
หมวด พระเกจิภาคตะวันออก
ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ยุคต้น"จารครบสูตร"





ชื่อร้านค้า | อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ยุคต้น"จารครบสูตร" |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเกจิภาคตะวันออก |
ราคาเช่า | 35,000 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 081-346-6638,081854-8799 |
อีเมล์ติดต่อ | itsda99@gmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ศ. - 09 ม.ค. 2558 - 16:37.28 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ส. - 29 ก.พ. 2563 - 14:54.44 |
รายละเอียด | |
---|---|
ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ "จารครบสูตร" พุทธคุณปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ นอกจากเชื่อว่า ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ มีพุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม ให้โชค ให้ลาภ มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตครอบครัวแล้ว ปลัดขิกของท่านยังช่วย ป้องกันภูตผีปีศาจ และ ปัดป้องสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร ได้อีกด้วย ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ สนนราคาสภาพพอสวย เห็นอักขระยันต์ชัดเจน ดูง่าย ราคาอยู่ในหลักหมื่นขึ้นไป เรื่องวิชาไสยศาสตร์และวิชาการสร้างวัตถุมงคลต่างๆ นั้น มีด้วยกันหลายแขนง วิชาปลัดขิก ก็เป็นวัตถุมงคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแขนงวิชาไสยเวทเช่นกัน เน้นพุทธคุณไปทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นหลัก ปลัดขิก เป็นเครื่องรางของขลัง ที่นับถือกันมาช้านาน ตั้งแต่โบราณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเรามีเกจิคณาจารย์ทั้งเก่าใหม่ ไม่ว่าพระสงฆ์หรือฆราวาส ได้สร้าง ปลัดขิก เอาไว้จำนวนมากมาย ความนิยมมากน้อยต่างกันไป ส่วนที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ก็มีอยู่ด้วยกันหลายคณาจารย์ เช่น ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา ปลัดขิกของหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส จ.อ่างทอง ปลัดขิกของหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ ปลัดขิกอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จ.พระนครศรีอยุธยา อาจารย์ฆราวาส เป็นต้น เหรียญหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ รุ่นแรก ปี พ.ศ.2473 การสร้างปลัดขิก ตั้งแต่โบราณ ทำจากวัสดุด้วยกันหลายชนิด เท่าที่พบเห็นก็มีทำจากหินศักดิ์สิทธิ์ ไม้มงคล ทองเหลือง ทองแดง เงิน ทองคำ เขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ งาช้าง และกัลปังหาจากท้องทะเล เป็นต้นราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงรีบเก็บสะสมนะครับ...,,,ข้อมูลต่อไปนี้ได้ศึกษามาจากเว็บไซต์พระเครื่อง และ นิตยสารพระเครื่องต่างๆนำมารวบรวมเรียบเรียงใหม่จึงต้องขอขอบคุณท่านที่ค้นคว้าทุกท่านครับ,,,หลวงพ่ออี๋ นี่ ในท้องถิ่น อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่านดังเรื่องปลัดขิก ลูกศิษย์ของท่านที่เป็นทหารเรือ และชาวประมงมีมากมาย เขาพากันเรียกปลัดขิกของท่านว่า ปลัดฉลามเมิน (เพราะเคยมีคนพกปลัดของท่าน ลอยคออยู่กลางดงฉลามแล้วรอดมาได้) หลวงพ่ออี๋ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๐๘ ณ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โยมบิดาของท่านชื่อ ขำ ทองขำ โยมมารดาชื่อ เอียง ทองขำ หลวงพ่ออี๋เป็นบุตรชายคนโต ได้รับการศึกษา และอบรมสั่งสอนให้เป็นกุลบุตรที่ดี เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องบิดาของท่านรับราชการ ตำแหน่งที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกว่า “นายกอง” ในปี๒๔๓๓ ท่านมีอายุ ๒๕ ปีได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดอ่างศิลานอก โดยมีพระอาจารย์จั่น จันทสโร วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระศาสนาว่า “พุทธสโร ภิกขุ” แปลว่า “ผู้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่ออี๋ได้อยู่เรียนวิชาการ และศึกษาพระธรรม กับ พระอาจารย์แดง วัดอ่างศิลานอก ซึ่งเป็นพระเถระที่มีภูมิธรรมสูง ทั้งยังมีวิชาอาคม แก้อาถรรพ์คุณไสย ตลอดถึงการสักยันต์ พระอาจารย์จั่น พระอาจารย์แดง และพระอาจารย์เหมือน ได้สอนศาสตร์วิชาต่างๆ ให้แก่ลูกศิษย์ของท่านจนหมดสิ้น เป็นเวลา ๖ พรรษาเต็มๆ การที่หลวงพ่ออี๋ ท่านมุมานะศึกษาเล่าเรียน จุดประสงค์ก็เพื่อจะนำมาสงเคราะห์ ญาติโยม ชาวบ้านผู้เดือดร้อนโดยทั่วไปต่อมาท่านได้ยินกิตติศัพท์ ของพระอาจารย์สำคัญ อีกองค์หนึ่ง คือพระครูนิโรธาจารย์ หรือ หลวงพ่อปานแห่งวัดคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งท่านเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางด้านสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถือธุดงควัตร ท่านเป็นพระภิกษุที่พระเจ้าอยู่หัว ร.๕ ทรงพระศรัทธาเลื่อมใสเป็นอันมาก อีกองค์หนึ่ง ภายหลังจากหลวงพ่อปานได้รับตัวเป็นศิษย์แล้ว ท่านก็ได้อบรมและทดสอบจิตใจว่ามั่นคงดีแล้ว ก็พาออกป่าไปเรียนรู้ความจริงของธรรมะ เพราะจิตใจจะได้กล้าแข็ง แข็งแกร่งกล้าหาญเมื่อเผชิญภัยในป่าลึก หลวงพ่ออี๋ แม้ว่าท่านจะมีรูปร่าง บอบบาง แต่ด้วยความมานะพากเพียรเป็นเลิศ หลวงปานจึงประสิทธิ์ประสาทวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่ออี๋จนหมดสิ้นท่านพระครูศรีสัตคุณ เจ้าอาวาส วัดสัตหีบ ได้เล่าว่าสมัยที่หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร ท่านได้ติดตามหลวงพ่อปาน เดินธุดงค์ ไปถึงพระพุทธบาท สระบุรี เพื่อจักนมัสการรอยพระพุทธบาทที่นั่น ขณะผ่านไปนั้น หลวงพ่ออี๋ ได้ทำสมาธิ เห็นพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุ ประดิษฐานอยู่ใต้ก้นเหวลึก ในแถบจังหวัดสระบุรีนั่นเอง และได้เรียนให้หลวงพ่อปานทราบ ท่านจึงให้ไปอัญเชิญขึ้นมาจากก้นเหวนั้น เพื่อนำไปประดิษฐานในสถานที่อันสมควรต่อไป หลวงพ่ออี๋ ได้ลงไปยังก้นเหว ด้วยการใช้ไม้ไผ่ ๓ ลำ ต่อลูกสลักทำเป็นขั้นบันได ผูกมัดแน่นหนา แล้วก็ไต่ลงไปจนถึงก้นเหวลึก และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุ ขึ้นมาได้สำเร็จ หลวงพ่อปานมีความพึงพอใจในตัวของลูกศิษย์เป็นอันมาก เพราะขณะนั้นหลวงพ่ออี๋ บวชได้เพียง ๕ พรรษา เท่านั้น คณะพระธุดงค์เมื่อได้นมัสการพระพุทธบาทแล้ว ก็ออกเดินธุดงค์ต่อไป เพื่อหาประสบการณ์ ต่อมาหลวงพ่ออี๋ได้กราบลาพระอาจารย์ ออกเดินธุดงค์กรรมฐานด้วยตนเอง ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐาน ถือการเดินธุดงค์เป็นวัตร ท่านเดินธุดงค์ไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก และภาคอีสาน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เหตุการณ์ระหว่างการธุดงค์ของท่าน ไม่ได้รับการถ่ายทอดบอกเล่าจากท่าน และบรรดาลูกศิษย์ก็ไม่ได้สนใจไต่ถามแต่อย่างใด ทำให้เราไม่ทราบอะไรมากนักในเรื่องของการธุดงค์ของหลวงพ่อ หลวงพ่ออี๋ไม่ได้กลับบ้านเลย เป็นเวลา ๑๑ พรรษา เพื่อเล่าเรียนวิชาต่างๆ จนพอสมควรแล้ว ท่านจึงได้กราบลาหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน กลับไป อำเภอสัตหีบ เมื่อไปถึงบ้าน โยมบิดาได้นิมนต์ให้ท่านอยู่เสียในที่สงบแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ชายทะเล ปลูกกระต๊อบเล็กๆ ให้อยู่ปฏิบัติภาวนาธรรม และได้เห็นปฏิปทาของพระลูกชาย ดูน่าเลื่อมใสศรัทธา จึงคิดว่าท่านคงไม่สึกหาลาเพศเป็นแน่ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๐ โยมบิดาของท่านมีโอกาส ไปกรุงเทพฯ และได้เข้าไปยังสำนัก พระบรมมหาราชวังด้วย ได้มีโอกาสกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) เพื่อขอพระบรมราชานุญาต สร้างวัดสัตหีบ ภายในบริเวณที่ดินว่างเปล่า เมื่อได้รับพระกรุณา โยมบิดาแสนจะดีใจ รีบเดินทางกลับมานมัสการให้พระลูกชายทราบ ช่วงปี พ.ศ.๒๔๕๐ – ๒๔๕๑ หลวงพ่ออี๋ โยมบิดา ตลอดถึงชาวบ้าน ได้ทำการก่อสร้างวัด โดยไปหาไม้สวยๆ ในบริเวณใกล้เคียง มาทำเสา ทำฝา และหาดินเหนียวที่บางปะกง ไปเผาทำกระเบื้องมุงหลังคา การสร้างวัดของท่าน ไม่ถึง ๕ ปีก็แล้วเสร็จ เว้น พระอุโบสถ วิหาร และศาลาการเปรียญ มีการสร้าง ในเวลาต่อๆ มา และได้วิสุงคามสีมา ในปีพ.ศ. ๒๔๖๓ ในปีที่หลวงพ่ออี๋ท่านสร้างวัดใหม่ๆ นั้น กิตติศัพท์ของท่าน ได้ขจรขจายไป ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร ผู้คนพากันหลั่งไหลไปมากมาย มีทั้งที่ต้องการฟังธรรมะ และ การปฏิบัติสมาธิกับท่าน บางคนต้องการวัตถุมงคล ก็ได้สมความปรารถนาทุกประการ ต่อมา หลวงพ่ออี๋ท่านก็ยังออกรุกขมูลอยู่เป็นประจำ เหมือนครูบาอาจารย์ของท่าน และนี่เองเป็นมูลเหตุ ในการสร้างปลัดขิกของท่าน การสร้างปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เท่าที่ทราบ ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ สร้างจากวัสดุมงคลหลายชนิด อาทิ ไม้กัลปังหา ที่ขึ้นอยู่ใต้ท้องทะเล มีทั้งสีดำ สีแดง สีขาว ซึ่งปัจจุบันปลัดขิกกัลปังหาสีขาว ของท่านเป็นของหาชมได้ยากมาก สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างจำนวนน้อย เพราะว่าวัสดุคงหายาก ส่วนประเภทที่สร้างจากไม้ ท่านได้ใช้ต้นไม้ หรือชื่อต้นไม้ที่เป็นมงคลในตัว เช่น แก่นจากไม้ต้นคูณ แก่นจากไม้ต้นมะขาม แก่นจากไม้ต้นขนุน และไม้อื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งชาวบ้าน แกะมาให้ท่านลงอักขระ ปลุกเสกให้ก็มีจำนวนมาก ลักษณะปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ มีหลายขนาด ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ และตัวปลัดขิกมีลักษณะเดียวกัน คือ เรียวยาว ได้สัดส่วน ปลายหัวปลัดขิกมี 2 แบบ คือ แบบแรก ปลายหัวปลัดขิกจะเรียว ออกแหลม เรียกว่า หัวปลาหลด แบบที่สอง ปลายหัวปลัดขิกจะมีลักษณะมน ออกบาน เรียกว่า หัวหมวกเยอรมัน โดยเรียกกันตามลักษณะที่เห็น แล้วแต่ใครจะชอบเรียกกันแบบไหนแต่ที่สำคัญที่สุดของปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ ต้องมีสัญลักษณ์เดียวกันทุกชิ้น คือ อักขระยันต์ที่ลงในตัวปลัดขิกด้านข้าง จะต้องเป็นตัวอักขระขอมอ่านได้ว่า กันหะ เนหะลักษณะปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ คาถาปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบส่วนหัวด้านข้างทั้งสองด้าน จะลงอักขระยันต์ขอมตัว มิ ไว้ทั้งสองข้างตรงกลางหัวปลัดขิก จะลงอักขระยันต์ขอมตัว อุณาโลมด้านในด้านบน ติดกับขอบหัวปลัดขิก จะลง พินทุ ซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ เอาไว้ทั้ง 4 จุดนี้ ถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ พุทธคุณปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ นอกจากเชื่อว่า ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ มีพุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม ให้โชค ให้ลาภ มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตครอบครัวแล้ว ปลัดขิกของท่านยังช่วย ป้องกันภูตผีปีศาจ และ ปัดป้องสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร ได้อีกด้วย ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ สนนราคาสภาพพอสวย เห็นอักขระยันต์ชัดเจน ดูง่าย ราคาอยู่ในหลักหมื่นขึ้นไป เรื่องวิชาไสยศาสตร์และวิชาการสร้างวัตถุมงคลต่างๆ นั้น มีด้วยกันหลายแขนง วิชาปลัดขิก ก็เป็นวัตถุมงคลอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแขนงวิชาไสยเวทเช่นกัน เน้นพุทธคุณไปทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นหลัก** |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...










อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments