเรียนไปยังคุณอำพล เจน ว่าไปบูชาพระนางพญาทิพย์ สุวรรณ ที่วัดเกาะสุวรรณาราม แล้วได้รับการต้อนรับที่ไม่ดี พระก็ไม่ได้แล้วยังเสีย อารมณ์ เสียศรัทธา พาลจะไม่อยากเข้าวัดต่อไปอีก ผมไม่ทราบท่านไปพบอะไรเข้า ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่รายแรกที่เจอ จนผมต้องเอาพระที่มีอยู่มอบให้ไปแทน จนพระที่ผมมีอยู่หมด เกลี้ยง หลังจากหลวงพ่อแม้น มรณภาพผมก็ไม่ได้เข้าวัดเลย และคนในวัดผมก็ไม่รู้จัก ใคร นอกจากหลวงพ่อองค์เดียว เมื่อรู้ว่ามีของดีจึงแนะนำไป ทราบว่า ทั้งพระนางพญาฯ พระสมเด็จฯ ตะกรุด และปลัดขิก ของหลวงพ่อแม้น หมดไม่มีเหลือแล้ว การจะไปวัดหรือไปหาครูบาอาจารย์ท่านใด บางครั้งก็ต้องดูจริตของผู้ที่เราไป พบด้วยว่าเป็นเช่นใด จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ มิฉะนั้นเราก็จะเกิดทุกข์จากโมหะ เมื่อ ครั้งหลวงพ่อคูณ เป็นที่รู้จักกันใหม่ๆ ผู้ที่ไปพบก็รับกันไม่ได้ ครั้นวันเวลาผ่านไปก็เข้า ใจว่า “กู” ของท่านหมายถึง “ ผม” หรือ “อาตมา” “ มึง” ของท่าน หมายถึง “โยม” หรือ “ท่าน” ก็กลายเป็นว่าหลวงพ่อคูณพูด กู มึง เพราะที่สุดในโลกไป ผมเองก็เคยกระเจิงออกจากวัดดังชายทะเล ขับรถไปเกือบ ๒๐๐ กิโลฯ เพื่อ เอาชานหมาก ๙ คำมาผสมพระตามคำสั่ง กลับโดนผรุสวาท “กูไม่ให้มึง ชานหมากใคร เค้าให้กันง่ายๆ กูให้มึง กูกินลงท้องดีกว่า” ผมโกรธมาหลายปี ไม่เคยเหยียบวัดนั้นอีก เลย พร้อมกับเสียงบ่นตามหลังมา “ครูบาอาจารย์มันยังโกรธ” อัตตาในตัวผมสวนกลับ ไปว่า “ไม่ใช่อาจารย์กู” ขนาดหลวงตามหาบัว ชานหมากผมยังง้างออกจากปากท่านได้ แล้วนี่เป็นใคร พระก็ทำให้ฟรีๆ ผมโกรธมาหลายปี จริตของคนไม่เหมือนกัน คิดได้อย่างนี้ ความโกรธก็คลาย หลวงพ่อบุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี ก็เคยทำให้ผู้ที่เข้า นมัสการต้องผวา ด้วยคำตำหนิต่างๆนานา ถ้าเราเข้าใจว่าท่านสร้างเกราะป้องกันตัว ไม่ให้คนจำนวนมากมารบกวน เพื่อเอาเวลามาปฏิบัติธรรม เราก็จะสบายใจ รณธรรม ธาราพันธ์ เคยเล่าให้ฟังว่า มีหนุ่มโคราช ศิษย์หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ผ่านไปเมืองอุบลฯ ก็แวะนมัสการหลวงพ่อบุญมี พ่อเงยหน้าหลังจากกราบท่านก็เจอ ของแข็ง ลอยมากระทบหัว ท่ามกลางความงุนงงของเจ้าตัว ผลก็แตกซิครับ เมื่อกลับ ไปโคราชก็ไปฟ้องหลวงพ่อพุธ เมื่อท่านตรวจแล้วก็ทราบว่าหนุ่มนั้นชะตาขาด หลวง พ่อบุญมีท่านทราบ ก็เลยแก้เคล็ดให้ อย่างนี้ก็คงโกรธกันไม่ลง ถ้าเป็นผมคงกลับไปให้ ท่านปาหัวอีกสักที เผื่อจะได้หายโง่หายบ้าเสียบ้าง เรื่องของหลวงพ่อบุญมี โชติปาโล มี “ช็อตเด็ด” อีกมากฝากท่านอาจารย์ใหญ่ อำพล เจน คนเมืองอุบลฯ ถ้านึกออกก็เขียนเล่าให้แฟนๆอ่านสักที เรื่องปากนี่ต้องยกให้หลวงปู่เมฆท่านละ กับวลีอมตะ “ของดีกูไม่มี กูมีแต่ค. .” ยังจำติดแน่นสองหู