พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก-จ่าจีระสิทธิ์ - webpra
VIP
  • 0 8 6 - 5 6 0 4 0 3 7
  • Page 1
  • Page 2
หน้าที่ และความรับผิดชอบ

หมวด พระเกจิสายนครปฐม

พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก

พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก - 1พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก - 2
ชื่อร้านค้า จ่าจีระสิทธิ์ - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ พระเกจิสายนครปฐม
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 08-6560-4037
อีเมล์ติดต่อ Tayanrum@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ จ. - 30 เม.ย. 2561 - 20:38.47
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ศ. - 20 พ.ค. 2565 - 15:17.08
รายละเอียด
พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อาจารย์วรรณ วัดสามกระบือเผือก





ขนาด กว้างประมาณ 3 ซ.ม. สูง ประมาณ 4.5 ซ.ม.


อาจารย์วรรณ

ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิ ที่ เสกเหรียญ พระอธิการชา ร่วมกับพระเกจิ ชื่อดัง หลายรูป....

ตอนท้ายมีข้อมูล...



ตำนาน....ความขลัง


ประวัติวัดสามกระบือเผือกมีผู้เฒ่าเล่าว่าเดิมนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่ออาจารย์โต เดินธุดงค์มาซึ่งไม่มีใครทราบว่าท่านมาจากไหน ได้มาปักกลดอยู่ที่บ้านสระน้ำหวาน ชาวบ้านมีความเลื่อมใสในปฏิปทาของท่านจึงนิมนต์ให้ท่านอยู่และพร้อมใจกันสร้างเสนาสนะเล็กๆ ให้เป็นที่อยู่อาศัยก็คงเหมือนกับสำนักสงฆ์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งสำนักสงฆ์นี้อยู่ทางทิศเหนือของวัดสามกระบือเผือกในปัจจุบัน ห่างจากวัดประมาณ 3 กิโลเมตร ในระหว่างที่ท่านอยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ บ้านสระน้ำหวานนี้ ก็มีเด็กชายชาเป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติท่านอยู่ด้วย พร้อมกับเล่าเรียนหนังสือและวิชาการต่างๆ จากอาจารย์โต ควบคู่กันไปด้วย ต่อมาเด็กชายชาได้บรรพชาเป็นสามเณร จนกระทั่งอายุได้ 21 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ครั้นต่อมาอาจารย์โต ได้คิดที่จะย้ายวัดมาตั้งในที่ที่เหมาะสม จึงได้ย้ายวัดมาเป็นครั้งที่ 2 อยู่ทางทิศเหนือของที่ตั้งวัดปัจจุบัน ระยะห่างประมาณครึ่งกิโลเมตร (ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งสถานีตำรวจภูธรตำบลสามกระบือเผือก) ต่อมาอาจารย์โตได้ชราภาพและมรณภาพลง เมื่อ พ.ศ. ใดไม่สามารถสืบได้ ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันมอบให้พระภิกษุชาเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา
------------------------------
เมื่ออธิการชาได้รับการแต่ตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ที่ตั้งวัดในสมัยนั้นยังไม่เหมาะสม จึงได้ทำการย้ายที่ตั้งวัดใหม่เป็นครั้งที่ 3 โดยย้ายข้ามคลองลงมาทางทิศใต้ และได้ทำการสร้างวัดใหม่คือ สถานที่ตั้งวัดสามกระบือเผือกในปัจจุบันนี้ เมื่อสร้างวัดและมีเสนาสนะพอสมควรแล้ว ก็มีนายหมวดอินทร์ เป็นผู้อุปการะวัด (คำว่า หมวด เป็นยศของข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ 5) ในสมัยนั้นอุโบสถยังไม่มี พื้นที่เป็นป่ามีสัตว์ชุกชุม พระอธิการชาเป็นที่เคารพนับถือของนายหมวดอินร์มาก จึงได้ร่วมใจกันทำบุญ ขุดดินปั้นอิฐก่อสร้างโบสถ์พร้อมกับไพร่พลของท่าน บ่อที่ขุดดินนั้นมีชื่อว่า “หนองเตาอิฐ” การก่อสร้างโบสถ์ได้ทำเมื่อประมาณปี พ.ศ.2423 และในสมัยนั้นได้ขนานนามว่า “วัดอินทาราม” โดยเอานามของนายหมวดอินทร์มาตั้งเป็นชื่อวัด และได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2435
------------------------------
กาลต่อมา ได้มีพ่อค้าเกวียนเทียมควายสามตัวบรรทุกของเดินทางมาหลายเล่มเกวียน ผ่านมาทางทิศตะวันออกของวัดซึ่งมีลำคลอง มีน้ำไหลผ่าน และมีทางข้ามได้ เมื่อเดินมาถึงวัดนี้ได้หยุดพักร้อน ให้หญ้า ให้น้ำแก่ควาย และลงอาบน้ำแช่น้ำคลองข้างวัด จะเป็นด้วยเหตุใดไม่ทราบแน่ชัดจึงทำให้ควายทั้งสามตัวตายทั้งหมด ชาวบ้านละแวกนี้ซึ่งเป็นชนชาวลาว ก็เลยถือเอานิมิตรว่า ควายเผือกสามตัวเป็นมงคล ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่จากวัดอินทารามเป็นวัดสามควายเผือกตั้งแต่นั้นมา
------------------------------
สมัยพระสมุห์วรรณเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สาม ได้พิจารณาเห็นว่าชื่อ “วัดสามควายเผือก” เป็นชื่อที่ไม่ค่อยเหมาะสมนักเพราะมีผู้คนชอบเรียกผิดไป จึงได้ตั้งชื่อวัดใหม่ว่า “วัดสามกระบือเผือก” แต่ชื่อโรงเรียนและตำบลยังคงไว้ตามเดิม บางครั้งชาวบ้านเรียกชื่อย่อว่า “วัดบ้านเผือก” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงวัดสามกระบือเผือกนั้นเอง
------------------------------
หลวงปู่ชาท่านเป็นพระรอบรู้ในพระธรรมวินัยและเชี่ยวชาญในวิปัสสนากรรมฐาน และคันถธุระ ตลอดจนคาถาอาคม แพทย์แผนโบราณ หลวงปู่ท่านเป็นพระเปี่ยมด้วยความเมตตา ฉะนั้น เมื่อบุคคลใดมีความทุกข์หรือต้องการความช่วยเหลือ หรือมีความต้องการใดๆ ท่านจะอนุเคราะห์ให้เสมอ โดยไม่ขัดศรัทธาของประชาชนในละแวกนั้น จะเห็นได้จากการที่ชาวตำบลสามควายเผือกเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะมาขอร้องให้หลวงปู่ชารักษาพยาบาล เสมือนท่านเป็นแพทย์ประจำตำบล โดยเฉพาะผู้ถูกสุนัขบ้ากัด หลวงปู่ชาท่านจะทำน้ำมนต์ เสกเป่า จนผู้ถูกสุนัขบ้ากัดหายเป็นปกติ
------------------------------
นอกจากความเจ็บป่วยที่หลวงปู่ชาได้ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านแล้ว ความอนุเคราะห์ในเรื่องอื่นๆ หลวงปู่ก็มิได้ขัดศรัทธาของชาวบ้านเลย เมื่อมีผู้มาขอให้ท่านหาฤกษ์ยามในงานมงคล เพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ ท่านก็สนองตอบด้วยความเต็มใจ ดังนั้นทรายเสก ไม้มงคล พระยันต์ปิดหัวเสา จึงมีประชาชนมาขอท่านอย่างไม่ขาดสาย บางรายมีเคราะห์ ก็มาขอให้หลวงปู่อาบน้ำมนต์เสดาะเคราะห์ ท่านจึงเป็นที่อยู่ในหัวใจของชาวตลาดต้นสำโรง และชาวบ้านสามควายเผือก ตลอดจนชาวตำบลธรรมศาลา
------------------------------
หลวงปู่ชาท่านเป็นพระที่เรืองเดชด้วยอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ แก่กล้าด้วยวิชาอาคม ดังนั้นเครื่องรางของขลังของท่านจึงได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตะกรุดโทน และ ตะกรุดกระดูกแร้ง จึงมีประชาชนวนเวียนมาขอท่านอย่างไม่ขาดสาย มีความเชื่อว่า มีดปืนไม่ได้กินเลือด
------------------------------
ความโด่งดังรอบรู้ในด้านพระธรรมวินัยและเชี่ยวชาญในวิปัสสนากรรมฐาน และ คันถธุระ คาถาอาคม และวิชาการต่างๆ ดังได้กล่าวมาแต่ต้น จึงมีบุคคลทั่วไปมาฝากตัวเป็นศิษย์อย่างมากมาย ได้แก่ หลวงพ่อฉ่ำ หลวงพ่อวรรณ หลวงตาอยู่(ผู้สร้างพระเนื้อดินคิงคอง) หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ท่านได้บวชเป็นสามเณรโดยมีหลวงปู่ชาเป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย วิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระ ตลอดจนวิชาอาคมต่างๆ กับหลวงปู่ชา ตามคำแนะนำของพระครูปุริมานุรักษ์ (นวม) — ที่ วัดสามกระบือเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม


........................................

อาจารย์ วรรณ คือ หนึ่งในพระเกจิ ที่ร่วมปลุกเสก เหรียญ พระอธิการชา อันโด่งดัง ยอดเหนียวครับ


นนครปฐม มีเกจิอาจารย์ดัง ๆ หลายรูป และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ พระอธิการชา วัดสามกระบือเผือก ตำบลต้นสำโรง อำเภอเมือง นครปฐม อยู่ด้วย

ในอดีต ว่ากันว่า หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก มักจะลองวิชากับ หลวงพ่อชา วัดสามกระบือเผือก เป็นประจำ และทั้งสองท่าน ก็ไม่มีใครด้อยกว่ากันเลย

แต่หลวงพ่อชาท่านเป็นพระที่รักสงบ แต่ถึงอย่างนั้นท่านหลวงพ่อชาท่านเป็นพระรอบรู้ในพระธรรมวินัยและเชี่ยวชาญในวิปัสสนากรรมฐาน และคันถธุระ ตลอดจนคาถาอาคม แพทย์แผนโบราณ หลวงพ่อท่านเป็นพระเปี่ยมด้วยความเมตตา ฉะนั้น เมื่อบุคคลใดมีความทุกข์หรือต้องการความช่วยเหลือ หรือมีความต้องการใดๆ ท่านจะอนุเคราะห์ให้เสมอ โดยไม่ขัดศรัทธาของประชาชนในละแวกนั้น จะเห็นได้จากการที่ชาวตำบลสามกระบือเผือกเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะมาขอร้องให้หลวงพ่อชารักษาพยาบาล เสมือนท่านเป็นแพทย์ประจำตำบล โดยเฉพาะผู้ถูกสุนัขบ้ากัด หลวงพ่อชาท่านจะทำน้ำมนต์ เสกเป่า จนผู้ถูกสุนัขบ้ากัดหายเป็นปกติ

สมัยท่าน วัตถุมงคลที่ท่านสร้างจะเป็นพวกตะกรุด และก็พระสมเด็จต่าง ๆ (สมเด็จว่ากันว่าท่านบรรจุกรุเอาไว้) หลวงพ่อท่านจึงพระที่เรืองเดชด้วยอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ แก่กล้าด้วยวิชาอาคม ดังนั้นเครื่องรางของขลังของท่านจึงได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตะกรุดโทน และ ตะกรุดกระดูกแร้ง จึงมีประชาชนวนเวียนมาขอท่านอย่างไม่ขาดสาย มีความเชื่อว่า มีดปืนไม่ได้กินเลือด

ลูกศิษย์ที่ดัง ๆ ของหลวงพ่อชา ได้แก่ หลวงพ่อฉ่ำ หลวงพ่อวรรณ หลวงตาอยู่(ผู้สร้างพระเนื้อดินลิงลม) หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ท่านได้บวชเป็นสามเณรโดยมีหลวงพ่อชาเป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย วิปัสสนากรรมฐานและคันถธุระ ตลอดจนวิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อชาไว้มากมาย จนรอบรู้แทบทุกอย่างจากหลวงพ่อชา ตามคำแนะนำของพระครูปุริมานุรักษ์ (นวม) ที่แนะนำหลวงพ่อน้อยเอาไว้

เหรียญนี้เป็นหนึ่งในเบญจภาคี เหรียญตายของนครปฐม โดยมีหลวงพ่อดัง ๆ ปลุกเสก ดังนี้

คณาจารย์ที่ร่วมพิธีปลุกเสกมีดังต่อไปนี้
1.หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม (หลวงพ่อคงเป็นญาติของหลวงพ่อชา) --> เป็นเหรียญที่หลวงพ่อคงปลุกเสกจริงแท้แน่นอน ยิ่งกว่าเหรียญรุ่นแรกของท่านเสียอีก
2.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
3.หลวงพ่อฉ่ำ วัดสามกระบือเผือก
4.หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด
5.หลวงตาอยู่ วัดสามกระบือเผือก ผู้สร้างพระลิงลมเนื้อดิน (คิงคอง)
6.หลวงพ่อวรรณ วัดสามกระบือเผือก
7.หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
8.หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top