
หมวด พระเกจิภาคกลางตอนล่าง
พระผงหลวงพ่อโต(ซัมปอกง) รุ่นภัตตาหารตะกรุดทองคำ วัดพนัญเชิง



ชื่อร้านค้า | อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระผงหลวงพ่อโต(ซัมปอกง) รุ่นภัตตาหารตะกรุดทองคำ วัดพนัญเชิง |
อายุพระเครื่อง | 30 ปี |
หมวดพระ | พระเกจิภาคกลางตอนล่าง |
ราคาเช่า | 3,500 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 081-346-6638,081854-8799 |
อีเมล์ติดต่อ | itsda99@gmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | อ. - 21 ก.พ. 2566 - 20:12.21 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | อ. - 21 ก.พ. 2566 - 20:12.21 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระผงหลวงพ่อโต(ซัมปอกง) รุ่นภัตตาหารตะกรุดทองคำ วัดพนัญเชิงกรุงเก่า อยุธยา สร้างเพียง 840 องค์ ปี2538 .............................................. หมายเหตุ-ภาษาจีน4 คำที่ปรากฏอยู่ข้างหลวงพ่อทั้ง 2 ด้าน เริ่มจากซ้ายมือขององค์ท่าน อ่านว่า 三 อ่านว่า ซาน แปลว่า สาม 寶 " เป่า " สมบัติ 公 " กง " ผู้อาวุโส 佛 " ฝ้อ " พระพุทธเจ้า แปลเป็นแต้จิ๋ว ซานปอกงหุก แปลเป็นไทย คือชื่อของ“ซำปอกงหรือหลวงพ่อโต” นั่นเอง แต่ถ้าแปลตามตัวอักษรจีน จะแปลว่า พระเจ้า3 พระองค์ หรือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะปกป้อง-คุ้มครอง-ดูแล-รักษา เราให้มีทรัพย์สมบัติ .......................................... จากตำนานที่เล่าขานกันมาหลายร้อยปีกลายมาเป็นซำปอกง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม"หลวง พ่อโต" ที่เป็นที่เคารพสักการบูชาของทั้งคนจีน คนไทย และคนไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศไทย ซึ่งในสยามประเทศมีซำปอกงองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่เพียง 3 วัดเท่านั้น โดยผู้ที่ไปกราบไหว้สักการบูชาซำปอกงส่วนใหญ่นอกจากจะกราบไหว้เพื่อความเป็น สิริมงคลแล้ว ยังนิยมไปกราบไหว้เพื่อให้รุ่งเรืองทางด้านการค้าพาณิชย์ มีโชคลาภ และประสบแต่โชคดีในการเดินทาง สำหรับซำปอกงที่โด่งดังองค์แรกนั้นอยู่ที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่มีมาแต่โบราณก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ตามหนังสือพงศาวดารเหนือได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ไทยก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้สร้างวัดและหลวงพ่อโต(ซำปอกง)เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระมเหสีพระนางสร้อยดอก หมาก หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักกว้างประมาณ 20 เมตร สูงประมาณ 19 เมตร ถือเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวกรุงเก่าให้ความเคารพนับถือ มาช้านานหลายร้อยปี เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตนั้นต่างร่ำลือไกล โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เมืองกรุงเก่าได้เกิดโรคอหิวาตกโรคขึ้น ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากจนวัดไม่มีที่จะเผาศพ ชาวบ้านจึงได้ไปขอให้หลวงพ่อโตช่วยเมตตารักษาโรคภัย พร้อมกับนำน้ำมนต์กับขี้ธูปบนพื้นวิหารไปทาตัว ไปอาบ ไปกินเพื่อป้องกันโรค ปรากฏว่าหายจากโรคจริงๆ ซึ่งจากความเชื่อและเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อโต โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ ครั้นมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 ได้ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" จากนั้นเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเครื่องบินพยายามจะทิ้งระเบิดสะพานปรีดีธำรง แต่แล้วก็ทำไม่สำเร็จเพราะระเบิดที่ทิ้งลงมากลับไม่ระเบิด โดยมีคนเล่าว่าในคืนที่เครื่องบินมาทิ้งระเบิด เป็นคืนข้างขึ้นค่อนข้างสว่าง ทันทีที่เครื่องบินทิ้งระเบิดลงมาก็มีชายชราคนหนึ่งขี่ม้าสีขาวเหาะขึ้นไป