เหรียญหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปี 2540-อัปสรา อมิวเลท - webpra
VIP
  • พระฯแท้ในราคาไม่แรง
    ขายตามราคาที่ลงไว้ ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ราคาที่รับได้
    ผ่านเลยครับท่าน จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
  • ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือนครับ
    *** พระฯมาใหม่จะลงไว้ช่วงหน้าต้นๆ
    *** ค้นหาพระฯเฉพาะ เข้าดูตามหมวดหรือพิมพ์ชื่อที่ช่องค้นหา
  • Page 1
  • Page 2
ซื่อตรง คุณภาพ รับประกัน
เหรียญหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปี 2540 - 1เหรียญหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปี 2540 - 2เหรียญหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปี 2540 - 3
ชื่อร้านค้า อัปสรา อมิวเลท - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ปี 2540
อายุพระเครื่อง 27 ปี
หมวดพระ วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ยศเส - วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน - พระอาจารย์วิริยังค์ วัดธรรมมงคล
ราคาเช่า 300 บาท
เบอร์โทรติดต่อ 0897673123
อีเมล์ติดต่อ tociii2003@yahoo.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พร้อมเช่า
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อา. - 06 มี.ค. 2565 - 22:32.51
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ จ. - 07 มี.ค. 2565 - 13:01.29
รายละเอียด
+ ขนาดกว้าง 2.3 ซ.ม. สูง 3.5 ซ.ม., กะไหล่ทองเดิม มีคราบดินปลวก
+ ขายตามราคาที่ลงไว้ กรุณาไม่ต้องลองต่อรองราคามา ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ราคาที่จะซื้อก็ขอให้ผ่านครับท่าน จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
+ สภาพตามรูปที่ลงไว้ ไม่ถ่ายรูปเพิ่ม
ไม่ถ่ายพระกับบัตร ปชช./บช.ธนาคาร (มีพระฯจำนวนมากรื้อค้นลำบาก)
+ ทุกรายการพร้อมส่ง ปณ.ลงทะเบียน,
รายการที่ราคาถึง 500 บาท ส่งด่วน EMS
+++ การติดต่อ +++
LINE id : apsara888 (ไม่รับเชคพระ-ขออภัยด้วย)
facebook : พระเครื่องร้านอัปสรา อมิวเลท
โทร. : 089-7673123
(10.10.64.2)

++ ประวัติของหลวงพ่อวิริยังค์คัดย่อมาจาก th.wikipedia.org
ขออนุญาตเผยแพร่และขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
“ + ชาติกำเนิด
พระธรรมมงคลญาณ เดิมชื่อ วิริยังค์ บุญฑีย์กุล เป็นบุตรขุนเพ็ญภาษชนารมย์ กับนางมั่น บุญฑีย์กุล (อุบาสิกามั่น ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2520) เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2463 ปีวอก แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ณ สถานีรถไฟปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ต่อมาย้ายมาตั้งหลักฐานที่บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
+ ปฐมวัย-ก่อนบวช
วันหนึ่งขณะที่ท่าน มีอายุประมาณ 13 ปี เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ชวนให้ไปวัดเป็นเพื่อน ขณะที่รอเพื่อนไป ต่อมนต์(ท่องบทสวดมนต์) กับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ท่านก็รออยู่ด้วยความเบื่อหน่ายเพราะไปตั้งแต่ 2 ทุ่มกลับเที่ยงคืน จะกลับบ้านเองก็ไม่ได้ เพราะเส้นทางเปลี่ยวและกลัวผี ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่มาอีกแล้ว ๆ ๆ " ไม่ช้าก็เกิดความสงบขึ้น ตัวหายไปเลย เบาไปหมด เห็นตัวเอง มี 2 ร่าง ร่างหนึ่งเดินลงศาลาไปยืนอยู่ที่ลานวัด มีลมชนิดหนึ่ง พัดหวิวเข้าสู่ใจ รู้สึกเย็นสบายเป็นสุขอย่างยิ่ง ถึงกับอุทานออกมาเองว่า "คุณของพระพุทธศาสนา มีถึงเพียงนี้เทียวหรือ" แล้วเดินกลับไปที่ร่าง กลับเข้าตัว พอดีเป็นเวลาเลิกต่อมนต์ จึงเล่าให้กับ พระอาจารย์กงมาฟัง พระอาจารย์ก็ว่า "เด็กนี่ เรายังไม่ได้สอนสมาธิให้เลยทำไม จึงเกิดเร็วนัก " ตั้งแต่นั้นมาก็จึงเรียนรู้เกี่ยวกับการทำสมาธิ
ต่อมาวันหนึ่งท่าน ทำงานหนักเกินตัวจึงล้มป่วยเป็นอัมพาต บิดาพยามหาหมอมารักษา แต่ก็รักษาไม่ได้ แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่า หมดหวังในการรักษา ท่านได้แต่นอนอธิษฐานอยู่ในใจว่า " ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หาย จากอัมพาตได้ จะอุทิศตน เพื่อพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น " ไม่นานก็ปรากฏว่ามีชีปะขาวตนหนึ่ง มาถามบิดาของท่านว่า "จะรักษาลูกให้เอาไหม" บิดาก็บอกว่า "เอา" ชีปะขาวก็เดินมาหาท่านซึ่งนอนอยู่ พร้อมทั้งกระซิบถามว่า อธิษฐานดังนั้นจริงไหม ท่านก็ตอบว่าจริง จึงให้พูดให้ได้ยินดัง ๆ หน่อย ท่านก็พูดให้ฟัง ชีปะขาวก็เอาไพรมา เคี้ยว ๆ แล้วก็ พ่นใส่ตัวของท่าน แล้วก็จากไป เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าท่านรู้สึกว่าจะ กระดิกตัวได้ ทดลองลุก ขึ้นเดินก็ทำได้เป็นที่อัศจรรย์ใจ 7 โมงเช้า ปรากฏว่าชีปะขาว มายืนหลับตาบิณฑบาตอยู่ ที่ประตูบ้าน ท่านจึงนำอาหารจะไปใส่บาตร ชีปะขาว กลับขอให้ท่านพูดถึงคำ อธิษฐานของท่านให้ฟัง เมื่อพูดแล้ว จึงยอมรับบาตร แล้วบอกให้ท่านไปหาที่ ใต้ต้นมะขาม วัดสว่างอารมณ์ เมื่อไปถึงชีปะขาวก็ให้พูดคำอธิษฐาน ให้ฟังอีก แล้วก็พาเดินไปหลังวัด คว้าเอา มีดอันหนึ่งออกไปตัดหางควาย มาชูให้ดู แล้วก็ต่อหางคืนไปใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับถาม ว่า "ลุงเก่งไหม" ท่านก็ตอบว่า "เก่ง" ลุงจะสอนคาถาให้ แต่ต้องท่องทุกวัน เป็นเวลา 10 ปีจึงใช้ได้ ท่านก็ได้เรียนคาถานั้น แล้วก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้ เตรียมใส่บาตร วันรุ่งขึ้นปรากฏว่า ไม่พบ ตาชีปะขาวแล้ว ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่เคยพบกับตาชีปะขาวอีกเลย
+ บรรพชา
เมื่ออายุประมาณ 15 ปี พ.ศ. 2477 ก็ได้บวชเป็นผ้าขาว บรรพชาเมื่อ 22 พฤษภาคม 2477 ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยพระธรรมฐิติญาณ (สังข์ทอง นาควโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาได้ 10 วัน ก็ตามพระอาจารย์กงมาออกธุดงค์ ตามป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาที่วิเวก เมื่อพบที่สงบ ก็จะหยุดอยู่ทำความเพียร แม้บางครั้งอดอาหารกันอยู่หลายวัน บางครั้งเจอสัตว์ร้าย เจออันตราย หรือหนทางอันยาวไกล เช่นในบางวันเดินธุดงค์ข้ามเขาเกือบ 50 กิโลเมตร ก็ไม่ย่อท้อ โดยถือคติที่ว่ารักความเพียร รักธรรมะมากกว่าชีวิต ครั้งหนึ่งเมื่อออกจากดงพญาเย็น พบโจรกลุ่ม หนึ่งมีอาวุธครบมือมาล้อมไว้ พระอาจารย์กงมาได้เทศน์ สั่งสอนโจร มีอยู่ตอนหนึ่งเทศน์ว่า " พวกเธอเอ๋ย แม้พวกเธอจะมาหาทรัพย์ ตลอดถึง การผิดศีลของพวกเธอนั้น ก็เพื่อเลี้ยงชีวิตนี้เท่านั้น แต่ชีวิตนี้ก็ไม่ใช่ของ พวกเธอเลย มันจะสิ้นกัน ไม่รู้วันไหน เป็นเช่นนี้ทุกคน ถึงพวกเธอ จะฆ่าไม่ฆ่าเขาก็ตาย เธอก็เหมือนกัน มีความดีเท่านั้นที่ใคร ๆ ฆ่าไม่ตาย อย่างเรานี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่อนาทรร้อนใจ เพราะความดีเราทำมามากแล้ว " ปรากฏว่าพวกโจรวางมีด วางปืนทั้งหมด น้อมตัวลงกราบพระอาจารย์กงมาอย่าง นอบน้อม หัวหน้าโจรมอบตัว เป็นศิษย์ และได้บวชเป็น ตาผ้าขาวถือศีล 8 เดินธุดงค์ไปด้วยกัน จนกระทั่งหมดลมหายใจ ในขณะทำสมาธิ
+ อุปสมบท
ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2484 ท่านมีอายุ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดทรายงาม บ้านหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยพระปัญญาพิศาลเถร (หนู ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทองสุข สุจิตโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อได้เดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์กงมาไปในที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 8 ปี วันหนึ่ง พระอาจารย์กงมาก็พาท่านเดินธุดงค์จากจังหวัดจันทรบุรีไปจังหวัดสกลนคร เพื่อไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับเลือกให้เป็นอุปัฎฐากอยู่ 4 ปี ได้เดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น เรียนธรรมะ อันลึกซึ้ง ได้จดคำสอนของหลวงปู่มั่นบางตอนไว้ (ปกติท่านห้ามผู้ใดจดเด็ดขาด เมื่ออ่านให้ท่านฟังภายหลังท่าน กลับรับรองว่าใช้ได้) ต่อมาท่านได้เผยแพร่คำสอนนี้แก่สาธารณชน ในหนังสือที่ชื่อว่า "มุตโตทัย"
+ การศึกษา
เมื่ออายุ ๑๕ ปี พุทธศักราช ๒๔๗๗ ได้บวชเป็นชีปะขาว การศึกษาเนื่องจากการบวช ตั้งแต่อายุยังน้อย จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หลังจากนั้นบรรพชาแล้วเรียนจบ นักธรรมชั้นตรี นอกจากนั้น เป็นเวลาปฏิบัติกรรมฐาน เดินธุดงค์ตลอดระยะเวลาบรรพชา และอุปสมบท
+ ผลงาน
สร้างวัด 13 แห่งในประเทศไทย
สร้างวัดไทยในประเทศแคนาดา 6 แห่ง
สร้างวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง
สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)ที่จังหวัดนครราชสีมา
สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (โครงการประทีปเด็กไทย) 5000 กว่าแห่งทั่วประเทศ
สร้างโรงพยาบาลจอมทอง
สร้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง
สถาบันประถมศึกษาจอมทอง
สร้างพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย วัดธรรมมงคล
สร้างพระหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดธรรมมงคล
สร้างสถาบันพลังจิตตานุภาพในประเทศไทยและประเทศแคนาดา
สร้างสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์
สร้างโรงเรียนวัดธรรมมงคล (หลวงพ่อวิริยังค์ อุปถัมภ์) กรุงเทพมหานคร
สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร
สร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร
สร้างโรงเรียนอนุบาลธรรมศาลา กรุงเทพมหานคร
+ หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับปริญญาดุษฎีบัณทิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวม 13 ใบ “
+ มรณภาพ
เมื่อวันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์) ได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ คณะแพทย์ผู้ดูแลรักษาได้ให้การรักษาอย่างใกล้ชิดร่วมกับการทำกายภาพบำบัด อาการเริ่มดีขึ้นสลับกับคงที่ตามลำดับมา จนกระทั่งวันเสาร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีอาการทรุดลงและได้มรณภาพด้วยอาการสงบด้วยโรคชรา ในวันอังคาร ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 07.32 น. สิริอายุได้ 100 ปี 11 เดือน 15 วัน 80 พรรษา “

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top