เงียบเหงาเหลือเกินนะครับระยะนี้  ไม่รู้ว่าเป็นที่เศรษฐกิจทำพิษหรือเปล่า  เลยทำให้เซ็งๆไปตามๆกัน  ทั้งนอกเว็บในเว็บก็ไม่ค่อยจะหวือหวาเลย  หรือจะเป็นแค่ผมคนเดียวก็ไม่ทราบ  แถมยังโชคไม่ดีคอมพิวเตอร์คู่ยากก็โดนท่าน รามสูร  เล่นซะพังไปทั้งชุด  SVOA ราคา 2 หมื่นกว่า  ที่เพิ่งหมดประกันไปแหมบๆย่อยยับไปกับตาเลย  ก็เลยฝากเตือนๆ เพื่อนสมาชิกเอาไว้  เวลาฝนตกฟ้าคะนอง หยุดใช้คอมพ์ซะเถอะ  ดึงปลั๊ก  ถอด สายโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อจาก router wifi  ออกด้วย ในกรณีที่เป็นเครื่อง p c   เพราะของผมมันเข้ามาทางสายโทรศัพท์ ครับ  

         มาเข้าเรื่องตามหัวข้อกระทู้กันดีกว่า  ก็พอดี 3-4 วันก่อน  ไปเดินดูตามแผงแถวถนนเจริญกรุง  ในทำนองสำรวจตลาดเผื่อฟลุ๊ก หาของมาประดับกล่องบ้าง  ก็ยังพอมีผู้คนขวักไขว่พอประมาณเพราะย่านนั้นมีของขายหลายอย่าง  ก็แถเข้าไปเลือกมองดูน่ะแหละครับ  ไม่ได้หยิบส่องหรอกยกเว้นองค์ไหนน่าสนใจเท่านั้น  ซึ่งบางแผงก็โหรงเหรงนั่งปัดยุง ไล่แมลงวันไปตามเรื่องตามราว  บางแผงก็คนมุงเยอะหน่อย  แต่ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ทราบ 

        พอคนซาๆหน่อย ก็เร่เข้าไปดูครับ  เจ้าของแผงชอบพอกันเพราะซื้อกันบ่อย  ถามว่าเป็นไง  วันนี้  ขายไปกี่ตุ๊ง  คำตอบก็ออกมา ครับ  "ยังไม่ดีเลย ลุง  แม่ง.. (ขออภัยที่บางคำไม่ค่อยสุภาพ  แต่ถ่ายทอดออกมาจากเรื่องจริงเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่าน)  มีแต่ ขุนส่อง  กับ หลวงกระจอก ทั้งนั้น  ไม่ได้ตังค์เลย"  งง...น่ะซิครับ  ไอ้คำที่ว่า "ขุนส่อง"  น่ะ พอจะรู้ความหมาย ว่า มาจาก "ขุนส่องทะลุฟ้า"  หมายถึง  นักช็อป ที่ชอบหยิบพระในแผง ยกขึ้นส่องดูแบบแหงนหน้าขึ้นท้องฟ้า นัยว่า ต้องการแสงสว่างในการทำมุมกับพระเพื่อจะได้เห็นชัดๆ ว่างั้นเถอะ  ซึ่ง  ในอดีตที่สมัยก่อนเคยเปิดแผง เปิดตู้ ขายได้พานพบมา  บางคน แทบจะหยิบส่องหมดทั้งแผงเลยมั้ง  ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะส่องไปหา สวรรค์วิมานอะไร แต่ไม่ซื้อซักองค์  

        แต่ "หลวงกระจอก"  นี่ซิครับไม่เคยได้ยินมาก่อน  ก็เลยให้เจ้าของแผงอธิบายให้ฟัง  ก็อีกละครับ " แม่ง..ไม่สนใจเลย พระเขาเปิดราคามาเป็นพัน  มันต่อ แค่ 200  แทบจะเอา "ปลัด" ฟาดกบาลมันแล้ว  ถ้าไม่กลัวติดคุก  แม่ไอ้แดง ต้องไปมีผัวใหม่  เป็นโดนแน่"  พร้อมกับหยิบ ปลัดดุ่นเบ้อเริ่ม ขนาดข้อมือ ยาวเกือบศอก ปิดทองเหลืองอร่าม  ไม่รู้ว่าเป็นของอาจารย์ท่านไหนสร้างไว้  ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า "ขุนกระจอก"  ก็คือมาจากคำว่า "กระจอกงอกง่อย "นั่นแหละครับ  

         ก็น่าเห็นใจคนขาย ครับ  ก็คงเป็นอาชีพเดียวกัน  ซึ่งก็ต้องมีทั้งซื้อ และขายไปพร้อมกัน  เพราะถ้าขายอย่างเดียวของหมด จะเอาอะไรไปขายล่ะ  ก็ต้องมีซื้อเข้าเหมือนกัน  แต่การซื้อก็ต้องดูด้วย  ไม่ใช่ว่าต่อเอาตามใจชอบ  ของราคาเป็นพัน ดันต่อ  200 มันก็น่าโมโหอยู่หรอกครับ  พวกนี้คงเคยซื้อแต่พระเก๊ เป็นประจำ ก็เลยติดนิสัยมา  จะว่าไป  ถ้าเป็น นักช็อป  มืออาชีพเขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก  ถ้าไม่แน่ใจว่าจะซื้อได้ เขายังไม่ต่อเลย  เพราะถ้าต่อไปแล้วเจ้าของให้ ต้องซื้อ ครับ  ถือว่าเป็นมารยาทในวงการเลย  ถ้าไม่ชอบใจเขาก็ไม่ต่อให้เสียเครดิตเขาหรอก  ซึ่งผมก็โดนประจำ  แต่ส่วนใหญ่จะขายตามในเว็บมากกว่า  ต่อแล้ว  ให้แล้ว  รอโอนเงิน  หายจ้อยเลย  ชื่อ ที่อยู่ ที่จะจัดส่งก็ให้มาเรียบร้อย  ก็ไม่รู้ว่ามันสนุกหรืออย่างไร 

         ก็พอหอมปากหอมคอครับ  ใครเมื่อเรื่องอะไรก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ  อย่าปล่อยให้กระดานนี้เหงาเลย  พอเปิดเข้ามาก็เงียบหายหมด  เบื่อๆก็เลยไปเล่น Face ดีกว่า  สาวๆมีให้คุยเยอะ...ครับผม

เงียบจริงๆครับ ก็คงจะพระกรุพระเก่า ดีๆ ดูง่ายๆ ไม่ค่อยจะมีใครเอาออกมาประมูล บางเว๊ปก็มีพระกรุอยุธยาพวกเนื้อชินปรอทบ้าง

หมดแล้วครับ กับพระเก่าพระกรุ ที่เห็นอยู่บ้าง ก็ไม่ได้มาตราฐาน ยัดวัดกันส่งเดช โดยเฉพาะที่ผ่าตัดศัลยกรรมกันก็เพียบ

ใกล้ๆจะเปิด AEC กันแล้ว ยังนึกอยู่ว่า พม่า มีทะเลเจดีย์มากมาย นี่ถ้าคนพม่าทำพระกรุใส่ไว้ในเจดีย์ แบบคนไทย ละก้อ นักขุดกรุบ้านเรา คงหมายมั่นปั้น

มือที่จะเข้าไปขุดกรุในพม่ากันมั่ง  ถ้าไม่งั้นแล้วคนที่มีอาชีพขายพระบ้านเรา มีแต่เหี่ยวแห้งตาย เพราะหาพระมาป้อนตลาดไม่ได้

สงสัยว่าพม่าจะพระกรุให้เล่นหา แบบเมืองไทยไม่ได้ ส่วนเขมรนั้นตามปราสาทเก่าๆ ยังมีพระเครื่องสมัยสูงๆ ปรากฏให้เห็นกันอยู่บ้าง

เสียดายที่ศาสนาคริส ไม่นิยมทำรูปเคารพฝังกรุไว้แบบวัดไทยมั่ง  ไม่งั้นป่านนี้อาจจะมี กางเขนกรุเยรูซาเลม ให้สะสมกัน

เพ้อฝันแบบคนเพี้ยนๆ อีกแล้ว สิตู

     นั่นซิครับ  อ่านที่ท่าน นักสะสม เขียน  ก็เลยนึกขึ้นมาได้ ว่าเคยลงกระทู้ถามในกระดานนี้นานมาแล้วถึงเรื่องกรุพระในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง จะมีเหมือนของประเทศเราหรือไม่  ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไร  เพราะสงสัยมานานแล้ว  นับถือพุทธนิกายเถรวาทแบบเดียวกับไทยเหมือนกัน  บวชพระสงฆ์ก็คล้ายกัน  เครื่องรางของขลังก็น่าจะมีเหมือนกัน  ยิ่งประเทศพม่า  ยิ่งน่าจะมีเพราะรื้อเจดีย์ของเราสมัยสงครามโบราณไปก็ตั้งเยอะแยะ  เอาไปเก็บไว้ไหนบ้าง  หรือสร้างเลียนแบบเราบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้  ใครมีข้อมูลดีๆ ช่วยเอามาเล่าสู่กันฟังหน่อยก็ดี ครับผม

ไม่เคยได้ยินเลยว่า มีกรุพระแตกในพม่า ทั้งๆที่่พม่าอยู่ใกล้อินเดีย ซึ่งศาสนาพุทธน่าจะแผ่เข้ามาก่อนไทย แล้วค่อยแพร่ขยายไปยังไทย ในเวลาต่อๆมา

ใครที่เคยไปพม่า เคยรู้เห็นว่ามีตลาดพระ ในพม่าบ้างหรือไม่  และผมยังไม่เคยได้ยินนักสะสมพระไทย พูดถึงเรื่องพระเครื่องในพม่าเลย

แต่เชื่อแน่ว่าศาสตร์เรื่องลึกลับ และศาสนาพุทธในพม่า ไม่น่าจะยิ่งหย่อนกัน เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เคยดู ศพพม่าสักยันตร์ ตายไปแล้วตรงที่สักยันตร์ เนื้อไม่เน่า

จาก รายการ ชมรมขนหัวลุก ที่มีคุณ ธงไชย ไปถ่ายทำมา  http://www.youtube.com/watch?v=O_SCwbSBH20  แสดงว่าคาถาอาคมพม่าก็ไม่เบาเหมือนกัน

   คนพม่าเคารพวัดมากกว่าคนไทย  ถ้าบอกให้ไปขุดกรุ คนพม่าก็คงรู้สึกเป็นบาป แบบคนไทยสมัยโบราณ ต้องรอให้พุทธพานิชเข้ามาสิงในจิตใจซะก่อน

แล้วจึงจะหูผึ่งแบบคนไทนเดี๋ยวนี้ เมื่อได้ยินว่าจะไปขุดกรุหาของเก่า มีราคามาขายกัน 

     ถ้าเจดีย์พม่ามีพระ และสมบัติฝังไว้แบบของไทย  อีกซักพักก็ต้องมีการลักลอบขุดกันแน่ๆ ยิ่งถ้านักขุดหัวโจกจากเมืองไทย รู้เข้าละก้อคงไปขุดกันเยิน

ตามการคาดคะเนของผม ถึงไม่มีพระเครื่องก็น่าจะมีสมบัติที่ผู้สร้างน่าจะใส่ไว้เป็นพุทธบูชาด้วย

อ่าน แต่ละ คห. แล้วน่ากลัวครับ

ให้เก็บรักษาเอาไว้เป็นสมบัติ ชาติเขาก็ดีแล้วนะ ท่าน อย่าไปขุดมันเลยครับ 

ส่วนตัวผมคิดว่า พม่าก็คงมีฝัง กรุเหมือนคนไทยนี้แหล่ะครับ อย่างพระคง พระเปิม ลำพูน นี้เขาศึกษากันมาแล้วนะครับว่า ศิลปได้รับอิทธิพลมาจากทาง พุกามไม่แน่เราอาจจะเจอกรุพระคง แถว เจดีย์พุกามก็ได้นะครับ ถ้าขุดเจอนี่รวยเละ 55

 เคยดูสารคดี พวกทางสายใหม อะไรเทือกนี้ครับ ก็ยังเห็นว่าระหว่างเดินทาง มีการพบพระพิมพ์ ฝังในเจดีย์ของ พวกคนจีน หรือทิเบต ด้วยนะครับ แล้วประสาอะไรกับพม่า ลาว จะไม่มีครับ 

อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนบัญญัติคนแรก ว่ามีแต่ประเทศไทยที่มีพระกรุ ส่วนตัวผมคิดว่าความเชื่อแบบนี้ ค่อนข้างจะปิดกั้นความคิด ไปหน่อย ครับ

พระชุดนี้เจ้าของ เขาระบุว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ครับ

ขอนี้เขาชอบเก็บของนอกด้วยครับ 

ขออนุญาติมาให้ดู เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ นะครับ

http://www.pralanna.com/boardpage.php?topicid=51086

ข้อมูลภาพประกอบของท่าน หนุ่มเหนือ เยี่ยมครับ  แต่ถ้ามีรายละเอียดเสริมแต่ละภาพว่าเป็นของสมัยใด เรียกพิมพ์อะไร จะสมบูรณ์และเป็นความรู้ที่ให้ประโยชน์มากทีเดียว  ครับผม

พระหลวงพ่อโตจากภาพของคุณหนุ่มเหนือ หน้าตาออกศิลป์พม่า แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นศิลป์มอญ

สันนิษฐานว่าสมัยก่อน พอกองทัพรบชนะ ก็ไปสร้างพระใส่กรุไว้ อาจเป็นกองทัพไทยกับมอญช่วยกันสร้าง เพราะไทยช่วยมอญรบกับพม่า จนทำให้พม่าเกลียดไทย จนมีสงครามกันจนไทยเสียกรุงฯ

พม่าก็มีพระ แต่มารบชนะไทยแล้ว คงขนสมบัติกลับไปอย่างเดียว ไม่สร้างอะไรไว้กระมัง

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ดี ๆ โดยเฉพาะท่าน "หนุ่มเหนือ" นอกจากจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามความเห็นของท่าน  "onepeer" แล้ว ถ้าสงสาร "สว." อย่างผมและไม่เป็นการรบกวนหรือขัดอารมณ์ของท่านมากนัก ผมขอกราบกรุณาท่านใช้  สี ตัวอักษรที่อ่านง่ายกว่านี้หน่อยนะครับ... 5555..ตาลาย หวังว่าคงให้อภัยนะครับ ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงครับ

ขออภัยที่ สีอ่านยากครับท่าน ผมพิมพ์กระทู้ เว็บบอร์ด ตัวมันเล็กครับ เลยปรับขนาด ปรับไปปรับมา ก็ออกมาแบบนี้แหล่ะคับ
ปล.เพิ่มเติมคัรบ

พิมพ์ซุ้มพุทธคยา ออกมาจาก หลายกรุหลายเมืองครับ ตั้งแต่อินเดียพม่า ลำพูน นาดูน จนถึง อยุธยา อาจจะเป็นพิมพ์ยอดฮิต ในสมัยโบราณครับ(ว่าไปนั้น) ใต้ฐานจารึกอักษรโบราณด้วยครับ 
 เดิมที “พระพิมพ์พุทธคยา” นี้ พบเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย แถบแคว้นพิหารและเบงกอล (ระฆัมปุระ,นาลันทา และพุทธคยา) จัดเป็นพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นเป็นลำดับแรกๆ ในพุทธศาสนา จัดอยู่ในหมวดศิลปะแบบราชวงศ์ปาละ (ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๗) ใต้ฐาน “พระพิมพ์พุทธคยา” จะมีจารึก “คาถา เย ธมมา” หรือที่เรียกกันว่า คาถาหัวใจพระพุทธศาสนา 
ใน พ.ศ.๒๔๗๕ สืบเนื่องจากมีการบุกรุกขุดค้นหาสมบัติในราชวังเดิม (วัดพระศรีสรรเพชญ์) ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์พระเจดีย์เป็นอันมาก ทางหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับโบราณสถานโบราณวัตถุในสมัยนั้น อันได้แก่ ราชบัณฑิตยสภา จึงออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการขุดค้นและบูรณะซ่อมแซมพระเจดีย์ ได้มีการค้นพบพระพิมพ์นี้ ในกรุวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ ซึ่งพบในพระเจดีย์ใหญ่ที่บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระพิมพ์ที่จารึกคาถานี้สร้างด้วยเนื้อดีบุกผสม (เนื้อชินเงิน) มีขนาดสูงประมาณ ๒๐ ซม. กว้างประมาณ ๑๕ ซม. พุทธลักษณะใกล้เคียงกับ พระพุทธเมตตา (พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓) ที่ประดิษฐานอยู่ในพระมหาโพธิ์เจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย (สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้) ซึ่งเป็นการค้นพบ “พระพิมพ์พุทธคยา” ที่จารึกคาถาหัวใจพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
พระคาถานี้จารึกเป็นภาษาบาลี เป็นตัวเขียนด้วยตัวอักษรคฤนถ์ จารึกอยู่บริเวณด้านล่างใต้ฐานองค์พระ
ครั้น พ.ศ.๒๕๐๐ จึงได้มีการค้นพบพระพิมพ์นี้ ที่กรุวัดมหาธาตุ และวัดราชบูรณะ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีพุทธลักษณะแบบเดียวกับที่พบในกรุพระราชวังเดิมทุกประการ
ภายหลังยังได้พบ “พระพิมพ์พุทธคยา” นี้ ที่ ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สร้างด้วยเนื้อตะกั่ว แต่มีขนาดเล็กกว่า อีกทั้งองค์พระพุทธเป็นปางประทับห้อยพระบาท ซึ่งแตกต่างจากที่พบในประเทศอินเดีย และที่พบใน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ก็มีจารึกคาถาหัวใจพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.pinprapa.com/aticleputhakaya.html
http://www.komchadluek.net/detail/20130124/150096/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98.html

ไม่ใช่พระของผมซักองค์ ขออนุญาติ โพสต์รูปเพื่อการศึกษานะครับ 

พระสามดอยคำ ช้างค้ำ ก็เป็นวิวัฒนาการ ของพิมพ์พุทธคยา

ขอบคุณท่าน หนุ่มเหนือ ที่อุตส่าห์สละเวลาไปค้นคว้ามาให้เพื่อนๆได้อ่านเพิ่มเติมความรู้ แถมมีลิงค์ให้เข้าไปดูอีกตะหาก สาระดีมีประโยชน์ทั้งนั้นครับ  ขอบคุณมาก ครับผม

ขอบพระคุณท่าน "หนุ่มเหนือ" สำหรับความกรุณาและให้ความรู้แด่สมาชิก พระสมัยโบราณสร้างได้สวยงามด้านพุทธศิลป์จริง ๆ  +1 ครับ

ไม่ค่อยมีความรู้ (เรื่องของกรุ) ก็เลยต้องเข้ามาดูบ่อยๆ..

ไม่ค่อยมีอะไรหรอก เห็นกระดานมันเหงา เข้ามาเป็นเพื่อนครับ...

เลิกคบกับพวก ขุนส่อง หลวงกระจอก มาคบกับเซียนพระสาว ดีกว่าครับท่าน

      

แล้วจะไปหาส่องได้ที่ล่ะ ครับท่าน  นางพญาสภาพแบบนี้   เนื้อสวย พิมพ์ชัด  แท้ตาเปล่า แน่นอน ชัวร์

แมะๆๆ..รูปที่พี่หนุ่มเหนือลงนะครับ..ผมมองยังงัยก็ยังเป็นสมเด็จ ไม่ใช่นางพญาอย่างอาจารย์ onepeer ท่านว่าใว้ครับ..แต่น่าจะพระใหม่นะครับ เนื้อขาวสวย ไม่น่าจะเกิน 20 ครับ

...............ปล.ผมนี้มองอยู่นานเลยครับ

ไม่ธรรมดาจริงพระองค์นี้ เล่นเอาท่าน onepeer  ถึงกับตากลับไปเลยนะครับ 
ส่วนท่านdorn80 ก็ตาถึงจริงๆครับ มองแว็บเดียว เดาอายุได้เลย... 

นับถือทั้ง 2 ท่านครับผม

ขอบคุณพี่หนุ่มเหนือที่ได้ลงข้อมูลพระพิมพ์พุทธคยามาให้อ่านกันครับ  ส่วนภาพชุดหลังนี้คิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องใช่ รู้สึกมันดูดื้อตาพิกล