หมวด หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง – หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ

สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ - 3

สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ - 4

สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ - 5

ชื่อร้านค้า	จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jeerasit (112)
ชื่อพระเครื่อง	สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ
อายุพระเครื่อง	-
หมวดพระ	หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง – หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ	Tayanrum@hotmail.com
LINE	(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	จ. - 17 ก.ย. 2561 - 20:53.56
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	อา. - 17 พ.ย. 2562 - 19:53.08

รายละเอียด
สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ สวยเดิมครับ การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแพ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ “พระธรรมมุนี” หรือที่พุทธศาสนิกชนรู้จักท่านเป็นอย่างดีในนามของ “หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง” ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลต่างๆ เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถวัดพิกุลทองที่กำลังชำรุดทรุดโทรม เนื่องจากสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ หลวงพ่อแพ ท่านจึงนำเรื่องก่อสร้างพระอุโบสถปรารภกับ “หลวงพ่อศรี เกสโร” วัดพระปรางค์ บางระจัน สิงห์บุรี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน หลวงพ่อศรีนั้นท่านเป็นพระภิกษุที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า มีชื่อเสียงลูกศิษย์ลูกหามากมายในยุคนั้น ได้แนะนำให้หลวงพ่อแพท่านสร้างพระกลีบบัว และแหวนชาย–หญิง โดยให้จัดสร้างเป็นเนื้อโลหะ สมนาคุณให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถ ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแพ ท่านจึงได้ร่ำเรียนวิชาการสร้าง และหล่อพระต่างๆ กับหลวงพ่อศรี ที่วัดพระปรางค์ ๑๕ วัน เพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านั้นตอนอยู่กรุงเทพฯ ได้ศึกษาวิชาไสยเวทวิทยาคม จิตศาสตร์จากพระเกจิชื่อดังในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการหล่อพระกริ่ง เหรียญหล่อ ตามตำรับสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์, หลวงพ่อมุ้ย วัดสามปลื้ม ฯลฯ เมื่อศึกษาอย่างเข้าใจถ่องแท้แล้ว ก็ได้เดินทางกลับมาจัดพิธีหล่อพระขึ้นที่วัดพิกุลทอง เสร็จแล้วจึงนำไปถวายให้หลวงพ่อศรีปลุกเสก จนปรากฏกิตติคุณแห่งความเข้มขลัง ได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างขึ้นในครั้งนั้น ได้แก่ แหวนคุณพระ และ สมเด็จกลีบบัวแบบหยดน้ำ การสร้างแหวนคุณพระท่านได้ทำออกมา ๔ พิมพ์ด้วยกัน โดยพิมพ์แรกเป็นหัวสี่แหลี่ยม มีอักขระ ก.ข. พิมพ์ที่สองเป็นรูปข้าวหลามตัด พิมพ์ที่สามเป็นรูปองค์พระในกรอบสี่เหลี่ยม ส่วนพิมพ์ที่สี่ เป็นแหวนสำหรับสตรี ลักษณะคล้ายปลอกมีด หัวยันต์ อักขระยันต์ “นะ” มีรูปนางกวัก แหวนรุ่นนี้ เป็นเนื้อทองเหลืองผสมกับแผ่นทองแดง และการทำก็ไม่ได้หวังเพื่อความสวยงาม หากแต่มุ่งไปในทางด้านความขลัง เพื่อคนที่นำไปใช้ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ พิมพ์ที่นำมาทำแหวนคุณพระนี้ หลวงพ่อแพท่านเป็นผู้แกะแม่พิมพ์เองจากหินมีดโกน หัวแหวนท่านจะแกะเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบพระปางสมาธิ ส่วนวงแหวนด้านใน จะแกะเป็นอีกพิมพ์หนึ่งต่างหาก ส่วน พระสมเด็จกลีบบัว หรือบางคนก็เรียกว่า สมเด็จหยดน้ำ เนื่องจากพระรุ่นนี้คล้ายกลีบบัวและหยดน้ำ จึงมีคนเรียกต่างกัน แต่จริงๆ แล้ว หลวงพ่อแพท่านมีเจตนาเรียก “สมเด็จกลีบบัว” พระสมเด็จกลีบบัวนี้ เป็นเนื้อโลหะทองเหลือง ประทับนั่งปางสมาธิเข่าซ้อน และนั่งขัดสมาธิเพชร ใต้ฐานเป็นรูปดอกบัวบานรองรับ มีด้วยกัน ๓ พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่สมาธิฐานบัวหงาย พิมพ์เล็กสมาธิฐานเรียบประภารัศมีรอบ และพิมพ์เล็กสมาธิเพชร ฐานลงอักขระขอม “นะ นะ” ประภารัศมีรอบ การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแพนั้น ท่านมิได้เน้นเรื่องความสวยงาม หากแต่เน้นไปในเรื่องของความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้นๆ โดยท่านจะพิถีพิถันในการปลุกเสก ทั้งวิชาอาคม ทั้งอำนาจจิต เพื่อให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง และด้วยพลังบริสุทธิ์ดังกล่าว จึงทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพรุ่นต่างๆ มีประสบการณ์อภินิหารมากมาย สืบสานยาวนานมาจนทุกวันนี้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงพ่อแพได้สร้างพระสมเด็จเนื้อผงรุ่นหนึ่งขึ้นมาหลายพิมพ์ กล่าวกันว่า พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพสร้างขึ้น มีอานุภาพด้านพุทธคุณ ไม่ได้เป็นรองพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง แม้แต่น้อย ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากหลวงพ่อแพท่านมีศรัทธาในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแพจึงได้สร้างพระสมเด็จขึ้น โดยยึดถือแนวทางการสร้างวัตถุมงคลชุดพระสมเด็จของสมเด็จโตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลักใหญ่หลวงพ่อแพท่านได้ลบผง เรียกว่า ผงวิเศษ ๕ ประการ เป็นผงหลักในการสร้างพระสมเด็จ คือ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ โดยเฉพาะผงพุทธคุณนั้น ท่านเขียน และลบด้วยพระคาถาชินบัญชร เพื่อใช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย นอกจากผงวิเศษ ๕ ประการแล้ว ยังมีผงอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น ผงบดจากหนังสือ ๗ ตำนาน, ผงยันต์ในคัมภีร์ต่างๆ เป็นต้น ในการทำผงแต่ละอย่างนั้น มีเคล็ดลับที่หลวงพ่อแพถือปฏิบัติคือ รักษาความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก, ตั้งจิตสงบเป็นสมาธิจดจ่ออยู่กับคาถาอาคม และอักขระต่างๆ โดยเฉพาะการบริกรรมภาวนา ต้องแม่นยำ ไม่ผิดพลาด ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพจัดสร้างขึ้น จึงมีพุทธานุภาพทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เยี่ยมยอดทุกรุ่น ทุกแบบพิมพ์ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ท่านสร้างพระไว้มาก ถ้าจะประเมินกันอย่างคร่าวๆ ก็คงไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ แบบพิมพ์เป็นอย่างต่ำ แต่ที่นิยมแพร่หลายนั้น ส่วนมากจะเป็นเนื้อผง เช่น พระสมเด็จ พระนางพญา พระรอด พระปิดตา พระลีลาทุ่งเศรษฐี พระสิวลี พระสังกัจจายน์ พระขุนแผน พระผงรูปเหมือน นางกวัก ฯลฯ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยม ต่างก็เชื่อว่า มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม, แคล้วคลาด อุดมด้วยลาภผล โภคทรัพย์พูลทวี ซึ่งก็คือ คำอวยพรของท่านน่ะแหละ หลวงพ่อแพ ท่านมักจะอวยพรแก่ทุกคนที่ไปกราบท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกวันอาทิตย์แรกของทุกเดือน ท่านจะไม่รับนิมนต์ไปนอกวัด จะอยู่ที่วัดเพื่อต้อนรับศรัทธาญาติโยม ที่บางท่านก็เดินทางมาไกล เพื่อที่จะได้มีโอกาสกราบท่าน รับวัตถุมงคลจากมือของท่าน แล้วท่านก็จะอวยพรว่า ขอให้รวยขอให้รวย อาจเป็นเพราะท่านเป็นพระปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข เป็นเรื่องสุดยอดแห่งความดี อักขระเลขยันต์หลังองค์พระ ก็เป็นเสมือนคำอวยพรของท่าน เพื่อที่เราจะได้ระลึกถึงท่านที่สร้างสมแต่บุญกุศล หรือความดีงามมาตลอดชีวิต เป็นเพชรเม็ดงามที่สดใสและแข็งแกร่ง ใสสะอาดและบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับพระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งบ้านบางระจัน ซึ่งชาวสิงห์บุรี เคารพรักและภาคภูมิใจ ราวกับท่านคือ จิตวิญญาณของชาวสิงห์บุรีทั้งหมด .......................... ........................... "พระราชสิงหคณาจารย์" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อแพ" อดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง พระเครื่องของท่านทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ทรงล้วนมีพุทธคุณสูงเยี่ยมในทุกๆ ด้าน ผู้ประสบปาฏิหาริย์แห่งความเข้มขลังเป็นที่เลื่องชื่อลือชาอย่างกว้างขวาง ทั้งชาวไทย ชาวจีน ตลอดจนชาวต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างรู้จักกิตติคุณของหลวงพ่อแพเป็นอย่างดี เหตุที่ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพมีพุทธคุณสูง หรือที่เรียกว่า "ขลัง" นั้น ประการแรก คือ มวลสารที่ใช้สร้าง และ พระคาถาพิธีกรรมการปลุกเสก มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สร้างพระสมเด็จ และพระเนื้อผงของหลวงพ่อแพ ประกอบด้วย ดินสอพองขาวบริสุทธิ์ แป้งกระแจะจันทร์ ดินจากสังเวชนียสถาน ดินโป่ง ๗ โป่ง ดินหลักเมืองลพบุรี ดิน ๗ ป่าช้า ดินเสาตะลุงช้าง ปูนกำแพงพระราชวังเก่าเมืองลพบุรี ผงข้าวจากกรุ จ.สุโขทัย ยอดรักซ้อน ยอดสวาท ยอดกาหลง ดอกพลูร่วมใจ พลู ๒ หาง ยอดต้นหิ่งหาย เถาวัลย์กลางป่าช้า มือตำลึง ใช้เฉพาะที่พันต้นราชาวดี ยอดว่านเสน่ห์จันทร์ ไคลโบสถ์ ไคลพระเจดีย์ ผงตะไคร่ใบเสมา ขี้เถ้าไส้เทียนบูชาพระในโบสถ์ ผงขี้ธูป เฉพาะของหลวงพ่อแพบูชา น้ำมัน ๗ รส (ได้แก่ น้ำมันถั่ว น้ำมันงา น้ำมันพืช น้ำมันบัว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันปลา) ใบรู้นอน ๗ สิ่ง หรือ ๗ ชนิด (ได้แก่ ใบมะยม ใบแค ใบตาลหยง ใบไมยราบ ใบโสน ใบกระถิน ใบชะอม) ผงเกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด เลือกเฉพาะชื่อมงคล นอกจากนี้ ยังมีมวลสารที่มาเพิ่มพุทธคุณอีก ได้แก่ ใบโพธิ์ตรัสรู้ ดินสังเวชนียสถาน เส้นเกศาหลวงพ่อแพ ข้าวสุกจากบาตรพระ เกสรดอกไม้ ๑๐๘ ยอดรัก ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดต้นหิ่งหาย มือตำลึงที่พันยอดราชาวดี หรือต้นไม้อื่นๆ เถาวัลย์กลางป่าช้า ใบรู้นอน ๗ ชนิด ใบพลูร่วมใจ ที่ใช้ดับเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษก ใบพลู ๒ หาง ขี้เถ้าไส้เทียนชัย เทียนมงคล เทียนวิปัจสี เทียนติดขันน้ำมนต์ในพิธีพุทธาภิเษก ขี้ธูปในโบสถ์ ขี้ธูปในวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ขี้ธูปเฉพาะหลวงพ่อแพบูชา ดินกลางใจเมือง ดินเสาตะลุงช้าง ปูนกำแพงพระราชวังเก่า เมืองลพบุรี ไคลเจดีย์ ไคลเสมา ไคลโบสถ์ ดินท่าเศรษฐี ๗ ท่า ดินป่าช้า ๗ ป่าช้า ดินโป่ง ๗ โป่ง ยอดว่านเศรษฐี ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว จันทร์แดง จันทร์เขียว ว่าน ๑๐๘ ชนิด ทรายเงิน-ทรายทองจากกรุวัดป่าหัวพันธ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ผงใบลานเผาจากวัดต่างๆ ผ้ายันต์พระพุทธรูปและผ้ายันต์พระฉิมเผา ผงที่ได้จากพระสมเด็จ วัดระฆัง บางขุนพรหม วัดไชโย วัดพลับ และวัดสามปลื้ม ที่ชำรุดแตกหัก โดยมีผู้ศรัทธาถวายให้ เป็นต้น ส่วนขั้นตอนในการ กดพิมพ์พระ นั้น ผู้กดพิมพ์ต้องภาวนาคาถาบรรจุองค์พระ กดพิมพ์ด้านหน้าให้ภาวนา "พุทธกาโร โหตุ สมฺภโว" กดพิมพ์ด้านหลังให้ภาวนา "พุทฺโธ พุทฺธตํ พุทฺธลาภํ ชิวฺหาสุวณฺณํ มุทุจิตฺตํ ปิยํ มม" ในขณะโขลกผงให้ภาวนา "นะโมพุทธายะ" สำหรับยันต์ที่ปรากฏอยู่ด้านหลังพระหลวงพ่อแพนั้น ที่พบมากที่สุดคือ "ยันต์พุดซ้อน" ซึ่งเป็นการเขียน "ตัว พุท ซ้อนกัน ๓ ตัว" ส่วนที่พบรองลงมาตามลำดับ คือ ตัว "อัง" ครอบด้วย "อุณาโลม" และ คาถา "นะ โม พุท ธา ยะ" ซึ่งเรียกว่า "แม่ธาตุใหญ่" แม้ว่ายันต์ที่พบจะมีเพียงไม่กี่ตัว แต่พุทธคุณนั้นเรียกว่า "ครอบจักรวาล ใช้ดีทุกด้าน"

รายละเอียด

สมเด็จสายรุ้ง ฐานสิงห์ หลวงพ่อ แพ ตะกรุดทองคำ

สวยเดิมครับ

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแพ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ “พระธรรมมุนี” หรือที่พุทธศาสนิกชนรู้จักท่านเป็นอย่างดีในนามของ “หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง” ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลต่างๆ เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถวัดพิกุลทองที่กำลังชำรุดทรุดโทรม เนื่องจากสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๐

หลวงพ่อแพ ท่านจึงนำเรื่องก่อสร้างพระอุโบสถปรารภกับ “หลวงพ่อศรี เกสโร” วัดพระปรางค์ บางระจัน สิงห์บุรี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน หลวงพ่อศรีนั้นท่านเป็นพระภิกษุที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า มีชื่อเสียงลูกศิษย์ลูกหามากมายในยุคนั้น ได้แนะนำให้หลวงพ่อแพท่านสร้างพระกลีบบัว และแหวนชาย–หญิง โดยให้จัดสร้างเป็นเนื้อโลหะ สมนาคุณให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถ

ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแพ ท่านจึงได้ร่ำเรียนวิชาการสร้าง และหล่อพระต่างๆ กับหลวงพ่อศรี ที่วัดพระปรางค์ ๑๕ วัน เพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านั้นตอนอยู่กรุงเทพฯ ได้ศึกษาวิชาไสยเวทวิทยาคม จิตศาสตร์จากพระเกจิชื่อดังในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการหล่อพระกริ่ง เหรียญหล่อ ตามตำรับสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์, หลวงพ่อมุ้ย วัดสามปลื้ม ฯลฯ เมื่อศึกษาอย่างเข้าใจถ่องแท้แล้ว ก็ได้เดินทางกลับมาจัดพิธีหล่อพระขึ้นที่วัดพิกุลทอง เสร็จแล้วจึงนำไปถวายให้หลวงพ่อศรีปลุกเสก จนปรากฏกิตติคุณแห่งความเข้มขลัง ได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง

วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างขึ้นในครั้งนั้น ได้แก่ แหวนคุณพระ และ สมเด็จกลีบบัวแบบหยดน้ำ การสร้างแหวนคุณพระท่านได้ทำออกมา ๔ พิมพ์ด้วยกัน โดยพิมพ์แรกเป็นหัวสี่แหลี่ยม มีอักขระ ก.ข. พิมพ์ที่สองเป็นรูปข้าวหลามตัด พิมพ์ที่สามเป็นรูปองค์พระในกรอบสี่เหลี่ยม ส่วนพิมพ์ที่สี่ เป็นแหวนสำหรับสตรี ลักษณะคล้ายปลอกมีด หัวยันต์ อักขระยันต์ “นะ” มีรูปนางกวัก

แหวนรุ่นนี้ เป็นเนื้อทองเหลืองผสมกับแผ่นทองแดง และการทำก็ไม่ได้หวังเพื่อความสวยงาม หากแต่มุ่งไปในทางด้านความขลัง เพื่อคนที่นำไปใช้ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ พิมพ์ที่นำมาทำแหวนคุณพระนี้ หลวงพ่อแพท่านเป็นผู้แกะแม่พิมพ์เองจากหินมีดโกน หัวแหวนท่านจะแกะเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบพระปางสมาธิ ส่วนวงแหวนด้านใน จะแกะเป็นอีกพิมพ์หนึ่งต่างหาก

ส่วน พระสมเด็จกลีบบัว หรือบางคนก็เรียกว่า สมเด็จหยดน้ำ เนื่องจากพระรุ่นนี้คล้ายกลีบบัวและหยดน้ำ จึงมีคนเรียกต่างกัน แต่จริงๆ แล้ว หลวงพ่อแพท่านมีเจตนาเรียก “สมเด็จกลีบบัว”

พระสมเด็จกลีบบัวนี้ เป็นเนื้อโลหะทองเหลือง ประทับนั่งปางสมาธิเข่าซ้อน และนั่งขัดสมาธิเพชร ใต้ฐานเป็นรูปดอกบัวบานรองรับ มีด้วยกัน ๓ พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่สมาธิฐานบัวหงาย พิมพ์เล็กสมาธิฐานเรียบประภารัศมีรอบ และพิมพ์เล็กสมาธิเพชร ฐานลงอักขระขอม “นะ นะ” ประภารัศมีรอบ

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อแพนั้น ท่านมิได้เน้นเรื่องความสวยงาม หากแต่เน้นไปในเรื่องของความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้นๆ โดยท่านจะพิถีพิถันในการปลุกเสก ทั้งวิชาอาคม ทั้งอำนาจจิต เพื่อให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง และด้วยพลังบริสุทธิ์ดังกล่าว จึงทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพรุ่นต่างๆ มีประสบการณ์อภินิหารมากมาย สืบสานยาวนานมาจนทุกวันนี้

ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงพ่อแพได้สร้างพระสมเด็จเนื้อผงรุ่นหนึ่งขึ้นมาหลายพิมพ์ กล่าวกันว่า พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพสร้างขึ้น มีอานุภาพด้านพุทธคุณ ไม่ได้เป็นรองพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง แม้แต่น้อย ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากหลวงพ่อแพท่านมีศรัทธาในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง เป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อแพจึงได้สร้างพระสมเด็จขึ้น โดยยึดถือแนวทางการสร้างวัตถุมงคลชุดพระสมเด็จของสมเด็จโตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลักใหญ่หลวงพ่อแพท่านได้ลบผง เรียกว่า ผงวิเศษ ๕ ประการ เป็นผงหลักในการสร้างพระสมเด็จ คือ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ โดยเฉพาะผงพุทธคุณนั้น ท่านเขียน และลบด้วยพระคาถาชินบัญชร เพื่อใช้เป็นส่วนผสมอีกด้วย

นอกจากผงวิเศษ ๕ ประการแล้ว ยังมีผงอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น ผงบดจากหนังสือ ๗ ตำนาน, ผงยันต์ในคัมภีร์ต่างๆ เป็นต้น ในการทำผงแต่ละอย่างนั้น มีเคล็ดลับที่หลวงพ่อแพถือปฏิบัติคือ รักษาความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก, ตั้งจิตสงบเป็นสมาธิจดจ่ออยู่กับคาถาอาคม และอักขระต่างๆ โดยเฉพาะการบริกรรมภาวนา ต้องแม่นยำ ไม่ผิดพลาด ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จที่หลวงพ่อแพจัดสร้างขึ้น จึงมีพุทธานุภาพทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เยี่ยมยอดทุกรุ่น ทุกแบบพิมพ์

หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ท่านสร้างพระไว้มาก ถ้าจะประเมินกันอย่างคร่าวๆ ก็คงไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ แบบพิมพ์เป็นอย่างต่ำ แต่ที่นิยมแพร่หลายนั้น ส่วนมากจะเป็นเนื้อผง เช่น พระสมเด็จ พระนางพญา พระรอด พระปิดตา พระลีลาทุ่งเศรษฐี พระสิวลี พระสังกัจจายน์ พระขุนแผน พระผงรูปเหมือน นางกวัก ฯลฯ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยม ต่างก็เชื่อว่า มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม, แคล้วคลาด อุดมด้วยลาภผล โภคทรัพย์พูลทวี ซึ่งก็คือ คำอวยพรของท่านน่ะแหละ
หลวงพ่อแพ ท่านมักจะอวยพรแก่ทุกคนที่ไปกราบท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกวันอาทิตย์แรกของทุกเดือน ท่านจะไม่รับนิมนต์ไปนอกวัด จะอยู่ที่วัดเพื่อต้อนรับศรัทธาญาติโยม ที่บางท่านก็เดินทางมาไกล เพื่อที่จะได้มีโอกาสกราบท่าน รับวัตถุมงคลจากมือของท่าน แล้วท่านก็จะอวยพรว่า ขอให้รวยขอให้รวย อาจเป็นเพราะท่านเป็นพระปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข เป็นเรื่องสุดยอดแห่งความดี อักขระเลขยันต์หลังองค์พระ ก็เป็นเสมือนคำอวยพรของท่าน เพื่อที่เราจะได้ระลึกถึงท่านที่สร้างสมแต่บุญกุศล หรือความดีงามมาตลอดชีวิต เป็นเพชรเม็ดงามที่สดใสและแข็งแกร่ง ใสสะอาดและบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับพระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งบ้านบางระจัน ซึ่งชาวสิงห์บุรี เคารพรักและภาคภูมิใจ ราวกับท่านคือ จิตวิญญาณของชาวสิงห์บุรีทั้งหมด

..........................
...........................

"พระราชสิงหคณาจารย์" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อแพ" อดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง พระเครื่องของท่านทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ทรงล้วนมีพุทธคุณสูงเยี่ยมในทุกๆ ด้าน ผู้ประสบปาฏิหาริย์แห่งความเข้มขลังเป็นที่เลื่องชื่อลือชาอย่างกว้างขวาง ทั้งชาวไทย ชาวจีน ตลอดจนชาวต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างรู้จักกิตติคุณของหลวงพ่อแพเป็นอย่างดี

เหตุที่ทำให้วัตถุมงคลของหลวงพ่อแพมีพุทธคุณสูง หรือที่เรียกว่า "ขลัง" นั้น ประการแรก คือ มวลสารที่ใช้สร้าง และ พระคาถาพิธีกรรมการปลุกเสก

มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สร้างพระสมเด็จ และพระเนื้อผงของหลวงพ่อแพ ประกอบด้วย ดินสอพองขาวบริสุทธิ์ แป้งกระแจะจันทร์ ดินจากสังเวชนียสถาน ดินโป่ง ๗ โป่ง ดินหลักเมืองลพบุรี ดิน ๗ ป่าช้า ดินเสาตะลุงช้าง ปูนกำแพงพระราชวังเก่าเมืองลพบุรี ผงข้าวจากกรุ จ.สุโขทัย ยอดรักซ้อน ยอดสวาท ยอดกาหลง ดอกพลูร่วมใจ พลู ๒ หาง ยอดต้นหิ่งหาย เถาวัลย์กลางป่าช้า มือตำลึง ใช้เฉพาะที่พันต้นราชาวดี ยอดว่านเสน่ห์จันทร์ ไคลโบสถ์

ไคลพระเจดีย์ ผงตะไคร่ใบเสมา ขี้เถ้าไส้เทียนบูชาพระในโบสถ์ ผงขี้ธูป เฉพาะของหลวงพ่อแพบูชา น้ำมัน ๗ รส (ได้แก่ น้ำมันถั่ว น้ำมันงา น้ำมันพืช น้ำมันบัว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันปลา) ใบรู้นอน ๗ สิ่ง หรือ ๗ ชนิด (ได้แก่ ใบมะยม ใบแค ใบตาลหยง ใบไมยราบ ใบโสน ใบกระถิน ใบชะอม) ผงเกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด เลือกเฉพาะชื่อมงคล

นอกจากนี้ ยังมีมวลสารที่มาเพิ่มพุทธคุณอีก ได้แก่ ใบโพธิ์ตรัสรู้ ดินสังเวชนียสถาน เส้นเกศาหลวงพ่อแพ ข้าวสุกจากบาตรพระ เกสรดอกไม้ ๑๐๘ ยอดรัก ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดต้นหิ่งหาย มือตำลึงที่พันยอดราชาวดี หรือต้นไม้อื่นๆ เถาวัลย์กลางป่าช้า ใบรู้นอน ๗ ชนิด ใบพลูร่วมใจ ที่ใช้ดับเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษก ใบพลู ๒ หาง ขี้เถ้าไส้เทียนชัย เทียนมงคล เทียนวิปัจสี เทียนติดขันน้ำมนต์ในพิธีพุทธาภิเษก ขี้ธูปในโบสถ์ ขี้ธูปในวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ขี้ธูปเฉพาะหลวงพ่อแพบูชา ดินกลางใจเมือง ดินเสาตะลุงช้าง

ปูนกำแพงพระราชวังเก่า เมืองลพบุรี ไคลเจดีย์ ไคลเสมา ไคลโบสถ์ ดินท่าเศรษฐี ๗ ท่า ดินป่าช้า ๗ ป่าช้า ดินโป่ง ๗ โป่ง ยอดว่านเศรษฐี ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว จันทร์แดง จันทร์เขียว ว่าน ๑๐๘ ชนิด ทรายเงิน-ทรายทองจากกรุวัดป่าหัวพันธ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ผงใบลานเผาจากวัดต่างๆ ผ้ายันต์พระพุทธรูปและผ้ายันต์พระฉิมเผา ผงที่ได้จากพระสมเด็จ วัดระฆัง บางขุนพรหม วัดไชโย วัดพลับ และวัดสามปลื้ม ที่ชำรุดแตกหัก โดยมีผู้ศรัทธาถวายให้ เป็นต้น

ส่วนขั้นตอนในการ กดพิมพ์พระ นั้น ผู้กดพิมพ์ต้องภาวนาคาถาบรรจุองค์พระ กดพิมพ์ด้านหน้าให้ภาวนา "พุทธกาโร โหตุ สมฺภโว" กดพิมพ์ด้านหลังให้ภาวนา "พุทฺโธ พุทฺธตํ พุทฺธลาภํ ชิวฺหาสุวณฺณํ มุทุจิตฺตํ ปิยํ มม" ในขณะโขลกผงให้ภาวนา "นะโมพุทธายะ"

สำหรับยันต์ที่ปรากฏอยู่ด้านหลังพระหลวงพ่อแพนั้น ที่พบมากที่สุดคือ "ยันต์พุดซ้อน" ซึ่งเป็นการเขียน "ตัว พุท ซ้อนกัน ๓ ตัว" ส่วนที่พบรองลงมาตามลำดับ คือ ตัว "อัง" ครอบด้วย "อุณาโลม" และ คาถา "นะ โม พุท ธา ยะ" ซึ่งเรียกว่า "แม่ธาตุใหญ่" แม้ว่ายันต์ที่พบจะมีเพียงไม่กี่ตัว แต่พุทธคุณนั้นเรียกว่า "ครอบจักรวาล ใช้ดีทุกด้าน"