ไม่ได้ทะลุไปไหน คิดถึงทีไร ก็อมยิ้มทุกทีไป เรื่องเป่าหัวในงานพุทธาภิเษก ที่เคยเขียนถึง หลวงปู่เมฆท่านจะไม่เป่าให้ใคร เด็ดขาด จนกว่าจะเสร็จพิธี นั่นแหละค่อยมาเป่ากันท่านว่า “เจ้าภาพเขาจัดพิธีต้องลง ทุน ใช้เงินทองมากมาย เขาไว้ใจเรามาร่วมพิธี เราต้องทำให้เขาก่อน เอาพลังที่เตรียม มาใส่ในวัตถุมงคล ให้สมกับที่เขาไว้ใจเรา” จึงน่ายินดี ใครที่มีวัตถุมงคลที่หลวงปู่เมฆ เข้าร่วมพิธี ต้องมีพลังขลังของท่านอยู่เต็มเปี่ยมแน่นนอน พิธีพุทธาภิเษกครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่เมฆ เข้าร่วมคือพิธีที่วัดดวงแข ซึ่งท่าน กับหลวงปู่วิเวียนรักใคร่นับถือกัน หลวงปู่ต้องนั่งรถเข็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงอาพาธ เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นพิธีใหญ่ มีคณาจารย์ ๖๐ รูป ซึ่งระบือนามใน ยุคนั้น ร่วมนั่งปรก ในพิธีครั้งนั้นหลวงปู่ได้ออกจากพิธีเป็นรูปสุดท้าย เรียกว่าเสกทิ้ง ทวนกันละ ใครมีพระรุ่นนี้อยู่ในครอบครอง รับรองว่าดีแน่ เมื่อปี ๒๕๓๐ หลังจากกลับจากร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศน์ฯ หลวงปู่ เมฆสั่งให้ตามลูกศิษย์ผู้หนึ่งมาพบทันที เมื่อลูกศิษย์ผู้นั้นมาพบ หลวงปู่เปิดฉากทันที “ต่อไปนี้มึงไม่ต้องทำพระมาให้กูอีกแล้ว” “ทำไมละหลวงปู่” ถามงงๆ “มึงไม่ไว้ใจกู เอาพระของกูไปเข้าพิธีที่วัดบวรฯทำไม?” “หลวงปู่รู้?” “เออซิวะ ของๆกูทำไมกูจะไม่รู้” ของที่อยู่ในพิธีคลุมผ้าขาวไว้ เป็นเหรียญรูป เหมือนหลวงปู่เมฆ ด้านหลังเป็นรูปฤาษี ผู้สร้างปรารถนาดีเพื่อเพิ่มความเข้มขลัง จึง นำไปฝากพิธี นี่แหละเสือที่ไม่ยอมขอเนื้อใครกิน แต่ยอมสละเนื้อของตัวให้ หลวงพ่อสวัสดิ์ แห่งสำนักเม้าสุขา ชลบุรี ท่านจะปฏิเสธทุกครั้ง ที่มีผู้มาขอให้ ท่าน “ประสิทธิ์” วัตถุมงคลของท่าน ที่บูชามา “ของทุกอย่างได้ทำมาอย่างดีแล้ว ถ้าไม่ เชื่อใจกัน ไม่ต้องเอาไป” อหังการเสียไม่มี มีหลายท่านสงสัยเรื่องสรรพคุณของ “ไม้เขยตาย” ซึ่งมีอยู่หลายตำนาน ตาม แต่ละท้องถิ่นก็เล่าๆ ต่อกันมา แต่ก็คล้ายๆกัน ทางแม่กลองเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยาย เป็น” แต่หลวงปู่เมฆท่านเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแหล” ท่านเล่าว่า แม่ยายกับ ลูกเขย ออกไปทำนา ระหว่างทางลูกเขยถูกงูเห่ากัด พิษเข้าหัวใจเลยตาย แม่ยายจะ แบกศพลูกเขยกลับบ้านไม่ไหวเลยตัดกิ่งไม้ที่อยู่บริเวณนั้น มาคลุมศพลูกเขยไว้ แล้วกลับบ้านไปตามคนมาช่วยเอาศพลูกเขยกลับบ้าน ยางกิ่งไม้ที่แม่ยายตัดคลุมศพ ลูกเขย ก็ไหลเข้าปากลูกเขย ผลลูกเขยก็กลับฟื้นขึ้นมา แม่ยายเมื่อตามคนมาช่วยก็นั่ง เกวียนมา แต่พอมาถึงเห็นลูกเขยฟื้น ชาวบ้านเลยหาว่าแม่ยายโกหก เลยเรียกไม้นั้นว่า “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแล” นี่ถ้าเป็นแม่ยายบางคน คงถูกบีบคอเป็นของแถม ให้แน่ใจ ว่าตายแน่ๆ ก่อนเอาไม้มาคลุม ! งูกลัวไม้เขยตายจริงหรือไม่ ? ยางไม้เขยตายทำให้คนที่ถูกงูกัดตายฟื้นขึ้นมา ได้จริงไม่? คงไม่กล้าชี้ชัด แต่คนรุ่นเก่าแถวบ้านผมเมื่อออกนาต่างห้อยปลัดขิกของ หลวงปู่เมฆกันเป็นพวง ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง ก็ไม่เห็นงูมาตอแย ขนาดเป็นฤดูงูผสม พันธุ์วางไข่ ซึ่งเป็นช่วงที่งูดุที่สุด เมื่อเห็นรูปหลวงปู่เมฆ นั่งบนงู ไม่ใช่ท่านเกิดปี มะโรงนะครับ แต่เป็นความหมายว่า ท่านเป็น “ผู้สยบงู” งานประจำปีนมัสการหลวงปู่เมฆ เมื่อปีที่แล้วคุณเรณู ฮิรายาม่า สาวไทยชาว เมืองพิจิตร แต่งงานกับหนุ่มคริสเตียนชาวญี่ปุ่น พักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มาบนขอลูก กับหลวงปู่เมฆ งานปีนี้คุณเรณู ได้กลับมาอีกครั้งกับทายาทที่อยู่ในครรภ์ พร้อมด้วย โชคดีสองชั้น เมื่อตอนตั้งท้องใหม่ๆปรากฏว่าเป็นท้องนอกมดลูก ซึ่งเด็กในท้องไม่มี โอกาสรอด คุณเรณูได้ฝนปลัดขิกไม้เขยตายที่ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์สร้าง มอบให้ไป กินกับน้ำ ผลคือเด็กได้เคลื่อนกลับเข้าไปอยู่ในมดลูก สร้างความแปลกใจให้กับคณะ แพทย์ชาวญี่ปุ่น ทุกวันนี้สามีชาวญี่ปุ่นของคุณเรณู ห้อยเหรียญหลวงปู่เมฆอย่างเต็ม ภาคภูมิลืมไม้กางเขนไปเลย ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเป็นเพราะบารมี ของหลวงปู่เมฆ เพราะท่านจะ ทำอะไรก็ขอบารมีของหลวงปู่ทุกครั้ง หลวงปู่สั่งไว้ว่า “ถ้าจะนึกถึงกูให้จุดธูป ๕ ดอก ถ้าจะบนให้จุดธูป ๙ ดอก แค่มึงนึกถึงกู เรียก “ปู่” ก็จะสำเร็จ รูปของกู ของๆกูไม่ต้อง เสกไม่ต้องทำก็สำเร็จแล้ว” เรื่องนี้จะเป็นด้วยสรรพคุณของไม้เขยตาย หรือด้วยพลังบารมีของหลวงปู่ เมฆ แม้วิทยาการจะก้าวหน้าแต่หลายๆสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยากที่จะหาเหตุผลทางวิทยา ศาสตร์มาอธิบาย หลวงปู่เมฆเคยกล่าวว่า “กูยังไม่ตาย กูยังไม่ไปไหน พวกมึงเตรียมสถานที่ไว้ให้ กูแล้วกูจะมา” ในงานประจำปีของหลวงปู่มีศิษย์มากราบนมัสการมากมาย ท่าน อาจารย์อ้วนทั้งเป่า ทั้งรักษาผู้คนไม่หวาดไหว ซึ่งก็จะราบรื่นกว่าปกติ แสดงว่าในช่วง งานหลวงปู่ท่านมาอยู่ด้วย เมื่อครั้งที่ชายแดนด้านตะวันออกกำลังร้อนระอุ วันหนึ่งก็มีบรรดาทหารพราน พากันมาที่วัด เพื่อขอนมัสการหลวงปู่เมฆ บรรดาทหารพรานต่างโชว์ปลัดขิกของ หลวงปู่ บอกว่าเพิ่งรอดตายมาจากระเบิดหลังจากที่รับปลัดขิกจากมือหลวงปู่ไม่กี่ ชั่วโมง ต่างอ้างว่าหลวงปู่ไปแจก ถึงสนามรบที่ตาพระยาเมื่อตรวจวันเวลาที่เหล่า ทหารอ้างแล้ว เป็นที่ฮือฮา ปรากฏว่าหลวงปู่นอนอาพาธอยู่ที่กุฏิ ! เรื่องนี้หลวงปู่ได้แต่หัวเราะฮึๆ ก็แปลกดีนะ ฯลฯ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments