หมวด พระสมเด็จวัดระฆัง - วัดบางขุนพรหม - วัดเกษไชโย
"พระสมเด็จพิมพ์แซยิดแขนหักศอก หลวงปู่ภู"
ชื่อร้านค้า | อิฐ สงขลา - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | "พระสมเด็จพิมพ์แซยิดแขนหักศอก หลวงปู่ภู" |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระสมเด็จวัดระฆัง - วัดบางขุนพรหม - วัดเกษไชโย |
ราคาเช่า | 300,000 บาท |
เบอร์โทรติดต่อ | 081-346-6638,081854-8799 |
อีเมล์ติดต่อ | itsda99@gmail.com |
LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
สถานะ | |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | จ. - 25 ส.ค. 2557 - 16:54.59 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 15 พ.ค. 2567 - 17:34.00 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระครูธรรมานุกูล นามเดิมชื่อว่า ภู เกิดที่หมู่บ้านตำบลวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก ในปี พ.ศ. ๒๓๗๓ ตรงกับปีขาลโดยบิดามีนามว่า นายคง โยมมารดามีนามว่า นางอยู่ พออายุได้ ๙ขวบ บิดามารดาได้พาไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท่าคอย ได้ศึกษาเล่าเรียกอักขระสมัย (ภาษาขอม) และหนังสือไทย กับท่านอาจารย์ วัดท่าแคจนกระทั่งอายุได้ ๒๑ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ณ พัทธสีมา วัดท่าคอย โดยมี พระอาจารย์อ้น วัดท่าคอย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์คำ วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์คำ วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มา วัดน้ำหัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายานามทางพระว่า "จนฺทสโร" เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ สำนักวัดท่าแคชั่วระยะหนึ่งก็ได้ออกเดินธุดงค์ จากจังหวัดตากมาพร้อมกับพระพี่ชาย คือ หลวงปู่ใหญ่ สำหรับวัดท่าแค ในสมัยที่หลวงปู่ภูจำพรรษาอยู่ นั้นยังเป็นวัดเล็กๆ เข้าใจว่าโบสถ์ยังไม่ได้สร้างท่านจึงได้มาอุปสมบท ที่วัดท่าคอยแล้วกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมอีก ปัจจุบันวัดท่าแคนี้ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานกิตติขจรฝั่งตัวจังหวัดตากตำบล เชียงเงิน อำเภอเมือง ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงคราม พระสมเด็จฯ คือจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง พระสมเด็จฯ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๔ ติดต่อมาจนถึงต้นรัชกาลที่ ๕ แม้จะมีอายุการสร้างเพียงร้อยกว่าปี แต่วงการนิยมพระเครื่องยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง ทั้งๆ ที่พระเครื่องเก่าๆ นั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งมีอายุการสร้างเก่ากว่าพระสมเด็จฯ เป็นร้อยๆ ปี แต่วงการนิยมพระเครื่องก็ยังยกย่องพระสมเด็จให้เป็นหนึ่ง ดังนั้น ไม่ว่าพระเกจิองค์ใดในยุครัตนโกสินทร์จึงสร้างพิมพ์พระสมเด็จขึ้นแทบทุกอาจารย์ บางองค์สร้างแล้วดังก็มีแต่จะหามีพระเกจิอาจารย์องค์ใดที่สร้างแล้วดังเทียบเท่าพระพิมพ์สมเด็จที่สมเด็จพุฒาจารย์โต นั้นไม่มีเลย พระสมเด็จ นับว่าเป็นสุดยอดปรารถนาของมหาชนชาวสยามประเทศ แต่ในปัจจุบันนี้เราแทบจะหาพระแท้ดูนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก อย่างองค์ที่นำมาให้ดูกันนี้เป็นพระสมเด็จพิมพ์เก้าชั้นเกศยาวถือได้ว่าเป็นสมเด็จอีกตระกูลหนึ่ง ที่เกจิอาจารย์ยุคหลังได้สร้างไว้โดยนำมวลสารจากพระสมเด็จที่แตกหักเสียหายมาเป็นชนวนมวลสารโดยสร้างให้มีเอกลักษณ์เฉพาะปลุกเสกโดยอัญเชิญดวงวิญญาณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังษี )มาร่วมปลุกเสก ส่วนผสมในการสร้างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของดีของวิเศษซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี ) นำมาประสมกันเป็นเนื้อพระนั้น ประกอบด้วยมวลสารหลักได้แก่ ปูนเปลือกหอย ผงวิเศษ ( ผงอิทธิเจ ผงพุทธคุณ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงตรีนิสิงเห ) ข้าวสุก กล้วยป่า ดอกไม้แห้ง และน้ำมันตั้วอิ้ว และมวลสารอื่นๆอีกมาก ผู้ที่ครอบครองจะมีบารมี อำนาจ วาสนา เป็นเมตตามหานิยมแก่บุคคลโดยทั่วไป ค้าขายประกอบธุรกิจดีมีกำไร รักษาโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้เข้ามากล้ำกราย อาวุธเขี้ยวงาไม่สามารถทำอันตรายได้ แคล้วคลาดปลอดภัยปราศจากอันตรายทั้งปวง และทรงคุณความดีอันประเสริฐอีกนานัปการ แก่ผู้ที่ยึดมั่นถือมั่น และกระทำแต่ความดี พระสมเด็จนี้มีความเป็นเลิศ 4 ด้านด้วยกันคือ 1. พระสูตรคาถาอันเป็นศิริมงคลสูงสุด 2. เนื้อมวลสารมีความเป็นศิริมงคลอันเป็นเลิศ 3. ผู้สร้างและผู้จัดสร้างถึงพร้อมด้วยคุณความดี 4. พิธีพุทธาภิเษกเป็นพิธีหลวงที่สมบูรณ์แบบตามโบราณราชประเพณี สำหรับท่านที่ต้องการพระไว้คุ้มครอง ป้องกันตัวเองจริงๆ เพราะชีวิตมีอันตราย หรือขอเทวดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปช่วยทำมาค้าขาย ก็รีบตัดสินใจเลือกพระสมเด็จ ไปบูชาติดตัวเถิดรับประกันว่าไม่ผิดหวัง ดียิ่งกว่าเช่าพระสมเด็จองค์ละ 10 ล้านเสียอีก สุดยอดมวลสารพิธีปลุกเสกอย่างเข้มขลังยิ่งใหญ่ เป็นมหาโภคทรัพย์ สวดทิพยมนต์ เสกคาถา เร่งให้รวย เร่งให้มี เร่งให้เด่น เร่งให้ดัง “ยาจกกลับกลายเป็นเศรษฐี คนมั่งมีกลับได้เป็นเจ้าสัว” ยกฐานะที่ตกต่ำให้กลับสูง ดีเด่นในเรื่องเจริญก้าวหน้าในการงาน เรียกเงินไหลมาเทมาทั่วทั้ง8ทิศ ทำมาหากินอะไรก็เจริญรุ่งเรือง บันดาลได้ทั้งทรัพย์สินเงินทอง มั่งคั่ง มั่นคง “เหลือกิน เหลือเก็บ เหลือใช้” ในสมัยที่หลวงปู่ภูเดิมธุดงค์มากรุงเทพฯ ครั้งแรก ท่านได้เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ได้มาปักกลดอยู่ ณ บริเวณที่ตั้งวังบางขุนพรหม (ธนาคารแห่งประเทศไทย) สมัยนั้นพื้นที่บริเวณนั้นยังเป็นป่ารกร้างว่างเปล่าและเปลี่ยวมาก มีแต่ต้นรังต้นตาลที่ขึ้นระเกะระกะไปหมด นอกจากนี้ยังมีทางเกวียนทางเท้าเป็นช่องเล็กๆ พอเดินไปได้เท่านั้น ท่านได้มาปักกลดอยู่บริเวณชายแม่น้ำเจ้าพระยา พอตกกลางคืนได้นิมิตฝันไปว่า ได้มีคนนำเอาตราแผ่นดินมามอบถวายให้ท่าน ๓ ดวง เมื่อท่านตื่นขึ้นมาก็ได้พิจารณาถึงนิมิตนั้นพอจะทราบว่า ท่านเองจะมีอายุยืนยาวถึง ๑๐๓ ปีเศษ การเดินธุดงค์ของหลวงปู่นับตั้งแต่เดินทางออกมาจากวัดท่าแคเข้าจำพรรษาที่วัดในกรุงเทพฯ สันนิษฐานจากคำบอกเล่าของท่านที่ได้เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศฯ ได้ช่วยชีวิตรักษาคนป่วย เป็นอหิวาตกโรคไว้ ๖ คนซึ่งยุคนั้นถือว่าอหิวาตกโรคร้ายแรงมาก ยังไม่มียาจะรักษาถ้าใครเป็นมีหวังตายลูกเดียว และในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ซึ่งเป็นปีที่อหิวาตกโรคระบาดหนัก จนเป็นที่กล่าวขวัญเรียกกันจนติดปากว่า "ปีระกาห่าใหญ่" ต่อมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสามปลื้ม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดจักรวรรดิ์ราชาวาสและได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ วัดโมลีโลกยาราม (วัดท้ายตลาด) ตามลำดับ กาลต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอินทาราม ซึ่งในสมัยนั้นยังใช้ชื่อวัดบางขุนพรหมนอก ในปี พ.ศ. ๒๔๓๒ และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๔ ส่วนสมณศักดิ์ที่หลวงปู่ได้รับไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับตำแหน่งในปีใด เข้าใจว่าได้รับก่อนปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เพราะตามหลักฐาน ศิลาจารึกเกี่ยวกับการสร้าง พระศรีอริยเมตไตรย์ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ถึง พ.ศ. ๒๔๖๓ ท่านพระครูธรรมานุกูล (ภู) ผู้ชราภาพอายุ ๙๑ ปี พรรษาที่ ๗๐ ได้ยกเป็นกิตติมศักดิ์อยู่ในวัดอินทรวิหาร ท่านจึงได้มอบฉันทะ ให้พระครูสังฆบริบาล ปฏิสังขรณ์ต่อมาจนสำเร็จ ท่านได้มรณภาพลงเมื่อ วันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา เวลา ๐๑.๑๕ น. รวมสิริอายุได้ ๑๐๔ ปี ๘๓ พรรษา นับว่าท่านได้ยกเป็นพระครูกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จนถึงวันมรณภาพเป็นเวลา ๑๓ ปี พระเครื่องหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหารเป็น พระเนื้อผงรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบพระสมเด็จนั้น พระของหลวงปู่ภูก็เป็นที่นิยมกันมากเช่นกัน และหลวงปู่ภูท่านก็เป็นลูกศิษย์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อีกด้วย หลวงปู่ภูท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ท่านนับว่าเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดเจ้าประคุณสมเด็จมากองค์หนึ่ง หลวงปู่ภูท่านมีอายุยืนถึง 103 ปี พระที่ท่านสร้างขึ้นนั้นเข้าใจว่าท่านสร้างไว้ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.1463 เรื่อยมาหลายปี บทความพระเครื่องจำนวนพระที่สร้างขึ้นนั้นจึงมากมายหลายพิมพ์มูลเหตุในการสร้างพระเครื่องของ ท่านก็เพื่อหาทุนปฏิสังขรณ์พระศรีอาริยเมตไตรย์ (หลวงพ่อโต วัดอินทร์) ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สร้างไว้ได้เพียงครึ่งองค์ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านก็มามรณภาพลงเสียก่อน เนื้อหามวลสารในการสร้างพระเครื่อง-วัตถุมงคลของท่านนั้นก็ได้นำมวลสารผงวิเศษห้า ประการของเจ้าประคุณสมเด็จฯ มาเป็นส่วนผสมในการสร้างด้วย เนื่องจากเจ้าประคุณสมเด็จฯ เมื่อครั้งที่ท่านมาช่วยสร้างพระเครื่องที่วัดบางขุนพรหมนั้น ท่านได้มาพักอยู่ที่วัดอินทร์กับหลวงปู่ภู และท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็ได้สร้างพระหลวงพ่อโตไว้ที่วัดอินทร์แห่งนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์เจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็มามรณภาพลงเสียก่อนตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ดังนั้น พระสมเด็จของหลวงปู่ภูจึงมีมวลสารผงวิเศษของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ผสมอยู่ด้วย พระสมเด็จหลวงปู่ภู นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์ทรง เช่น พิมพ์แซยิดแขนหักศอก พิมพ์แซยิดแขนกลม พิมพ์เจ็ดชั้น พิมพ์หูติ่ง พิมพ์แปดชั้นแขนหักศอก พิมพ์แปดชั้นแขนกลม พิมพ์สามชั้นหูบายศรี พิมพ์ลีลา พิมพ์ปิดตา พิมพ์พระสังกัจจายน์ ซึ่งมีทั้งแบบข้างเม็ดและพิมพ์ห้าเหลี่ยม พิมพ์ไสยาสน์ และพิมพ์ห้าเหลี่ยม เป็นต้น พระสมเด็จหลวงปู่ภู ที่สร้างในยุคต้นๆ นั้นเนื้อหาจะดูจัดหนึกนุ่มคล้ายเนื้อพระสมเด็จของวัดระฆังฯ มาก และส่วนมากจะมีความหนาเป็นพิเศษ ในปีต่อๆ มาท่านก็ได้สร้างพระไปเรื่อยๆ จวบจนท่านมรณภาพ พระสมเด็จของหลวงปู่ภูที่มีความนิยมมากๆ และมีสนนราคาสูงก็คือพระสมเด็จพิมพ์แซยิดแขนหักศอกและพิมพ์แซยิดแขนกลม ซึ่งสนนราคาพระสวยๆ สมบูรณ์อยู่ที่หลักแสน พระพิมพ์อื่นๆ ก็นิยมรองลงมา เช่น พิมพ์แปดชั้นแขนหักศอก และพิมพ์แปดชั้น แขนกลม สนนราคาก็อยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ ถึงแสน ส่วนพระพิมพ์อื่นๆ ก็นิยมเช่นกันแต่สนนราคาจะย่อมเยาว์กว่า แต่ก็อยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ จนถึงหมื่นปลายๆ พระสมเด็จของหลวงปู่ภูเป็นพระที่น่าบูชาอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันก็หายากพอสมควรครับ โดยเฉพาะพิมพ์แซยิด ทั้งพิมพ์แขนหักศอกและพิมพ์แขนกลม วิชากสิณ ที่ "หลวงปู่ภู จันท สโร" ได้ศึกษานั้นหมายถึง อารมณ์ที่กำหนดธาตุทั้ง 4 มี ปฐวี อาโป เตโช วาโย อันมีวรรณะ 4 คือ นีล ปีต โลหิต โอทาต อากาศแสงสว่าง ก็คือ อาโลกากสิณ การบำเพ็ญปฏิบัติของท่านจะเริ่มขึ้นหลังจากฉันจังหันแล้วคือ เวลา 7 โมงเช้า โดยตลอดชีวิตจะฉันเพียงมื้อเดียว (ถือเอกา) ผลไม้ที่ขาดไม่ได้คือ กล้วยน้ำว้า ท่านบอกว่าเป็นโสมเมืองไทย ทุกวันท่านจะต้องออกบิณฑบาต ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น เพราะเจ้าฟ้าสมเด็จกรมพระนครสวรรค์พินิจ ได้จัดอาหารมาถวายทุกวัน เมื่อฉันเช้าแล้ว จะครองผ้าลงโบสถ์และลั่นดาลประตู ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน จากนั้นจะเจริญพระพุทธมนต์ถึง 14 ผูก วันละ 7 เที่ยวแล้วจึงนั่งวิปัสสนากรรมฐานต่อไปจนถึงเที่ยงทุกๆ วัน ถึงแม้ตอนชราภาพ ก็มิได้ขาดจากการลงทำวัตร เว้นแต่อาการหนักจนลุกไม่ไหว ก็จะเจริญวิปัสสนาโดยการนอนภาวนา เรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารของท่านมีเล่าขานไว้มากมายหลายเรื่อง อาทิ สามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคต, ใบ้หวยแม่น, ชุบชีวิตคนที่ตายแล้ว, ปราบผีเปรต, กำหนดวันมรณภาพได้, หายตัวเข้าโบสถ์ กล่าวกันว่าท่านสร้างพระเครื่องตอนมาอยู่วัดอินทรวิหาร โดยจัดสร้างหลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ และหลวงปู่ใหญ่ได้มรณภาพแล้วเนื่องจากมีความสำนึกในจิตใจว่าจะไม่ทำอะไรแข่งกับครูบาอาจารย์ บรรดาพระเครื่องและเครื่องรางที่ท่านสร้างขึ้นล้วนมีคุณวิเศษมากมาย ได้มีผู้ใช้ติดตัวเคยได้รับอุบัติเหตุ มีประสบการณ์จนเป็นที่ยอม รับในพุทธคุณรอบด้าน ไม่ว่าจะแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม พุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยพุทธคุณจึงแรงมากๆๆๆ และมีประสบการณ์สูงมาก จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญเติบโตก้าวหน้า หรือ ผู้ที่มีใจใฝ่ทางด้านการเสี่ยงโชคลาภทุกชนิด ควรมีไว้บูชาพกพาติดตัวไว้เป็นอย่างเนืองนิจ ทั้งผู้ที่นิยม และศรัทธา รวมไปถึงผู้นำ นักการปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือ นักบริหารทุกระดับชั้น ข้าราชการทุกตำแหน่ง ทุกประเภทไม่ว่าชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย นายทหารทุกเหล่าทัพ (โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติภารกิจอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) ตำรวจ ครูบาอาจารย์ นักพูด นักขาย (ที่ต้องหายอดลูกค้า) นักเจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง ผู้ที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นทุกประเภท นักกีฬาทุกประเภท นักทำมาหากินทุกประเภท มนุษย์เงินเดือน ผู้ที่ต้องแข่งขันกับผู้อื่น ไม่ว่าทั้งโดยตรง หรือโดยอ้อม พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง พุทธคุณแรงเกินราคา คุ้มค่ามากๆๆๆ กับความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน การมีชื่อเสียง ตำแหน่งที่สูงขึ้น การมีโชคลาภขั้นสูง มหาเสน่ห์ มหานิยมที่รุนแรง การชนะเหนือคู่แข่งขันทั้งหลาย ฯลฯ เป็นต้น |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments