หมวด หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระสมเด็จทรงหนุมาน หลังเรียบทาชแล็ค ปี 14 (หลวงปู่ทิมปลุกเสก)
ชื่อร้านค้า | อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระสมเด็จทรงหนุมาน หลังเรียบทาชแล็ค ปี 14 (หลวงปู่ทิมปลุกเสก) |
อายุพระเครื่อง | 49 ปี |
หมวดพระ | หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ |
ราคาเช่า | 60,000 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 081-346-6638,081854-8799 |
อีเมล์ติดต่อ | itsda99@gmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พ. - 24 ก.ย. 2557 - 12:34.15 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | อ. - 20 ก.ย. 2565 - 08:19.01 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ (จากหนังสือที่ระลึกอายุครบ ๗๐ ปี พระครูมนูญธรรมวัตร หลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม อิสริโก) โดยมี คุณหมอไพโรจน์ สหัสโชติ (หมออี๊ด) ซึ่งเป็นหมอประจำอยู่ที่อนามัยบ้านปลวกแดงและเป็นหมอวินิจฉัยโรคที่โรงพยายบาลระยอง หมออี๊ดเป็นคนฉลาดความจำดี สอนง่าย จนเป็นที่รักใคร่ของหลวงปู่ทิม ซึ่งตอนนั้นหมออี๊ด มีอายุได้เพียง ๒๖ ปี หมออี๊ดมีพี่น้องทั้งหมด ๑๓ คน ท่านเป็นคนที่ ๙ ซึ่งครอบครัวของหมออี๊ดถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี เป็นครอบครัวแรกๆของตลาดไผ่ล้อม หมออี๊ดเป็นคนชอบนั่งสมาธิ เมื่อมีเวลาว่างจะเข้าไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ทิม ที่วัดระหารไร่ ซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลจากบ้านหมออี๊ด นอกจากนี้หมออี๊ดยังไปศึกษากับพระเกจิทางกำแพงเพชรและภาคเหนืออีกหลายท่าน ระหว่างที่ได้เที่ยวศึกษาวิชาจากพระเกจิต่างๆ ก็ได้เก็บรวบรวมมวลสารต่างๆ ของพระเกจิที่ได้ไปศึกษามาจากหลายๆที่ ซึ่งเป็นพระทางบ้านของภรรยา ปัจจุบันภรรยาของหมออี๊ดยังเป็นพยาบาลอยู่ หมออี๊ดเป็นคนชอบสงบชอบไปนั่งสมาธิฝึกจิต ครั้งหนึ่งหมออี๊ดไปนั่งสมาธิในถ้ำแล้วเจอเหล็กไหลแต่ไม่สามารถตัดเอามาได้ จึงเดินทางมาหาหลวงปู่ทิม แล้วหลวงปู่ทิมให้ของสิ่งหนึ่งกับหมออี๊ดเพื่อไปตัดเหล็กไหล แล้วหมออี๊ดก็กลับไปตัดเอาเหล็กไหลกับมาได้ ก็มีข่าวแพร่ออกไปเป็นข่าวดังทั่วอำเภอบ้านค่าย และมีการนำออกมาลองยิง ปืนไม่สามารถยิงออก สุดท้ายมีนายทหารจะซึ้อและนำออกมาลองยิงอีกก็ไม่สามารถยิงออก จึงตกลงซื้อกันนัดวันจ่ายตังค์ คนซื้อคนขายตกลงกันว่าจะฝากเหล็กไหลไว้กับเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง แต่ถึงวันนัดเจ้าอาวาสได้หายไปพร้อมกับเหล็กไหล พระรุ่นนี้เป็นพระที่หมออี๊ดได้ร่วมทำพระกับหลวงปู่ทิม ได้กดพิมพ์และปลุกเสกที่วัดระหารไร่ โดยนำมวลสารต่างๆ ที่หมออี๊ดรวมรวมมาและมวลสารหลักที่หลวงปู่ทิมได้มอบให้นำมาผสมโดยมี ผงมหาจินดามณี ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงตรีนิสิงเห ผงมหาไว สำหรับผงจินดามณีนั้นเป็นผงเมตตามหานิยมชั้นสูง เมื่อทำสำเร็จแล้วสามารถเรียกเนื้อ เรียกปลาได้อย่างในวรรณคดีสังข์ทอง เพราะมีผู้เฒ่าผู้แก่แถววัดละหารไร่เคยเล่าให้ฟังว่า วันดีคืนดีหลวงปู่ทิมของเราท่านจะเดินลุยลงไปในสระน้ำหน้าโบสถ์ หลวงปู่ท่านได้เรียกปลามาห้อมล้อมท่านเต็มไปหมด มีปลาไหลเผือกอยู่คู่หนึ่งด้วย ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนยืนยันให้ฟังอย่างนี้แต่พระชุดนี้จะไม่คอยพบเจอกันมากนักเพราะหมออี๊ดขอหลวงปู่ทำไว้แจกญาติพี่น้อง และถวายหลวงปู่ทิม เอาไว้แจกคนมาทำบุญ มีส่วนหนึ่งที่หมออี๊ดนำมาถวาย หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ ณ ตอนนั้นหลวงพ่อสาครก็ได้ไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ทิม ด้วยเหมือนกัน หลวงพ่อสาครก็ได้เก็บรักษาพระชุดนี้ไว้เพราะเป็นวัตถุมงคลของอาจารย์ที่ได้สร้างและปลุกเสกต้องดีแน่นอน สามารถดูพระชุดนี้ได้ที่ พิพิธภัณฑ์พระเครื่องบนหอยันต์ของวัดหนองกรับได้ พระสมเด็จทรงหนุมาน มีทั้งด้านหลังเรียบและหลังแบบซึ่งหลังแบบจะสร้างน้อยมาก พระชุดนี้สร้างด้วยเนื้อผงพุทธคุณล้วน มีทั้งแบบที่ทา ด้วยยางมะตูมและแบบที่ไม่ทา ส่วนใหญ่พระที่พบเจอเป็นเนื้อสีขาว มีบ้างแต่น้อยที่ออกสีดำ จากการสอบถาม หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ หลวงพ่อสาครบอกว่าพระรุ่นนี้หลวงปู่ทิมได้ทำกับหมออี๊ดสองคนในศาลาวัดละหารไร่และหลวงปู่ทิมปลุกเสก ในขณะนั้นหลวงพ่อสาครได้มาเรียนวิชากับหลวงปู่ทิมจึงเห็นการสร้างของพระชุดนี้เป็นอย่างดี หลวงพ่อสาคร บอกว่าพระรุ่นนี้น่าใช้ หลวงปู่ทิมปลุกเสกดีจริงๆน่าใช้ทีเดียว ประวัติหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงปู่ทิม อิสริโก นามเดิมชื่อ "ทิม งามศรี" เป็นบุตรของนายแจ้า นางอินทร์ เกิดที่บ้านรหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2 ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ 1 ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 7 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 เป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว เมื่ออายุ 17 ปี นายแจ้ผู้เป็นบิดา นำตัวไปฝากไว้กับหลวงพ่อสิงห์ (วัดละหารใหญ่) เล่าเรียนหนังสือทั้งไทยและอักษรขอม ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นขอลาหลวงพ่อสิงห์กลับไปช่วยโยมบิดา มารดา ทำงานบ้าน จนถึงอายุ 19 ปี ท่านจึงถูกคัดเลือกเข้าเป็นลูกหมู่ หรือทหารประจำการในสมัยนั้นอยู่ที่กรุงเทพถึง 4 ปีเศษ จึงได้รับการปลดปล่อยกลับมาอยู่บ้านตามเดิม โยมบิดาจึงได้ขออนุญาตให้ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา หลวงปู่ทิม ได้อุปสมบทที่วัดทับมา โดยพระครูขาว เจ้าคณะแขวงเมืองระยอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสิงห์เป็นกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการเกตุเป็นอนุสาวนาจารย์ โดยทำพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2449 ตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ ได้รับฉายานามสงฆ์ว่า "อิสริโก" หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทางปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อสิงห์ อาจารย์ของท่าน และศึกษาวิชาต่างๆ จากตำราคู่วัดละหารใหญ่ (เข้าใจว่าเป็นตำหรับเดิมของหลวงปู่สังข์เฒ่า) จนมีความรู้แตกฉานได้ออกจาริกปฏิบัติธุดงค์กับหลวงพ่อยอด นักปฏิบัติที่เป็นอาจารย์ ออกตังค์ไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเจริญสมณธรรม ออกหาความวิเวกสันโดษ ตามอัธยาศัยเป็นเวลา 3 ปี ครั้นเมื่อใกล้เข้าพรรษากลับมาถึงจังหวัดชลบุรีได้จำพรรษาที่วัดนามะตูมถึง 2 พรรษา ได้เที่ยวร่ำเรียนศึกษาวิชาเพิ่มเติม กับพระเกจิอาจารย์หลายรูป ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่เก่งกล้าอีกลายคน จากนั้นได้กลับมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ตั้งแต่พ.