หมวด พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
พระซุ้มนครโกษา รุ่นแรก หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ปี2497 เนื้อผง สมุทรสงคราม


ชื่อร้านค้า | sitandorn - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
---|---|
ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
ชื่อพระเครื่อง | พระซุ้มนครโกษา รุ่นแรก หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ปี2497 เนื้อผง สมุทรสงคราม |
อายุพระเครื่อง | - |
หมวดพระ | พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525 |
ราคาเช่า | - |
เบอร์โทรติดต่อ | 095 - 5871919 |
อีเมล์ติดต่อ | tel.0859365977@gmail.com |
สถานะ |
![]() |
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | พ. - 30 ก.ย. 2558 - 15:48.06 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 30 ก.ย. 2558 - 15:48.26 |
รายละเอียด | |
---|---|
พระซุ้มนครโกษา รุ่นแรก หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ปี2497 เนื้อผง สมุทรสงคราม เป็นพระเครื่องชุดแรกที่หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ สร้างขึ้นเมื่อปี 2497 โดยมีหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านเป็นประธานในพิธีปลุกเสก ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ หลวงปู่หยอดได้จัดการก่อสร้างอาคารเรียนปริยัติธรรม เพื่อให้พระสงฆ์ในวัดแก้วเจริญ และวัดใกล้เคียงได้อาศัยทำการศึกษาพระธรรมวินัย การก่อสร้างในเวลานั้นก็ลำบากมาก ด้วยเรื่องการเงินทุนที่จะนำมาซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง เพราะเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองไม่นาน และชาวบ้านในเขตข้างวัดก็มีความยากจนเป็นส่วนใหญ่ การหาเงินมาทำการก่อสร้าง จึงไม่สะดวก ต่อมาถึงปี พ.ศ.๒๔๙๕ การก่อสร้างตึกเรียนปริยัติธรรมได้สำเร็จลงเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่หยอดจึงคิดดำริห์ขึ้นว่า เราจะทำการสร้างสิ่งถาวรวัตถุอะไรภายในวัดนั้น จะต้องอาศัยญาติโยมผู้มีศรัทธา เป็นกำลังอุปถัมภ์ในการก่อสร้าง ดังนั้นเมื่อญาติโยมได้นำปัจจัยมาถวายในการก่อสร้างแล้ว เราจะมีสิ่งอันใดได้ตอบแทนโยมบ้าง แล้วหลวงปู่หยอดก็คิดจะก่อสร้างอาคารเรียนถาวรของเยาวชนในท้องถิ่นข้างวัดแก้วเจริญอีกด้วย และบัดนี้ตัวเราได้อุปสมบทมานาน จนได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสของวัดแก้วเจริญ ยอมจะต้องมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอันมากต่อปีๆ หนึ่ง เพราะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์แล้ว บรรดาญาติโยมที่จะทำการบวชบุตรชายที่มีศรัทธาต่อเรา จะต้องมาส่งนิสสัยแก่เรา ซึ่งเป็นธรรมเนียมของพระภิกษุ เราจะมีสิ่งใดไว้แจกแก่พระภิกษุซึ่งเป็นศิษย์ของเราเล่า จึงมีความริคิดจะทำการสร้างพระเครื่องเป็นที่ระลึก และเป็นพุทธานุสสติ เมื่อการสร้างพระจะต้องใช้อุปกรณ์ในการสร้าง แช่น ผงที่จะทำองค์พระและตัวแม่พิพม์ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็ระลึกถึงพระเดชพระคุณท่าเจ้าคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (ใจ) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌายาจารย์ของเรา จึงไปหานมัการท่าน เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องการสร้างพระ เพื่อเป็นที่ระลึกนี้ เพราะพระเดชพระคุณอาจารย์เป็นผู้ชำนาญการในเรื่องนี้ ท่านก็เมตตาให้การปรึกษาในการสร้าง โดยให้จัดหาผง และอุปกรณ์แม่พิมพ์ให้พร้อม แล้วนำมาให้ท่าน ท่านจะทำการปลุกเสกผงที่จะลงแม่พิมพ์ทำองค์พระนั้น และยังมอบผงของขลังของท่านมาให้เป็นชนวนอีกด้วย เมื่อหลวงปู่หยอดได้รับมอบผงมงคลบางส่วน จากพระเดชพระคุณหลวงปู่ใจ วัดเสด็จมาแล้ว และในช่วงนี้มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อพระอาจารย์เยี่ยม ได้มาพำนักอยู่ในอาวาสวัดแก้วเจริญนี้ และได้เคยอยู่ในสำนักของวัดระฆังโฆสิตารามมาก่อน ได้ไปขอผงมงคลอันเป็นผงพี่ พระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ได้ทำเอาไว้ มาถวายหลวงปู่หยอด ๑ ขวดหูใหญ่ และพระอาจารย์เยี่ยมนี้ยังมีความชำนาญในการแกะแม่พิมพ์ที่จะทำการพิมพ์พระขึ้นมา คือแกะด้วยหินลับมีดโกนบาง ทำด้วยยางปั๊มฟันของช่างทำฟันบ้าง บางพิมพ์ก็ถอดแบบด้วยตะกั่วบ้าง เพราะท่านมีความสันทัดมาก เมื่อได้แม่พิมพ์เรียบร้อยแล้ว หลวงปู่หยอดจึงมาคิดดำริว่า เราะจะต้องหาผงที่จะผสมทำเป็นองค์พระนี้ให้มาก และเป็ฯผงที่วิเศษจริง ๆ จึงสั่งให้คุณเกษม ดำรงค์บุญ ซึ่งเป็นคนคุ้นเคยกัน และนับถือกันดีกับหลวงปู่หยอด และคุณเกษม ดำรงบุญนี้ ก็เป็นคนกว้างขวางในวงการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศ คุณเกษม ก็รับ ปากจะไปขอร้องให้บรรดาพวกที่ใกล้ชิดกัน ช่วยไปขอผงจากสำนักเกจิอาจารย์ดังๆ ในสมัยนั้นมาถวายหลวงปู่หยอด ได้สมตามความปรารถนา และส่วนพระเครื่องพิมพ์เนื้อดินนั้น ก็ได้กำลังจากพระมหาบุญ ซึ่งพำนักอยู่ในวัดแก้วเจริญนี้ ได้คุ้นเคยกับพระผู้ใหญ่และเพื่อนสหธรรมิตรในสำนักอื่น พอรู้ว่าหลวงพ่อพระครูสุนทรธรรมกิจ จะทำพระเครื่องเพื่อเอาไว้แจกสานุศิษย์และท่านผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จึงสั่งบรรดาพระผู้ใหญ่ และสหธรรมมิตรที่จะไปประเทศอินเดีย ว่าถ้าไปประเทศอินเดียแล้ว ช่วยนำดิน ณ สถานที่สำคัญๆ เช่น สถานที่ประสูติ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงธรรมเทศนา และที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน กลับมาสู่ประเทศไทย เพื่อนำมาถวายหลวงพ่อพระครูสุนทรธรรมกิจ เอามาพอประมาณไม่ต้องมากก็ได้มาตามที่สั่งไปสมปรารถนา แล้วหลวงปู่หยอดก็ยังสั่งบรรดาศิษยานุศิษย์ ที่ไปอยู่ต่างแดนให้ช่วยนำดินในสถานที่เหล่านี้ เช่น จังหวัดพิษณุโลก ข้างวัดนางพญา จังหวัดกำแพงเพชร ดินทุ่งเศรษฐี จังหวัดอยุธยา ข้างวัดพระศรีสรรเพชรวังโบราณ และจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นต้น และพระอาจารย์เยี่ยมยังได้นำเอาหนังสือใบลานที่จานด้วยอักษรขอม มาเผาไฟทำเป็นผงผสมกับผงขาวบ้าง เช่นพระเครื่องที่มีสีดำทุกพิมพ์นั้นแหละ เมื่อหลวงปู่หยอดได้ผงมงคลที่จะพิมพ์พระพอแก่ความต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งแม่พิมพ์จำนวนหลายพิมพ์แล้ว จึงนำผงมงคลบางส่วนใส่ภาชนะเดินทางไปให้บรรดาอาจารย์ที่มีชื่อดัง ๆอยู่ในสมัยนั้น เช่น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ใจ) วัดเสด็จ จังหวัดสมุทรสงคราม หลวงพ่อพระเดชพระคุณพระเทพมงคลมุนี (สด) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามงาม จังหวัดนครปฐม ได้ทำการปลุกเสกให้ก่อนที่จะทำการพิมพ์พระเป็นองค์สำเร็จรูปออกมา การนำผงมงคลไปให้บรรดาอาจาร์ชมังเวทย์ ได้ปลุกเสกก่อนนั้น ในสมัยนั้นการเดินทางก็ไม่สะดวกเหมือนปัจจุบันนี้ แต่หลวงปู้หยอดก็ยังอุสาหะเดินทางไปจนได้ และต้องไปค้างคืนค้างวัน ณ สถานที่นั้น ๆ เพื่อจะได้ศึกษาหาความรู้ในวิชาเวทย์จากบรรดาอาจารย์ดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะพิมพ์เป็นองค์พระได้แล้ว หลวงปู่จึงหาฤกษ์ยามที่จะลงมือกระทำการพิมพ์ ในเรื่องหาฤกษ์ยามนี้หลวงปู่จะถือเป็นหลักสำคัญมาก แม้แต่จะกรทำสิ่งใดที่เป็นก่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัด เพียงแต่ทำการย้ายศาลาน้ำหลังเล็ก ๆ ไปปลูกใหม่ยังต้องดูฤกษ์เช่นกัน เรื่องนี้ประสบมากับผู้เขียนเอง เพราะผู้เขียนเป็นทำการรื้อย้ายจากที่เดิม หลวงปู่ท่านถือว่าสำคัญมาก เมื่อทำแล้วจะมีความสำเร็จ และอยู่เย็นเป็นสุขดีแก่ผู้อาศัย จึงถือปฏิบัติเป็นกิจวัตรตลอดมาจนปัจจุบัน เมื่อได้ฤกษ์ยามตามที่ต้องการแล้ว หลวงปู่จึงผสมผงมงคลวิเศษนั้นเข้าด้วยกันทั้งหมด คลุกเคล้าให้เข้ากันดีแต่ละอย่าง เช่น สีขาวก็ส่วนขาว สีดำก็ส่วนดำ ส่วนดินก็นำลงแช่รวมกันในตุ่มมังกร เมื่อจะใช้ก็นำขึ้นมานวดให้เหนียวแล้วผสมผงมงคลลงไปด้วย พอถึงวันกำหนดหมายก็นำอุปกรณ์ทุกอย่างนั้น ลงสู่อุโบสถเพื่อประกอบพิธีทำการตักผงให้ละเอียด ด้วยสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อตำได้ที่ดีแล้วจึงนำขึ้นมากดพิมพ์ บรรดาพระภิกษุสามเณร และศิษย์วัดที่ว่าง ๆ อยู่ก็ช่วยกันตำผงและกดพิมพ์ ส่วนตัวหลวงปู่ท่านก็กดพิมพ์ด้วยเหมือนกัน ในการทำพระเครื่องเป็นของแจกเป็นที่ระลึกในคราวครั้งนี้ ซึ่งมีปรากฎด้วยกันหลายแม่พิมพ์ ซึ่งผู้เขียนเก็บรวบรวมได้อยู่แล้วในปัจจุบันประมาณ ๓๐ กว่าพิมพ์ และแต่ละพิมพ์ยังแยกออกเป็นพิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก อีกด้วย ส่วนเนื้อขององค์พระนั้นมี ๓ เนื้อด้วยกันคือ ๑. เนื้อผงสีขาว ซึ่งเหมือนกับที่ทำการสร้างกันทั่ว ๆ ไป ๒. เนื้อผงสีดำ ซึ่งผสมผงหนังสือใบลานที่มีอักขระภาษาขอมเผาไฟ พร้อมด้วยผงสีขาวเล้วคลุกรักที่ปิดทองพระด้วย ๓. เนื้อดินเผา ซึ่งใช้ดินจากสถานสำคัญดังที่กล่าวมาแล้ว (เนื้อดินนี้จะมีอยู่ประมาณสัก ๓-๔ พิมพ์เท่านั้น) ส่วนพระแต่ละพิมพ์นั้น จะแยกชื่อพิมพ์ให้ทราบรายละเอียด และภาพพรประกอบแต่ละประเภทในภายหลัง พระชุดนี้ได้ทำการพิมพ์ครั้งแรก ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๖ เพราะผู้เขียนพบหลักฐานเป็นที่เชื่อถือได้อยู่ที่ใต้ฐานขององค์พระ พิมพ์ซุ้มนครโกษาสีดำองค์หนึ่ง มีเลขภาษาไทยซึ่งเป็นลายมือของหลวงปู่หยอดได้เขียนไว้ว่า ๙๖ จึงถือว่าแน่นอนตามนั้น พระเครื่องทำแจกครั้งนี้ แต่ละพิมพ์จะมีจำนวนเท่าใด ไม่เป็นที่ปรากฎแน่นอน เพราะว่าทำการพิมพ์ไป เห็นว่าพอประมาณแล้วก็ให้หยุดพิมพ์ หรือบางพิมพ์เห็นจะเปลืองเนื้อผงมาก ก็สั่งให้งดพิพม์ไป จึงไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ตั้งแต่ลงมือทำการพิมพ์เรื่อยมา เห็นว่าพอสมควรแล้วจึงหยุดพักทำ เห็นว่ามีจำนวนมากก็พอแล้ว พอถึงปี พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งเป็นปีที่พระพุทธศาสนาเวียนมาบรรจบครบยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ ซึ่งเป็นปีที่เป็นสิริมงคลมาก ทางรัฐบาลให้วัดจัดงานฉลองเป็นงานอันยิ่งใหญ่ของประเทศ หลวงปู่หยอดจึงถือเอาปีนี้เป็นปีอุดมฤกษ์มงคลอันยิ่งใหญ่ ที่จะกระทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลอันได้ทำการพิมพ์ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางไปหาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ใจ) วัดเสด็จ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพระอุปัชฌายาจารย์ ผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้กับหลวงปู่หยอด เพื่อปรึกษากำหนดฤกษ์วันพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ทำการพิมพ์ไว้แล้วนั้น เมื่อได้วันอุดมฟกษ์ตามกำหนดแล้ว จึงเดินทางไปยังสำนักวัดราชนัดดาราม กรุงเทพฯ เพื่อมอบหน้าที่พิธีกร ในด้านศาสนพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้แก่พระอาจารย์ไสว สุมโน (เดชคุ้ม) เป็นผู้อำนวยการจัดทำธุระในเรื่อง พิธีการพุทธาภิเษกนั้น เพราะพระอาจารย์ไสว สุมโน ท่านเป็นผู้ชำนาญการในด้านนี้อยู่มา ส่วนหลวงปู่หยอดก็จัดการ นิมนต์พระคณาจารย์ที่มีคุณวุฒิในด้านพระเวทย์ ที่จะนั่งปรกพุทธาภิเษกเป็นที่เรียบร้อย พอได้เวลา บรรดา พระเกจิอาจารย์ก็มาถึงยังวัดแก้วเจริญพร้อมกัน พระคณาจารย์ที่อาราธนามานั่งปรกพุทธาภิเษกครั้งนี้ คือ ๑. พระเดชพระคุณท่นเจ้าพระคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ใจ) วัดเสด็จ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ๒. หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ๓. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ๔. หลวงพ่อแขก วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม ๕. หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด จ.สมุทรสงคราม ๖. หลวงพ่อสุข วัดราษฎร์บูรณะ จ.สมุทรสงคราม ๗. หลวงพ่ออวง วัดบางวันทอง จ.สมุทรสงคราม ๘. พระครูญาณวิลาส (หลวงพ่อแดง) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี และยังมีพระคณาจารย์วัดอื่นอีก เพราะผู้ให้สัมภาษณ์กับผู้เขียนชักจะลืมไปบ้างแล้ว การกระทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลพระเครื่อง เพื่อเป็นของแจกเป็นที่ระลึกของหลวงปู่หยอดในครั้งนี้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ใจ) ท่านเป็นประธานจุดเทียนชัยมงคล แล้วบรรดาพระคณาจารย์ที่อาราธนาที่นั่งปรกพุทธาภิเษกครั้งที่ เริ่มนั่งตั้งแต่ได้เวลาอุดมฤกษ์ คือประมาณทุ่มเศษไปจนถึงเวลาตีห้าของวันรุ่งขึ้น คือนั่งบ้างพักบ้างจนตลอดคืน การทำพิธีในครั้งนี้ ไม่มีพระสงฆ์สี่รูปสวดคาถาพุทธาภิเษกเหมือนปัจจุบันนี้ เมื่อได้เวลาสุดฤกษ์ ใกล้สว่าง หลวงปู่ใจแห่งวัดเสด็จ กระทำการดับเทียนชัยมงคล ส่วนพระคณาจารย์ที่นั่งปรก ทำการประพรมน้ำมนต์พุทธมนต์กับวัตถุมงคลร่วมกันทุกรูป เมื่อเสร็จพิธีก็สว่างพอดีของวันใหม่ หลวงปู่หยอดก็นิมนต์พระคณาจารย์ และพระธุรการทั้งหมดฉันภัตตาหารที่หน้าห้องของท่าน เมื่อพระคณาจารย์ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว บางรูปก็ลาหลวงปู่ เดิมทางกลับสู่วัดของตน เป็นอันพิธีพุทธาภิเษกได้สำเร็จเรียบร้อยด้วยดีในครั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดจากการเขียนบันทึกของ พระครูสมุทรรัตนวัฒน์ (หลวงปู่ปาน อาภสฺสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดแก้วเจริญ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...





อื่นๆ...
กำหลังโหลด Comments