พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย-dd-team2005 part II - webpra
VIP
ซื่อตรง จริงใจ ไม่หลอกลวง ครับ ผมมีความเชื่อว่า...พระทุกองค์มีเจ้าของครับ...
พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย - 1พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย - 2พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย - 3พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย - 4
ชื่อร้านค้า dd-team2005 part II - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระนาคปรกเนื้อเงิน หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย
อายุพระเครื่อง -
หมวดพระ หลวงปู่ชอบ วัดป่าสัมมานุสรณ์ - หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง – หลวงพ่อท่อน วัดศรีอภัยวัน - หลวงพ่อขันตี วัดป่าม่วงไข่
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ d.d.team2005@hotmail.co.th
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ เช่าแล้ว
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 26 ก.ค. 2554 - 09:35.00
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 09 มี.ค. 2556 - 16:45.42
รายละเอียด
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ

วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง)
ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย


๏ ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย

“พระธรรมวราลังการ” หรือ หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ มีนามเดิมว่า ศรีจันทร์ จันทิหล้า เกิดเมื่อวันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2447 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง ณ บ้านฟากเลย ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย บิดาของท่านชื่อ อมาตย์ เพี้ยฤทธิ์ (ลี จันทิหล้า) มารดาของท่านชื่อ นางตุ๊ จันทิหล้า ท่านหลวงปู่ศรีจันทร์เป็นบุตรคนที่ 12 ของตระกูลจันทิหล้า ซึ่งเป็นครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์มาก มีฐานะความเป็นอยู่ดี มีญาติพี่น้องมิตรสหายมากมาย เพราะบิดาของท่านหลวงปู่เป็นเพี้ย ซึ่งเป็นชื่อตำแหน่งของข้าราชการในภาคอีสาน

นับได้ว่าหลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ เป็นบุตรของข้าราชการไทยในยุคหนึ่งนั่นเอง และท่านได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติในฐานะที่ท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งอย่างสมเกียรติ

หลวงปู่ศรีจันทร์ สมัยเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ ท่านได้รับความรักความอบอุ่นจากบิดาและมารดาตลอดจนญาติพี่น้องทั้งหลาย พออายุได้เกณฑ์เข้าโรงเรียน บิดาของท่านได้นำไปฝากเพื่อศึกษาเล่าเรียน ณ โรงเรียนประจำอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

ในชีวิตปฐมวัย ท่านสามารถศึกษาเล่าเรียนได้ในเกณฑ์ดีพอใช้ กิริยามารยาทของท่านนั้นตามปกติแล้ว เป็นเด็กที่เชื่อฟังบิดามารดาและญาติพี่น้องเสมอ เมื่อมาได้อยู่โรงเรียน จึงเป็นที่รักใคร่จากครูบาอาจารย์มาก ท่านเป็นคนเงียบ พูดน้อย มีสติปัญญาดีมาแต่เด็ก จิตใจของท่านนั้นมีความเมตตาปรานี อ่อนโยน เยือกเย็น มีความสงสารสัตว์ไม่ชอบการเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ท่านมีความเข้าใจว่า ทุกชีวิตที่เกิดมา ย่อมมีความรักตัวกลัวตาย กลัวเจ็บ กลัวไข้ด้วยกันหมดทั้งสิ้น

ดังนั้น การเบียดเบียนกันจึงเป็นเหตุให้ผู้ถูกเบียดเบียนเกิดทุกขเวทนา มีเวรกรรมต่อกันหาที่สิ้นสุดลงไม่ได้ ส่วนผู้เบียดเบียนผู้อื่น ก็ไม่มีความสุข เกิดทุกข์ มีบาปกรรม อีกทั้งยังส่งผลให้ได้รับทุกขเวทนาเช่นกัน ฉะนั้นความคิดเช่นนี้ ท่านจึงพึงระวังไม่ให้เกิดบาปกรรม และระวังมาตั้งแต่สมัยเด็กจนกระทั่งได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท

การศึกษาของท่านสามารถเรียนจบชั้นประถมบริบูรณ์ (ชั้น ป.3) ในสมัยนั้น

๏ ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา....

ในกาลต่อมา หลวงปู่ศรีจันทร์ได้รับความคิดเห็นจากบิดามารดาของท่าน ให้ศึกษาเพิ่มเติมวิชาความรู้ยิ่งขึ้น เพื่อจะได้นำความรู้นั้นๆ มาประกอบกิจชีวิตอันดีงาม การศึกษาในสมัยนั้นยังไม่กว้างขวางอย่างเช่นปัจจุบัน ถ้าบุคคลใดมีความประสงค์ที่จะก้าวหน้าต่อไป ก็จำเป็นอยู่ที่จะต้องศึกษาในแหล่งนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งก็เป็นวัดวาอารามนั่นเองที่เป็นแหล่งให้การศึกษาอบรมแก่กุลบุตรผู้หวังความเจริญรุ่งเรือง

ในปี พ.ศ. 2461 ท่านได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีชมชื่น ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2461 โดยได้รับความเมตตาจากพระครูหวาด เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะนั้นท่านมีอายุได้ 15 ปีเต็ม เนื่องจากได้บวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านมีจิตใจรักในทางศึกษามากอยู่แล้ว ท่านจึงเข้าศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรม

การศึกษาพระวินัยนั้น ท่านมีความสนใจมากในการศึกษาด้านการปกครองหมู่คณะ ท่านจึงได้ออกเดินทางมาอยู่จำพรรษาที่กรุงเทพฯ และได้พำนักที่วัดสัมพันธวงศ์

ภายหลังท่านได้รับความเมตตาอันสูงสุดให้ได้แปรญัตติเป็นสามเณรฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2462 โดยได้รับพระเมตตาจาก พระเดชพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และ พระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลวงปู่ศรีจันทร์ (ในสมัยเป็นสามเณร) ท่านได้มานะพยายามเป็นยิ่งยวด ศึกษาธรรมวินัยอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะท่านได้รับความเอ็นดูจากพระอุปัชฌาย์จารย์และครูบาอาจารย์ผู้ฝึกสอนจนมีความรู้ความเข้าใจขึ้นอีกมากมาย และยังเป็นที่ไว้วางใจจากครูบาอาจารย์เป็นพิเศษ

สมัยที่เป็นสามเณรศรีจันทร์ จันทิหล้า นั้น ท่านได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่ในหมู่ของนักบวชนั้นท่านเป็นบุคคลที่รักความสงบ มีความเมตตาปรานี กิริยาวาจาเรียบร้อย รู้จักบาป-บุญ-คุณ-โทษ รู้จักเคารพนอบน้อมผู้ใหญ่กว่า และยังเป็นบุคคลที่เกิดมาในสกุล “เพี้ย” คนหนึ่งจริยาขันธนิสัยจึงได้รับการอบรมมาจากบิดามารดาและญาติพี่น้องของท่านมาก่อน จึงเป็นเหตุให้ท่านเรียบร้อยนอบน้อม กายวาจาที่แสดงออกมาเป็นที่พึงจิตพึงใจแก่ผู้พบเห็นและผู้ที่อยู่ใกล้ชิด

เมื่อได้บรรพชาเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนา และได้มาอยู่จำพรรษาใกล้ชิดกับครูบาอาจารย์ที่เป็นมหาราชบัณฑิตและท่านนักปราชญ์ทั้งหลายในกรุงเทพฯ ตลอดจนถึงความเจริญก้าวหน้ามีเหตุมีผลได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทางประกาศสอนสั่งไว้แล้ว ท่านยังได้มาอยู่ใกล้ชิดรับใชัพระอุปัชฌาย์ คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) และยังมีพระเดชพระคุณเจ้าอีกหลายพระองค์ ที่ประกอบด้วยสติปัญญาอันแหลมคมรอบรู้ในพระธรรมวินัย
ท่านจึงได้นอบน้อมจดจำมาเป็นเยี่ยงอย่างใส่จิตใส่เกล้าของท่านมาตลอด ความที่หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ หรือวณฺณาโภภิกขุ ขณะศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ สำนักวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ในสมัยนั้น ท่านได้พยายามศึกษาวิชาครูผู้จะดำเนินตามครูบาอาจารย์ไว้ ดังบทความที่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) นิพนธ์ไว้ ณ วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ ดังนี้

ครู “อันธรรมดาว่าผู้เป็นครู เมื่อจะทำการสอนควรบำเพ็ญพรหมวิหารธรรมให้มีก่อนแล้วจึงจะสอนภายหลัง” พรหมวิหาร 4 อย่างก็คือ

1. เมตตา คุณข้อนี้ได้แก่ ตั้งใจส่งความรักใคร่ไปให้แก่ผู้อื่น ถอนความเกลียดชังแก่ผู้อื่น
2. กรุณา คุณข้อนี้ได้แก่ ตั้งใจช่วยขจัดทุกข์ไปจากผู้อื่น
3. มุทิตา คุณข้อนี้ได้แก่ ตั้งใจยินดีต่อผู้อื่น ในเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดิบได้ดี ถอนความริษยาลาภผลจากผู้อื่น
4. อุเบกขา คุณข้อนี้ได้แก่ ตั้งใจวางเฉยในเหตุการณ์ทั้งมวล แต่มิใช่เฉยอย่างปราศจากสติ คือ เฉยในเมื่อได้วิจารณ์เห็นว่าหมดอำนาจเมตตา กรุณา และมุทิตาที่ได้แผ่ไปแล้ว จึงวางเฉย

คุณทั้ง 4 ประการนี้ เมื่อผู้เป็นครูบำเพ็ญให้เกิดมี ย่อมเป็นที่ตั้งแห่งความรักเคารพนับถือของผู้ฟัง และเป็นผู้ฉลาดในเชิงปราชญ์ ท่านมีความสังเกตจากครูบาอาจารย์ หมั่นศึกษาหาความรู้ใส่จิตใจของท่านไว้เป็นอันมากและวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระเบียบวินัย แผนศึกษาอบรม การปกครองหมู่คณะ ความรู้เหล่านี้หลวงปู่ศรีจันทร์ ได้มาปรับปรุงหมู่คณะที่ท่านรับผิดชอบนำความสงบสุขเจริญรุ่งเรือง ในที่สุดขณะที่ท่านเป็นสามเณรท่านสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีและนักธรรมโทที่สนามหลวงได้ซึ่งเป็นปี พ.ศ. 2466

ต่อมาท่านได้อุปสมบทต่อโดยได้รับความเมตตาธรรมเป็นครั้งที่สองจากสมเด็จพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่าน โดยได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2467

ภายหลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เจริญข้อวัตรพระธรรมวินัย ตามแบบฉบับท่านผู้รู้ทั้งหลาย อันเป็นเกียรติประวัติแก่ท่านในกาลต่อมาแล้ว หลวงปู่ศรีจันทร์ ท่านได้มีความพยายามที่จะศึกษาหาความรู้แก่ตนเองได้มากขึ้น ในพรรษาปี พ.ศ. 2467 หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ ท่านได้พยายามศึกษาพระธรรมวินัยอย่างยิ่งยวดไม่ปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ท่านได้ใช้เวลาส่วนมากทุ่มเทให้แก่การศึกษา ท่านพยายามสนองพระเดชพระคุณของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ที่พระเดชพระคุณเมตตาพึงหวังในตัวของท่านไว้ ความพยายามที่เกิดจากกำลังใจที่ครูบาอาจารย์คอยส่งเสริมท่านนี้ เป็นผลสำเร็จอย่างง่ายดายในปีเดียวกันคือ หลวงปู่ศรีจันทร์ สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกในสนามหลวงได้เมื่อ พ.ศ. 2467 นั่นเอง

หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ สมัยอยู่จำพรรษาที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ แม้ว่าท่านจะมีการศึกษาทางด้านพระปริยัติธรรม แต่ส่วนลึกของจิตใจท่านในยามนั้น หลวงปู่มีความสนใจประพฤติปฏิบัติสมาธิภาวนาธรรมมาก และท่านได้เริ่มต้นปฏิบัติทางด้านพระกรรมฐานที่วัดสัมพันธวงศ์อีกด้วย สามารถกระทำควบคู่กันไปอย่างได้ผล และมีความชำนาญในสมาธิภาวนามาก

ท่านได้ถือข้อวัตรไว้อย่างเคร่งครัด เช่น ฉันในบาตร ฉันหนเดียว รักษาความสันโดษ ไม่ชอบคลุกคลีกับหมู่คณะ ถ้าแม้ยามใดว่างจากภารกิจอื่นแล้ว ท่านจะเข้าที่บำเพ็ญเพียรภาวนาทันที ดังนั้นก่อนที่จะหันเข้าไปอบรมอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต นั้น หลวงปู่ศรีจันทร์พอมีความเข้าใจในการปฏิบัติมาบ้างแล้วในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามหลวงปู่ศรีจันทร์ได้ศึกษามาเป็นตัวหนังสือในข้อธุดงควัตร ขณะที่ศึกษาปริยัติธรรม แต่ท่านถือหลักที่ว่ามีความเชื่อธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่ศรีจันทร์ จึงพิสูจน์และมีความรู้จริงดังการที่ได้พิสูจน์มาแล้วนั้น หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ สมัยเป็นพระมหาได้เทียบด้วยสติปัญญาแล้วว่า “เป็นสถานที่ที่ควรตั้งมหาวิทยาลัย และเป็นวิชาที่ควรบรรจุเข้าในหลักสูตรมหาวิทยาลัยทางโลก”

๏ ปัจฉิมบท.......

ครั้งยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ หลวงปู่ศรีจันทร์ มักรอต้อนรับให้คำชี้แนะแก่นักปฏิบัติธรรม ที่เดินทางมาเพื่อค้นคว้าหาทางพ้นทุกข์ตามกำลังสติปัญญาที่ท่านพึงแนะนำได้อยู่เป็นนิจ ท่านยินดีเป็นอันมากที่บรรดาพุทธบริษัทให้ความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน

หลวงปู่มักกล่าวสอนอยู่เสมอว่า

“การปฏิบัติพระกรรมฐานนี้ มีทางออกที่ดี เพราะสามารถยกระดับจิตความคิดทางใจให้พ้นออกจากกองทุกข์ ที่เต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน อย่างสิ้นเชิง”

หลวงปู่ศรีจันทร์ วณฺณาโภ ท่านสมแล้วที่เป็นเนื้อนาบุญของพวกเรา ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งไปกว่า

หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ ท่านได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2544 แม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่พุทธศาสนิกชนยังให้ความเคารพนับถือมาก ดังนั้น วัดศรีสุทธาวาส และคณะศิษยานุศิษย์ ได้มีการจัดงานครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่ศรีจันทร์ประจำทุกปี

***************************

พระนาคปรกเนื้อเงิน จะตอกโค๊ดครับ เป็นทองแดงนิเกิ้ลจะไม่ตอกโค๊ดครับ

สภาพสวยเดิม


B408

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top