ปัดระเบิดลูกนั้นไม่ให้ถูกสะพาน เมื่อชายชราผู้นั้นปัดระเบิดหมดแล้ว ก็หายวูบตรงโบสถ์หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง พอรุ่งเช้าชาวบ้านจึงพากันไปดูหลวงพ่อโต ปรากฏว่าที่แขนขวาแตกร้าว จึงเป็นที่เล่าขานกันว่าหลวงพ่อโตช่วยปัดลูกระเบิดเพื่อช่วยชาวกรุง ศรีอยุธยา ให้พ้นภัย ปัจจุบันที่วัดพนัญเชิงมีนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เลื่อมใส ศรัทธาแวะเวียนไปนมัสการขอพรไม่ขาดสาย พร้อมทั้งยังนิยมบนบานด้วยการถวายผ้าห่มหลวงพ่อโต โดยมีวิธีการคือ ให้คนของทางวัดโยนผ้าขึ้นไปให้คนที่อยู่ที่ตัก และที่ไหล่ห่มองค์หลวงพ่อโตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน จากซำปอกง วัดพนัญเชิง เมืองกรุงเก่า หันมาดูซำปอกงที่ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี ในกทม.กันบ้าง วัดนี้ถือเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร สร้างโดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ หรือ โต กัลยาณมิตร ต้นสกุลกัลยาณมิตร ได้อุทิศที่ดินของตัวเองและซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อสร้างวัดนี้ขึ้น และน้อมเกล้าฯถวายแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และได้รับพระราชทานนามว่า "วัดกัลยาณมิตร" เมื่อแรกสร้างวัด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างพระวิหารหลวง พร้อมกับโปรดให้สร้างพระโต หรือหลวงพ่อโต หรือที่คนจีนเรียกว่า ซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 11.75 เมตร สูง 15.45 เมตร พระราชทานเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง ด้วยพระราชประสงค์ให้มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ริมน้ำในกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นเดียวกับที่กรุงเก่า คือที่วัดพนัญเชิง หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก ที่วัดกัลยาณมิตรแห่งนี้ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ถือเป็นที่เคารพสักการระของคนไทย และคนจีนในประเทศเป็นอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน และวันทิ้งกระจาด ซึ่งแต่ก่อนจะมีการสร้างเทวดากระดาษเพื่อใช้ในพิธีวันทิ้งกระจาดด้วย แต่ในปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว ส่วนพิธีห่มผ้าหลวงพ่อโตนั้นก็ได้ยกเลิกแล้วเช่นกัน เนื่องจากหลวงพ่อโต หรือซำปอกง เป็นพระพุทธรูปที่องค์ใหญ่มาก ดังนั้นการทำพิธีห่มผ้าต้องใช้คนขึ้นไปยืนบนพระพุทธรูป ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสม และทำให้สีของพระพุทธรูปเสียหาย ทำให้ต้องใช้งบประมาณมากในการบูรณะซ่อมแซม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนลดลง เพราะเรื่องของความเคารพศรัทธานั้นเป็นเรื่องของจิตใจและความเชื่อของแต่ละ บุคคล มีเรื่องเล่ากันมาว่าเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินทิ้งระเบิดลงตรงวัดพอดี แต่ชาวบ้านแถวนั้นเชื่อกันว่าหลวงพ่อโตได้เอามือรับระเบิดแล้วเหวี่ยงไปที่ สะพานพุทธฯ จึงทำให้คนที่มาหลบในวิหารปลอดภัย นอกจาก 2 วัดที่กล่าวมาแล้ว ที่วัดอุภัยภาติการาม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา บนถนนศุภกิจใกล้กับตลาดจังหวัดบ้านใหม่ก็มีซำปอกงหรือหลวงพ่อโต องค์โตให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชาเช่นกัน สำหรับวัดอุภัยฯเดิมนั้นมีวิหารลักษณะศาลเจ้า แต่ปัจจุบันแปรสภาพเป็นวัดญวนในลัทธิมหายาน แต่ว่าก็มีชาวพุทธแวะเวียนไปกราบไหว้ ซำปอกง หรือหลวงพ่อโตกันไม่ได้ขาด โดยส่วนใหญ่ก็จะไปขอให้ทำมาค้าขึ้น กิจการรุ่งเรืองก้าวหน้า ซึ่งใครที่อยู่ใกล้กับหลวงพ่อโตในวัดไหนจังหวัดไหนก็สามารถเดินทางไปสักการะ กันได้ตามจิตศรัทธา หรือใครจะไปกราบไหว้ให้ครบทั้ง 3 วัด ก็นับว่าเป็นสิริมงคลอันใหญ่หลวงทีเดียว |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments