สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177-อิฐ สงขลา - webpra
VIP
พระแท้ดูง่าย สวยตาเปล่า

หมวด พระเกจิภาคอีสานใต้

สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177

สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177 - 1สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177 - 2สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177 - 3สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177 - 4สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177 - 5
ชื่อร้านค้า อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177
อายุพระเครื่อง 7 ปี
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานใต้
ราคาเช่า 3,500 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 081-346-6638,081854-8799
อีเมล์ติดต่อ itsda99@gmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ พ. - 27 ก.ค. 2559 - 16:23.05
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 29 มิ.ย. 2563 - 19:33.48
รายละเอียด
สมเด็จมหามงคล9รอบหลวงปู่แสนเนื้อนวะโลหะหลังยันต์สิบหมายเลข177
🌹ประวัติหลวงปู่แสน ปสนฺโน วัดบ้านหนองจิก🌹
ชื่อเดิม ปู่แสน คุ้มครอง เกิดขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ปีวอก ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2451 เป็นบุตรของพ่อเอี้ยง คุ้มครอง และ แม่ผัน คุ้มครอง มี่พี่น้องต่างมารดาร่วม 6 คน หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 3 (ปัจจุบันเหลือหลวงปู่ผู้เดียว) พื้นเพเป็นคนบ้างโพง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์ จ.ขุขันธ์ (ปัจจุบัน ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีษะเกษ) เมื่อครั่นยังเด็กหลวงปู่เป็นลูกสิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพรงและพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโพงในสมัยนั้นเลี้ยงดู จนได้บวชเณรที่วัดบ้านโพรง ระหว่างบวชเณรได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุมวัดปราสาทเยอใต้จนจบ ป.4 และได้เรียนตำราพระเวชจากหลวงพ่อมุมทั้งภาษาขอม ภาษาธรรมบาลี ระหว่างเป็นเณรก็ได้เที่ยวไปมาระหว่างบ้านปราสาทเยอใต้และบ้านโพง จนกระทั่งอายุ 21 ปีได้เข้าอุปสมบท ระหว่างเป็นพระก็ยังคงเรียนรู้วิชากับพระอาจารย์มุมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งอายุ 24 ปี ได้ลาสิขาบทออกมาเพื่อมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน หลังจากสึกได้บวชเป็นหมอธรรมขณะที่เป็นคาราวาส ระหว่างว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรม หลวงปู่ได้ชักชวนเพื่อนๆหมอธรรมเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนเพิ่มเติมที่จังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคารมเป็นนายก ได้เข้าพบพระผู้ใหญ่และอาจารย์จากทางเขมรแล้วได้ร่ำเรียนมาไม่น้อย หลวงปู่ท่านกลับเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับช่วยเหลือผู้คน รักษาคน
ต่อมาพอหมดภาระทางบ้านหลวงปู่ได้กลับเข้าใต้ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง โดยไปจำพรราที่บ้านกุดเสล่า อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ได้ธุดงค์ในเทือกเขาพนมดงรัก เป็นนิจ และเป็นพระที่อยู่อย่างสมาถะ ไม่มักมาก ไม่ยึดติด เป็นพระนักสร้าง ชาวบ้านกุดเสล่าจึงรักและศรัทธาท่านมาก ต่อมาหลวงตาวันพระที่เป็นสหายรุ่นน้องจึงได้ไปกราบนิมนต์มาช่วยสร้างวัด โดยเจ้าขณะอำเภอกันทรลักษณ์อนุญาตให้หลวงปู่ไปอยู่ที่วัดเป็นวัดที่สมบูรณ์แล้ว หลวงปู่จึงมาจำพรรษาที่วัดอรุณสว่างวราราม(วัดบ้านกราม) แต่ด้วยมักสมาถะ ปีต่อมาจึงย้ายมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์โนนไทย (วัดกูไทยสามัคคีในปัจจุบัน) อยู่จำพรรษา 3 พรรา ต่อมาได้จำพรรษาที่วัดบ้านหนองจิกเนื่องด้วยวัดจะร้างเพราะพระน้อย หลวงปู่จึงเข้ามาทำนุบำรุงวัดจนวัดมีพระเข้ามารับช่วงต่อ ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านหนองจิกเป็นเวลา 4 พรรษา โยมญาติพี่น้องเก่าจึงได้เดินทางมานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านโพง วัดครั้นสมัยบวชเณรเนื่องจากวัดจะร้างไม่มีพระจำพรรษา เนื่องจากหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาแม้อายุจะย่างเข้า 93 ปีท่านได้ไปจำพรราที่วัดบ้านโพงโดยรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในช่วงนั้น ด้วยพระเดชของหลวงปู่วัดใดที่จะร้าง เมื่อท่านไปจำพรรษาวัดใด วัดนั้นก็จะเต็มไปด้วยลูกวัด ในขณะที่จำพรรษาอยู่วัดบ้านโพงก็ได้ทำนุบำรุงวัดเชกเช่นวัดอื่น จนอายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์หลวงปู่จากวัดบ้านโพงกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองจิกจนถึงทุกวันนี้.🌻🌻

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top