หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคอีสานใต้

หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด

หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง หนุมานครองเมือง หล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะ มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก เสกโดย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด
รายละเอียด"ของแรงอย่างนี้อย่าเอามาให้เสกอีกนะเกือบรับไม่ไหวของเขาแรงจริง ๆ"

"หนุมาน" กับเคล็ดการสร้าง ความเหมือนต่างที่ลงตัว
เด่นแคล้วคลาด คงกระพัน ทั้งเมตตามหานิยมไม่แพ้พระขุนแผน
โดย บูชาครู

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2551 อันเป็นเพชรฤกษ์ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ได้ปลุกเสก "หนุมาน" ให้อย่างผู้รู้จริง ตามพิธีโบราณตำนานแห่งองค์พระบูรพาจารย์ผู้สร้างหนุมานให้โลดแล่นดุจมีชีวิต จนกลายเป็นสุดยอดของรักของหวงของหลายๆคนที่ชืื่นชอบเครื่องรางของขลังกันในปัจจุบัน มูลนิธิหลวงปู่ทิม ได้นำหนังเสือโคร่งผืนใหญ่วางทับปืน, มีด, หอก, ดาบ อันเป็นการข่มอาวุธ ตามเคล็ดในการสร้างหนุมาน หลวงปู่ผาด ท่านมาทำพิธี โดยนั่งทับหนังเสือ เอามือกดหัวเสือ เป็นการสะกดข่มอาวุธและอำนาจอาถรรพ์ทั้งหลาย บรรยากาศในพิธีดูเงียบสงัดสุดจะเข้มขลัง ด้วยความสำรวมอย่างจดจ่อของผู้ร่วมพิธี หนุมานชุดนี้สร้างจำนวนไม่มากเพื่อมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขนาดเท่าครึ่งในวันที่ 16 ตุลาคม 2551 และทอดกฐินสามัคคี ณ วัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 พระยาอนุชิตวงษา (หนุมานครองเมือง) บรรจุผงหนุมานเดิมของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และยังมีผงพรายกุมาร ว่านหนุมานนั่งแท่น และผงอาถรรพ์ร้อยหมื่นสังขาร บรรจุรวมอยู่ด้วย หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด เมตตาปลุกเสกให้ถึง 2 ครั้ง 2 หน ท่านบอกว่า ของแรงอย่างนี้อย่าเอามาให้เสกอีกนะเกือบรับไม่ไหวของเขาแรงจริง ๆ

ที่ผู้เขียนกล่าวถึงการปลุกเสกของหลวงปู่ผาดครั้งนี้ว่า เป็นไปอย่างผู้รู้จริง ตามพิธีโบราณตำนานแห่งองค์พระบูรพาจารย์ผู้สร้างหนุมานให้โลดแล่นดุจมีชีวิต ก็เพราะว่า ในสมัยก่อนการปลุกเสกหนุมาน โดย “การนั่งทับศาสตราวุธทั้งหลาย” ยังความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้พบเห็นได้เสมอทุกครั้ง โดยเฉพาะถ้าพระผู้เสก เป็นพระคณาจารย์ที่ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมด้วยแล้ว พิธีกรรมหรือเคล็ดวิชาแบบโบราณจารย์นี้ จะยิ่งบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ยังผลให้เกิดสรรพคุณ 108 แก่หนุมานที่เสกและผู้นำไปใช้ได้อย่างดีเยี่ยม โดดเด่นด้านการป้องปัดบรรเทาอุปัทวอันตรายทั้งหลายทุกชนิด เท่าที่ผมทราบ ครั้งหนึ่งก่อนจะถึงงานยกช่อฟ้าวัดละหารไร่ ทางวัดมีความจำเป็นที่จะต้องรื้อกุฏิเก่าๆ และปลูกใหม่ขึ้นมาทดแทน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องการเงินมาใช้เพื่อการนี้ แต่การที่จะออกพระเครื่องรุ่นใหม่ๆอีก ทางอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ เห็นว่าจะเป็นการเฟ้อมากรุ่นมากแบบไป หลวงปู่ทิมท่านจึงบอกให้สร้างเครื่องรางขึ้นมาชิ้นหนึ่งในรูป หนุมาน โดยท่านจะปลุกเสกให้เต็มตามกำลังและอำนาจสมาธิวิชาของท่าน ผมจึงได้ขอให้นายช่างเกษม มงคลเจริญ เป็นผู้ออกแบบและหล่อให้ เมื่อนำแบบไปให้หลวงปู่ทิมดูแล้ว ท่านชอบใจมาก และสั่งให้เจาะก้นบรรจุด้วย “ผงพรายกุมาร” ท่านสร้างไว้โดยพิสดาร ผสมกับ “ว่านหนุมาน” พร้อมทั้งลงแผ่นโลหะตามตำหรับการสร้างหนุมานให้จำนวนหนึ่ง เพื่อนำมาผสมเป็นเนื้อเครื่องรางชนิดนี้

สำหรับวิธีการปลุกเสกนั้น เมื่อหลวงปู่ทิมสั่งให้ตระเตรียมของแล้ว อาจารย์ชินพรเองถึงกับขนลุกซู่ ! หลวงปู่สั่งให้นำเอา มีด ปืน ไม้พลอง ไม้คมแฝก หอก ดาบ และอาวุธต่างๆ เท่าที่หาได้มาให้ท่านด้วยเพราะเวลาปลุกเสกหลวงปู่จะนั่งปลุกเสกบนกองอาวุธเหล่านี้ อาจารย์ชินพรบอกว่า ที่ขนอาจารย์ลุกซู่นั้น เพราะเคยอ่านวิธีการปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อดิ่งที่คุณเฉลียว จันทร์ทรัพย์ เขียนไว้ในหนังสือเหรียญพุทธคุณ ก็เป็นแบบเดียวกัน จะต่างอย่างแรกคือตัวหนุมาน หนุมานของหลวงพ่อดิ่งสร้างด้วยรากไม้ แต่ของหลวงปู่ทิมสร้างด้วยเนื้อโลหะ และต่างท้ายสุดคือบุคคลผู้เสก ที่เชื่อมั่นว่าเป็นความเหมือนต่างอย่างลงตัวที่สุดครับ เพราะท่านทั้งสองต่างก็เปี่ยมด้วยพลังจิตอันกล้าแกร่งด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งในปัจจุบันนี้พระเกจิอาจารย์ที่ยังดำรงขันธ์อยู่ และสร้างเสกหนุมานด้วยเคล็ดพิธีแบบโบราณจารย์นี้ ได้แก่ หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด และหลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร ซึ่งพระคุณเจ้าทั้งสองรูปก็ไม่ได้เสกด้วยเคล็ดวิชานี้ทุกครั้งที่มีการสร้างหนุมานขึ้นมา ขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมตามวิจารณญาณที่ท่านได้พิจารณาด้วยครับ อันนี้เป็นเรื่องพ้นวิสัยของสามัญสติที่ไม่ควรไปก้าวล่วง

เครื่องรางสุดขลังประเภทหนุมาน ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าพุทธคุณนั้น จะหนักไปทางแคล้วคลาด เหนียวแน่นคงกระพันชาตรี แต่ผู้คนไม่น้อยก็ประจักษ์ในทางเมตตามหานิยมอย่างเอกอุ ซึ่งเมตตาดังกล่าวนี้ เป็นเมตตาทางมหาอำนาจ คือคนทั้งรักทั้งเกรงใจ และเมตตาทางโชคลาภที่ช่วยส่งเสริมหน้าที่การงาน โดยเฉพาะการรับราชการหรืองานที่ต้องอาสาปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายนั้น เห็นผลกันแบบชงัดนัก ชนิดที่ผู้มีประสบการณ์ทั้งรักทั้งหวงแขวนติดตัวกันเป็นประจำทีเดียวครับ ประสบการณ์ในด้านแคล้วคลาด คงกระพันเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงทราบกันเป็นอย่างดี ส่วนในมุมสรรพคุณอื่นๆ เช่น เมื่อสมัยก่อนนั้น ครูดอกดิน คณะลิเกอาจารย์หอมหวน ไปเล่นที่ไหนก็ตาม พอเสียงกลองดังขึ้นเท่านั้น สาวแก่แม่ม้ายถึงกับอยู่ไม่ได้ต้องมาดูหน้าให้ได้ทุกครั้งที่ลิเกเล่น เชื่อกันว่าเป็นเพราะตะโพนเสกของท่าน และหนุมานของหลวงปู่สุ่นที่แขวนติดตัวครูดอกดินอยู่ และครูดอกดินเองท่านก็เป็นคนอาภัพในเรื่องหน้าตา แต่ได้ชื่อว่ามีภรรยาเป็นจำนวนมาก กล่าวกันว่าไปเล่นลิเกที่ไหนต้องมีเมียที่นั่นทีเดียวครับ สำหรับพุทธคุณด้านมหาปราบ และอุ้มดวง ที่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันนี้ ในยุคสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ โดย คณะราษฎร ซึ่งนำโดย พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา กับคณะทหารและพลเรือนได้ไปหาหลวงพ่อสุ่นและท่านเมตตาให้หนุมานหน้าโขนมาตัวหนึ่งโดยให้พกติดตัว พร้อมกับบอกในลักษณะที่ว่า ผ่านไปสักพักเรื่องเลวร้ายก็ผ่านไปด้วยดี ในที่สุดก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อสุ่นพูด ภายหลัง พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ก็นำเรือที่เป็นพาหนะส่วนตัวมาถวายหลวงพ่อสุ่น ซึ่งปัจจุบันนี้ยังปรากฏว่ามีอยู่จริงครับ

ที่ผู้เขียนยกตัวอย่างประสบการณ์ของ "หนุมาน" หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุล ก็เพราะว่าท่านคือ องค์ตำนานของการสร้างหนุมาน ที่สร้างได้อย่างมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ก่อเกิดประสบการณ์ทุกด้านเป็นอเนกอนันต์ จนได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งและเข้าสู่เบญจภาคีแห่งเครื่องรางของขลังของประเทศ ดังคำกล่าวที่ว่า "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นหลวงพ่อน้อยศีรษะทอง เบี้ยแก้กันของหลวงปู่รอด วัดนายโรง" อีกสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่า ท่านที่เป็นคอหนุมานของหลวงพ่อสุ่นตัวจริงคงทราบเกล็ดประวัติการสร้างหนุมานของท่านกันเป็นอย่างดี คือหลวงพ่อต้องสร้างให้มีชีวิตเคลื่อนไหวไปมาได้จริง จึงจะสำเร็จสามารถช่วยผู้อื่นเขาได้ เกี่ยวกับเรืื่องนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเรื่องเคล็ดการสร้างหนุมานดุจมีชีวิตของ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ยอดพระเกจิอาจารย์แห่งภาคตะวันออก ที่มองเห็นคุณค่าของวัตถุมงคลนามนี้เช่นเดียวกัน เมื่ออาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ประธานมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก สร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกอย่างเป็นทางการก็มีเคล็ดที่หลวงปู่ทิมถามว่า “เอาหัวใจมาด้วยหรือเปล่า” เมื่ออาจารย์ชินพรรับรองด้วยรู้ตามที่พระอาจารย์ได้ถามตน หนุมานหลวงปู่ทิมก็โลดแล่นดุจมีชีวิตสร้างประสบการณ์ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ชนิดที่เรียกว่ามีข้าราชการท่านหนึ่งบูชาพระกริ่งชินบัญชร กับหนุมานของหลวงปู่ทิมไป แต่เลือกที่จะปล่อยพระกริ่งและเก็บหนุมานไว้ก็เพราะประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างแท้จริง ประสบการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนโตของอาจารย์ชินพรเอง ในขณะอายุเพียง 3 ขวบ คือ อุ้มดวง เสริมส่งชะตาชีวิต เรื่องนี้มีใจความตอนหนึ่งที่อาจารย์ชินพรเคยกล่าวไว้ว่า “...ลูกชายคนโตของผมซึ่งขณะนั้น (ปี พ.ศ.2517) มีอายุเพียงสามขวบเศษ เป็นเด็กที่เลี้ยงยาก มักป่วยไข้และเจ็บป่วยอยู่เสมอ เป็นมากเข้าภรรยาผมถึงกับเครียดหนัด ต้องเข้าหาที่พึ่ง พระองค์หนึ่งท่านจึงดูให้และทำนายว่า เด็กคนนี้มีบุญบารมีเกินพ่อเกินแม่ ต้องเอาไปยกให้เป็นลูกของผู้มีศีลบริสุทธิ์ มิฉะนั้น จะอายุไม่ยืน พอดีกับในระยะนั้น ผมไปพบหลวงปู่ทิมเข้าพอดี จึงเอาลูกชายนั่งรถไปหาหลวงปู่ทิมด้วยและยกให้เป็นลูกท่าน หลวงปู่ทิมก็รับเป็นลูกและฝากผมกับภรรยาผมช่วยเลี้ยงให้ด้วย แล้ว ท่านปรารถว่าอยากจะทำของขวัญให้ลูกไว้ติดตัวและท่านก็มองมาที่ผม บอกเอาของในกระเป๋าเสื้อมา ก่อนไปหาหลวงปู่ทิม ครั้งนั้น ผมได้ไปเช่าหนุมานของ หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม จังหวัดบุรีรัมย์ มาองค์หนึ่ง ผมจึงหยิบออกมาให้ท่าน หลวงปู่ทิมท่านรับไปแล้วก็เอาเข้าไปในกฏิ วันนั้นเป็นวันเสาร์และคืนนั้นผม ภรรยา ลูกชายและเพื่อนๆ ก็ค้างอยู่หน้ากุฏิท่านก่อนที่ผมจะลากลับกรุงเทพฯในเย็นวันอาทิตย์ หลวงปู่ทิม ท่านก็เอาหนุมานมาให้ลูกชายผม บอกเอาไปติดตัวห้อยคอไว้ นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นที่ผมเกิดความคิดที่จะสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่"

(ผลงานเรื่อง "หนุมาน" ที่นำมาลงประกอบการศึกษานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานเขียน นามปากกา บูชาครู ได้เรียบเรียงไว้ ขอขอบคุณองค์ความรู้จากอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ และองค์ความรู้ของพระบูรพาจารย์ที่เกี่ยวข้องไว้ ณ ที่นี้)

***** ค่าบูชา 8,000 บาท *****
ราคาเปิดประมูล7,950 บาท
ราคาปัจจุบัน8,000 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูลอา. - 23 ก.ค. 2560 - 15:38.18
วันปิดประมูล ศ. - 11 ส.ค. 2560 - 14:11.31 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 8,000 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ50 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
8,000 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) พฤ. - 10 ส.ค. 2560 - 14:11.31
กำลังโหลด...
Top