ศ. 2450 ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณซ่อมแซมกุฏิ และถาวรวัตถุอีกหลายอย่าง หลังจากหลวงปู่ทิม อิสริโก ได้สร้างอุโบสถเสร็จด้วยบารมีของท่านแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2517 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 95 ปี หลวงปู่ทิมได้วางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ "ภาวนาภิรัติ" และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2518 จากนั้นได้สร้างปละปรับปรุงหอฉัน "อุตตโม" หลวงพ่อทิมมีตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็นพระครูภาวนาภิรัติ ชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกว่า "หลวงปู่ทิมฎ ซึ่งท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เป็นเวลา 23 วัน คณะศิษย์จึงได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดละหารไร่ และเก้บศพไว้บนศาลาภาวนาภิรัติ โดยขอพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2526 ณ เมรุวัดละหารไร่ หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูปรส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันภัตราหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 7.00น. และฉันน้ำชาประมาณ 4 โมงเย็น จะไม่มีการฉันเพลเลย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวทุกชนิดท่านจะไม่ยอมฉัน แม้แต่น้ำปลา อาหารที่ท่านฉันส่วนใหญ่จะเป็นผัก ถั่ว หรือน้ำพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีแะลสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ร่างกายอ้วนท้วนพอสมควร ทั้งนี้คงเป็นเพระบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด และบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี อายุพรรษา 72 พรรษา และได้มรณภาพด้วยโรคชรา หลังจากเข้ารับการรักษาจาก และวันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี วัดละหารไร่และคณะศิษย์จะร่วมกันจัดงานวันระลึกถึงหลวงปู่ทิม ซึ่งก็มีลูกศิษย์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก คาถาของหลวงปู่ทิม "มะอะอุ ทุกขัง อนิจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ" หลวงปู่ทิมท่านว่าเป็นคาถาที่ดีและก็สั้น และพุทธคุณของคาถาบทนี้ก็สูงมากอยู่ที่คนปฏิบัติ ท่านยังกรุณาเล่าให้ฟังว่า มีใครคนหนึ่งที่อยู่ตลาดมาปรับทุกข์ให้ท่านฟังว่า ขายของก็ไม่ดีทะเลาะกับเมีอยู่ที่บ้านแทบทุกวัน ญาติพี่น้องต่างเกลียดชัง อยากจะขอคาถาให้เขารัก หลวงปู่จึงให้คาถาบทนี้ไป ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ ชายผู้นั้นมีความสุขแล้ว จะไปไหนเมียก็ตามไปด้วย ญาติพี่น้องก็รักใครกันดี ผู้เขียนจึงมั่นใจว่าพุทธานุภาพในคาถาบทนี้จะประสบผลสำหรับผู้ที่ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าผู้ใดได้รับคาถานี้ไป ขอให้นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และคุณหลวงปู่ทิมเป็นที่ตั้งทุกอย่างก็จะอำนวยโชคพอสมควรกับบุญกรรมของบุคคลนั้น |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments