พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549-ชลกร - webpra

หมวด พระเกจิภาคอีสานเหนือ

พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549

พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549 - 1พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549 - 2พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549 - 3พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549 - 5
ชื่อร้านค้า ชลกร - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระกริ่ง รุ่นสไบทิพย์ หลวงพ่อพระใส ปี2549
อายุพระเครื่อง 16 ปี
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานเหนือ
ราคาเช่า 500 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 0871233872
อีเมล์ติดต่อ bkk_un@windowslive.com
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 16 มิ.ย. 2558 - 21:12.19
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 31 ต.ค. 2559 - 15:02.54
รายละเอียด
พระกริ่งหลวงพ่อพระใส รุ่นสไบทิพย์ ปี49 วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย
หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณ์งดงามมาก ขนาดหน้าตัก กว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สวนสูงจากพระสงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ของช่างไม้

ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง) เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มากและเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของชาวอีสานมาช้านาน ความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อพระใส เชื่อกันว่าผู้ใดมีวัตถุมงคลของท่านไว้สักการบูชา จะแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งปวง และมีโชคลาภนานาประการ

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างหลวงพ่อพระใส “รุ่นสไบทิพย์” เพื่อหาปัจจัยก่อสร้างอาคารพลับพลาเพื่อประดิษฐานองค์ หลวงพ่อพระใส และถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดโพธิ์ชัย

พิธีพุทธาภิเษก วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม ณ พระอุโบสถหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง)

เวลา 11.00 น. ถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุและสามเณร
เวลา 12.09 น. ประกอบพิธีบวชชีพราหมณ์
เวลา 13.09 น. เริ่มพิธีพราหมณ์ บวงสรวงเทพเจ้า เทพยดา ฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสรรพดวงวิญญาณ
เวลา 15.19 น. พระครูสังวรสมณกิจ (หลวงปู่ทิม วัดพระขาว) จ.พระนครศรีอยุธยา ประธานจุดเทียนชัย
พลโทสุเจตน์ วัตนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 จุดเทียนน้ำมนต์

ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยพระอาจารย์ชื่อดัง นั่งปรกปลุกเสก อาทิ

หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา
พระอาจารย์เชิดศักดิ์ วัดดงแขม จ.หนองคาย
พระอาจารย์หนูอินทร์ วัดพุทธคยา จ.กาฬสินธุ์
พระอาจารย์ไพรินทร์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ฯลฯ

ประวัติ
การสร้างซึ่งเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ลงความเห็นไว้ในหนังสือตำนานพุทธเจดีย์สยามหน้า 102 กว่า ว่า พระพุทธรูปล้านช้างที่งามยิ่งกว่าองค์อื่นๆ ตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระธิดาสามพี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง (บางท่านเชื่อว่า เป็นธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช) ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น 3 องค์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แล้วขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามว่า พระสุก พระเสริม และพระใส มีขนาดลดกันตามลำดับ พระสุกนั้นเป็นพระประจำพี่ผู้ใหญ่ พระเสริมประจำคนกลาง ส่วนพระใสประจำคนสุดท้อง

ตามประวัติการสร้างเล่าว่า มีพิธีการทางบ้านและทางวัดช่วยกันใหญ่โต มีคนสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นำเป็นเวลา 7 วันแล้วทองก็ยังไม่ละลาย ถึงวันที่ 8 เวลาเพล เหลือหลวงตากับสามเณรน้อยรูปหนึ่งสูบเตาอยู่ได้ปรากฏชีปะขาว ตนหนึ่งมาขอช่วยทำ หลวงตากับเณรน้อยจึงไปฉันเพล ญาติโยมที่มาส่งเพลจะลงไปช่วยแต่มองไปเห็นชีปะขาวจำนวนมากช่วยกันสูบเตาอยู่ แต่เมื่อถามพระ พระมองลงไปก็เห็นเป็นชีปะขาวตนเดียว พอฉันเพลเสร็จคนทั้งหมดจึงลงมาดู ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง เหตุเพราะได้เห็นทองทั้งหมดถูกเทลงในเบ้าทั้ง 3 เบ้า แล้ว และไม่เห็นชีปะขาวแล้ว

หลังสร้างเสร็จพระสุก พระเสริม และพระใส ได้ประดิษฐานไว้ ณ เมืองหลวงอาณาจักรล้านช้างมาช้านาน คราใดที่เกิดสงครามบ้านเมืองไม่สงบสุข ชาวเมืองก็จะนำพระพุทธรูปทั้งสามไปซ่อนไว้ที่ภูเขาควาย หากเหตุการสงบแล้วจึงนำกลับมาไว้ดังเดิม ส่วนหลักฐานที่ว่าประดิษฐานอยู่ ณ เมืองเวียงจันทร์ตั้งแต่เมื่อใดนั้นยังไม่มีปรากฏแน่ชัด ทราบเพียงว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เกิดกบฎเจ้าอนุวงศ์ขึ้นที่เมืองเวียงจันทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ทำลายเมืองเวียงจันทร์เสียสิ้น จึงให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ได้เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ เมื่อเมืองเวียงจันทร์สงบแล้ว จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใสมาที่จังหวัดหนองคาย

มีคำบอกเล่าว่า คราที่อัญเชิญมานั้น ไม่ได้อัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทร์โดยตรงแต่อัญเชิญมาจากภูเขาควาย ซึ่งชาวเมืองนำไปซ่อนไว้ การอัญเชิญนั้นได้ประดิษฐานหลวงพ่อทั้งสามไว้บนแพไม้ไผ่ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงเวินแท่นได้เกิดอัศจรรย์ คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุแรงจัดพัดแพจนเอียงชะเนาะที่ขันพระแท่นติดกับแพไม่สามารถที่จะทนน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ บริเวณนั้นจึงชื่อว่า “เวินแท่น” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ครั้นล่องแพต่อมาจนถึงแม่น้ำโขง ตรงปากงึม เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้บังเกิดฝนฟ้าคะนอง พระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ ท้องฟ้าที่วิปริตต่างๆ จึงหายไป บริเวณนั้นจึงได้ชื่อ “เวินสุก”

ตั้งแต่นั้นมา ด้วยเหตุข้างต้น การอัญเชิญครั้งนี้จึงเหลือแต่พระเสริม และพระใสมาถึงหนองคาย สำหรับพระเสริมนั้นได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้ อัญเชิญไปไว้ยังหอก่อง หรือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ณ ปัจจุบัน

ต่อมาในสมัยที่รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย ลงไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พระมาถึงวัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย อำเภอ เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน

เมื่อองค์หลวงพ่อพระใสมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัยแล้ว อาศัยที่ได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์หลายประการ จึงเป็นที่ศรัทธาเคารพนับถือและสักการะบูชาของประชาชนที่มีแต่หลวงพ่อพระใสที่ให้ความสำเร็จความร่มเย็นเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ความอัศจรรย์ขององค์หลวงพ่อพระใสจนได้สมญานามว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก”

แม้ตราบเท่าทุกวันนี้ พระบารมีที่คุ้มครองและพระเมตตาธรรมขององค์หลวงพ่อพระใส ยังคงแผ่ปกป้องคุ้มครอง ขจัดปัดเป่าภัยพิบัติให้แก่ผู้หวังพึ่งบารมีอย่างไม่เสื่อมคลาย เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง ยิ่งอัศจรรย์ อีกทั้งยังทำให้วัดโพธิ์ชัยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้พุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศและพี่น้องชาวต่างชาติได้มาสักการะบูชาหลวงพ่อพระใสอย่างไม่ขาดสาย

พุทธคุณโด่ดเด่นในเรื่อง ปกป้อง คุ้มครอง เมตตา แคล้วคลาดปลอดภัย เจริญไปด้วยโภคทรัพย์ นำสิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นมงคลมาให้ในชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ใจ คิดสมความปรารถนา

พระกริ่งหลวงพ่อพระใส รุ่นสไบทิพย์ ปี49 วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top