ประมูล หมวด:พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
นางพญา รุ่นแรก ลป.จันทร์ วัดศรีเทพ ปี2500 เนื้อผง เนื้อหามวลสารดีมากๆ เนื้อจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุน
ชื่อพระเครื่อง | นางพญา รุ่นแรก ลป.จันทร์ วัดศรีเทพ ปี2500 เนื้อผง เนื้อหามวลสารดีมากๆ เนื้อจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุน |
---|---|
รายละเอียด | นางพญา รุ่นแรก ลป.จันทร์ วัดศรีเทพ ปี2500 เนื้อผง เนื้อหามวลสารดีมากๆ เนื้อจากมีเนื้อพระสมเด็จบางขุนพรหมที่หักๆ ผสมอยู่ด้วย และผงโสฬลท่าดอกเจ้าอันโด่งดัง หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ รุ่นแรกปี 2500 พระที่จัดสร้างในชุดนี้มีมวลสารประกอบด้วยกันหลายอย่ างเช่น 1.ผงพุทธคุณ, 2.น้ำมันงาเสกของลป.จันทร์, 3.ผงของพระสมเด็จบางขุนพรหม และ 4.ผงโสฬสมหาพรหม ของลป.ศรีทัต พระอาจารย์ของท่านท่าน(ผงนี้เป็นมวลสารเดียวกับพระผง ชุดโสฬสมหาพรหมของลป.ทิมแห่งวัดละหารไร่) ผู้ที่บูชาพระพิมพ์ชุดดังกล่าวติดตัวต่างประสบกับเหต ุอัศจรรย์ต่างๆมากมายอันเป็นผลเนื่องมาจากพุทธคุณที่ มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมครับ ข้อมูลผงโสฬสมหาพรหมของหลวงปู่ศรีทัต http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=107538 (พระวัดท่าดอกแก้ว) จากกระทู้ของพี่ tok (ขอขอบคุณพี่ tokไว้ในที่นี้ด้วยนะครับ เพื่อเผยแผ่ข้อมูลให้แก่ผู้มีใจศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่จันทร์ครับ) หลวงปู่ศรีทัต หรือ ยาคูศรีทัต ท่านเป็นที่เคารพของมหาชน 2 ฝั่งโขง ไม่ว่าท่านจะสร้างสิ่งใด ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งจะร่วมแรงร่วมใจถวายแด่หลวงปู่ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านจะไปมาระหว่างวัดท่าดอกแก้ว และ ภูเขาควายในฝั่งลาว หลวงปู่ศรีทัตท่านมีศิษย์ที่ท่านถ่ายทอดสรรพวิชาการทั้งหลายจนสิ้นอยู่ 2 รูป ได้แก่ 1. หลวงปู่สนธ์ ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน หลวงปู่สนธ์เป็นเจ้าอาวาส วัดท่าดอกแก้ว จวบจนปี 2510 จึงมรณภาพ 2. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือ ท่านเจ้าคุณปู่ ที่เป็นที่สักการะอย่างสูง ท่านเจ้าคุณปู่ที่นั่งอยู่ในดวงใจของชาวนครพนม ท่านเป็นมหาเถระที่ชาวนครพนมและ จังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพอย่างสูง ท่านมีสมณศักดิ์ที่ พระเทพสิทธาจารย์ ท่านเจ้าคุณปู่เป็นเสาหลักแห่งพระศาสนา เป็นผู้วางรากฐานแห่ง พระธรรมยุติ ให้บังเกิดขึ้นที่นครพนม ท่านมรณภาพในปี 2516 สำหรับหลวงปู่สนธ์นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในเรื่องของความขลัง อาจจะเนื่องจากท่านอยู่ไกลถึงนครพนม แต่ในครั้งเมื่อมีการปลุกเสกพระประมาณปี 249กว่า หลวงปู่สนธ์ท่านมาร่วมปลุกเสก พระที่วัดเทพฯ ท่านขึ้นมาแบบพระบ้านนอกไม่มีใครรู้จักนัก ครั้นพิธีปลุกเสกผ่านพ้นไป วันเดินทางกลับนครพนม ได้มีปรากฏการณ์พิเศษคือ มีพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้เดินทางติดตามหลวงปู่สนธ์ไปวัดท่าดอกแก้วหลายสิบองค์ คุณอาคม ( บุตรชายของอาจารย์ประถม อาจสาคร ) เล่าว่า ( นิตยสาร ศักดิ์สิทธิ์) อาจารย์ประถม ได้นำพระเครื่องของหลวงปู่สนธ์ไปให้หลวงปู่เฮี้ยง(เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของอาจารย์ประถม) ดู ปรากฏว่า ท่านดูไม่ออก กว่าจะดูรู้เรื่องว่า หลวงปู่สนธ์ทำพระอย่างไร ปลุกเสกอย่างไร วิธีไหน ก็เสียเวลาหลายวัน ต้องกำหนดจิตเข้าในองค์พระอยู่นานจึงรู้เรื่อง พอรู้แล้วก็เอ่ยปากยกย่องหลวงปู่สนธ์เป็นอย่างยิ่ง เสร็จแล้วก็ฝากพระของท่านไปให้หลวงปู่สนธ์ดูบ้าง เมื่ออาจารย์ประถมนำพระไปถวายให้หลวงปู่สนธ์ ท่านก็บอกทันทีว่าพระองค์นี้ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ปลุกเสกด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ คาถาบทนั้น คาถาบทนี้ หลวงปู่เฮี้ยงถึงกับร้องทำนองว่า เขารู้เราหมด แต่กว่าเราจะรู้เขาได้นั้นผิดกันเยอะ จากคำบอกเล่าของหลวงปู่สนธ์ ได้เล่าให้อาจารย์ประถม ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปปฏิบัติราชการตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ปี 2493 ฟังว่า อาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศรีทัต เป็นพระเถระที่ทรงคุณยิ่งใหญ่ มีจริยวัตรที่งดงามนักหนา เคร่งครัดในธรรมวินัยยิ่งยวดมีตบะแก่กล้า นอกจากท่านจะเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและคันธุระแล้ว ท่านยังอุดมไปด้วยวิชาการต่างๆมากมาย และในช่วงที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรอยู่นั้น ได้ถูกเรียกใช้เป็นประจำ ก็เลยอยู่ดูแลหลวงปู่ศรีทัตมากกว่าคนอื่น และตอนที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัตได้เขียนยันต์ให้ผืนหนึ่งและบอกกับหลวงปู่ว่า “เณรเอายันต์ผืนนี้ไว้นั่งแทนเรือ ข้ามโขงไปหาปู่ที่เขา” อาจารย์ประถมได้ถามว่า แล้วหลวงปู่เคยใช้ไหม หลวงปู่สนธ์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะแล้ว เงียบไป อาจารย์ประถมรุกเร้าเท่าใดก็ไม่เป็นผล ขอดูก็ไม่ให้ดู แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ประถมคอยดูจังหวะที่ได้เข้าไปในห้องของหลวงปู่สนธ์ และได้เห็นผ้ายันต์ผืนหนึ่งใหญ่มากวางอยู่บนพานบูชา หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ อาจารย์ประถมได้ทีถาม หลวงปู่ก็รับว่า ใช่ อาจารย์ประถมก็ถามต่อว่าได้ใช้หรือไม่ หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า ใช้ 4 ครั้งแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย และ ห้ามไม่ให้อาจารย์ประถมบอกต่อ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร อาจารย์ประถมได้เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งหลวงปู่สนธ์มรณภาพ จึงได้เล่าให้ลูกหลานฟัง และไม่หลังหลวงปู่สนธ์มรณภาพ ก็ไม่ทราบว่าใครได้ไป เพราะอาจารย์ประถมได้ย้ายออกมาก่อน หลวงปู่สนธ์ได้เล่าว่า หลวงปู่ศรีทัตท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษา “รู้” มาก อีกทั้งเจนจบครบสูตรในอักขระมหายันต์ทั้งหลาย หลวงปู่ศรีทัตท่านเคยบอกว่า วิชาลงผงวิเศษที่ยากนักหนาที่ท่านสำเร็จมามี 3 สูตร ได้แก่ 1. ผงโสฬสมหาพรหม 2. ผงนวโลกุตตระ 3. ผงโภชฌงค์บริพัตร อาจารย์ประถมได้เคยเรียนถามหลวงปู่สนธ์ว่า ท่านลงได้ครบทั้ง 3 สูตรหรือไม่ท่านไม่ตอบ แต่ยิ้มๆ และ เงียบไปตามเดิม หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ในปีหนึ่งหลวงปู่ศรีทัต หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านเตรียมตัวธุดงค์ไปภูเขาควาย คราวนี้ท่านเตรียมสิ่งของไปมากมายเป็นพิเศษและได้สั่งพระเณรว่า พรรษาหน้าให้เตรียมการไว้ ท่านกลับมาท่านจะได้สร้างพระธาตุเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เตรียมบอกญาติโยมด้วย การที่ท่านเตรียมของมากมายนี้ ท่านประสงค์จะสร้างผงวิเศษเอาไว้ผสมสร้างพระเพื่อแจกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญกับท่าน หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ผงวิเศษที่หลวงปู่ศรีทัตจะไปสร้างในครั้งนี้ก็คือ ผงโสฬสมหาพรหม การลงผงโสฬสมหาพรหมนั้น ต้องลงอักขระด้วยตัวธรรมเป็นกลยันต์ โดยถอดตัวต้นจนถึงตัวสุดท้าย ผูกสลับเป็นกลยันต์ 16 มุม ในแต่ละมุมแบ่งออกเป็น 16 ชั้น ในแต่ละชั้นลงอักขระ 16 ช่อง อักขระแต่ละตัวแต่ละช่อง ต้องลบถมเรียกสูตร 16 คาบ ผูกอธิษฐานเสกยันต์โสฬสมหาพรหมครบแล้วทั้ง 16 สูตรถือเป็น 1 ครั้ง และลงในระบบเดียวกันนี้ 16 ครั้งแล้วรวมที่ลบมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์บน-ล่าง ตามตำราบังคับ เสร็จแล้วให้เอาผงวิเศษลูบลงในกระดานลงผง หากบังเกิดอักขระขอมธรรมของยันต์โสฬสมหาพรหมบนกระดานลงผงโดยไม่ได้เขียน โดยใช้เพียงผงวิเศษลูบให้สำเร็จเป็นยันต์ ถือว่าสำเร็จ หากลูบแล้วไม่ปรากฏยันต์ในกระดานลงผง จะต้องเริ่มต้นลงใหม่ตั้งแต่ต้น ! ผู้ที่ลงผงวิเศษได้ครบสูตรโสฬสมหาพรหมได้สำเร็จ จะดลบันดาลให้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล 22 ชั้นพรหม ภะคะวะพรหม จนถึง พรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์ลงและขึ้นมาอนุโมทนาอำนวยพร ผงวิเศษนี้มีอานุภาพอันทรงความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ผู้ที่บูชาผงวิเศษนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ลาภสักการะ วาสนาบารมี บริบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ปัญญา บารมีสมบัติปรารถนาสิ่งใด จักสำเร็จดังปรารถนา ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวงปู่ศรีทัตสร้างขึ้นนี้ ท่านได้นำไปสร้างพระแจกที่วัดท่าดอกแก้ว ท่านสร้างไว้ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเหลือท่านเก็บใส่บาตร ตกทอดมาถึงหลวงปู่สนธ์ ท่านก็เก็บไว้เฉยๆไม่ได้ใช้อะไร ต่อมาท่านได้สร้างผงนวโลกุตระ ขึ้น ท่านจึงได้สร้างพระปิดตาแจกชาวบ้าน และได้นำผงทั้ง 2 ชนิดมาใส่รวมกัน อาจารย์ประถมเป็นศิษย์หลวงปู่เฮี้ยง และมีความชำนาญในการสร้างพระ เพราะได้ช่วยหลวงปู่เฮี้ยงสร้างพระตั้งแต่ยุคแรกๆของวัดป่า ( พศ.2484 ) และเมื่ออาจารย์ประถมมาถึงท่าอุเทน ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่สนธ์ ชาวบ้านนับถือมาก และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ประถมนับถือ คือ มีพลทหารนายหนึ่ง อาจารย์ประถมได้ขอตัวมาช่วยงานของสหกรณ์ ได้มีเรื่องกับชาวบ้านและโดนยิงเข้าไป 3 ชุด กระเด็นตกน้ำ แต่ไม่ตาย เพราไม่มีระคายผิวหนัง เสื้อผ้าขาดกระจุย ทั้งตัวมีตะกรุดดอกเดียว คือ ตะกรุดเก้าแปเก้าย้อ ของหลวงปู่สนธ์ ด้วยเหตุนี้อาจารย์ประถมจึงไปเสาะหาท่านถึงวัดและศึกษาวิชาการจากท่าน และเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีความ ชำนาญในการสร้างพระ ท่านจึงคิดจะสร้างพระถวายหลวงปู่สนธ์ในราวปลายปี 2493 จึงเข้าเรียนหลวงปู่สนธ์และท่านก็อนุญาต และหลวงปู่สนธ์ก็ได้มอบผงวิเศษที่มีอยู่ในบาตรใหญ่นั้นให้อาจารย์ประถมนำไปสร้างพระ อาจารย์ประถมเล่าไว้ว่า ในเวลาที่รับผงวิเศษนั้นมือสั่นไปหมดเพราะทราบดีว่าผงวิเศษในบาตรนั้นวิเศษเพียงใด อาจารย์ประถมจึงได้สร้างพระท่าดอกแก้วถวายหลวงปู่สนธ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษที่เหลือในราวครึ่งบาตรกว่าถวายคืนแด่หลวงปู่สนธ์ ท่านกลับบอกว่าให้เก็บไว้สร้างพระต่อไปในอนาคต (แสดงว่าท่านรู้ด้วยญาณสมาบัติของท่านว่าคุณประถมจะต้องนำผงวิเศษไปสร้างพระให้หลวงปู่ทิมฯ )หลังจากนั้นเมื่ออาจารย์ประถมทำงานที่ท่าอุเทนครบวาระ ได้ถูกย้ายไปทำงานที่อ.ธาตุพนม และก่อนที่จะไปประจำการ อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษนี้เดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น โดยไปขอบารมีท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุสโส) นานถึง 6 เดือน และได้นำไปขอบารมีจากพระอริยสงฆ์อีกหลายรูปได้แก่ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธจาโร หลวงพ่อสมาธิ หลวงปู่หัว วัดบ้านคำครึ่ง และ พระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครพนม หลวงปู่จันทร์ วัด ศรีเทพ ตอนที่นำผงไปขอบารมีหลวงปู่จันทร์นั้น หลวงปู่จันทร์เห็นแล้วก็จำได้ ถึงกับออกปากว่าไปเอาผงนี้มาจากไหน และหลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์ก็ได้ขอแบ่งผงไว้ 1 ชั้นปิ่นโต ผงนี้ได้นำมาสร้างพระเครื่องรุ่นปี พศ.2500 คือพระพิมพ์สมเด็จและพระนางพญา และตอนที่นำไปถวายหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเมื่อเห็นแล้วถึงกับก้มลงกราบทันที พระอาจารย์วังก็เช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ประถมยังได้นำผงวิเศษนี้ไปเก็บไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ในพระอุโบสถ และได้ขอบารมีจากท่านเจ้าคุณนรฯด้วย ( อาจารย์ประถมบวชกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นับเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่านเจ้าคุณนรฯ รวบรวมโดยคุณเอก ขอนแก่น (amuletsinthai.com) อ้างอิง 1. หนังสือ หลวงปู่ทิม เทพเจ้าเมืองระยอง ของ สมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง 2. หนังสือหลวงปู่ทิม ของนิตยสารสนามพระ 3. นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ คอลัมภ์ การเดินทางของผงโสฬสมหาพรหม ผู้เขียนอ้างถึงคำกล่าวของคุณอาคม อาจสาคร (บุตรชายบุญธรรม ของอจ.ประถม อาจสาคร) หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ พระผู้เป็นพระโพธิสัตว์ในใจลูกหลานทุกคนที่มีความศรัทธาต่อท่าน(ทำไมผมต้องบอกว่าหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ เป็นพระผู้เป็นพระโพธิสัตว์ลงมาโปรดมนุษย์ ทุกอย่างมีที่มาครับมีพระผู้ที่มีอภิญญาได้กล่าวว่าพระที่เป็นพระสายกัมฐานสายอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น หลวงป่เสาร์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบที่บรรลุธรรมชั้นสูงสามารถตัดกิเลสทุกอย่างได้เป็นพระอรหันต์ทุกองค์แต่มีอยู่หนึ่งองค์ไม่ยอมที่จะละทุกอย่างไปเป็นพระอรหันต์ทั้งๆที่สามารถตัดกิเลสได้ทั้งหมดยังคงบำเพ็ญเพียรทุกภพทุกชาติไปเพื่อโปรดสัตว์โลกเพราะท่านเห็นว่าการมาโปรดสัตว์โลกให้สัตว์โลกพ้นทุกข์กรรมที่เกิดจากการกระทำของแต่ละบุคคลนั้นเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ท่านสั่งสอนลูกหลานไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันแล้วกันไม่ก่อกรรมขึ้นมาใหม่ในชาตินี้แล้วท่านจะคอยช่วยเหลือคนทีอยู่ในศีลธรรมอันดีที่ระลึกถึงท่านถ้ามีกรรมหนักหลวงปู่จะมาช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเพื่อให้สัµว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาใช้กรรมแต่ชาติปางก่อนในชาตินี้ได้มีการใช้กรรมที่เบาบางลงแล้วท่านก็สอนให้ทุกคนรักษาศีล ให้ทานมั่นสวดมนต์ภาวนาเพื่อเป็นบุญกุศลติดตัวไปทุกภพทุกชาติได้ไปเกิดในภพที่ดีไม่มีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงกรรมที่ทำกับเค้าไว้เหมือนในชาตินี้พระผู้มีอภิญญายังกล่าวอีกว่าหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ เป็นพระผู้บำเพ็ญเพียรมาหลายภพหลายชาติแล้วบารมีล้นเหลือสามารถละทุกอย่างไปเป็นพระอรหันต์ได้ทุกเวลาแต่หลวงปู่จันทร์ผู้นี้ตอนนี้บรรลุไปอีกขั้นเป็นพระโพธิสัตว์แล้วแล้วยังคงบำเพ็ญเพียรไปอีกจนถึงวาระที่จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) หลังจากที่สิ้นอาจารย์ใหญ่สายกัมฐานหลวงปู่เสาร์ ต่อมาด้วยหลวงปู่มั่นแล้วหลวงปู่จันทร์องค์นี้แหละถือว่าเป็นอาจารย์ใหญ่สุดในสายวิปัสนากัมฐานเลยทีเดียว พระที่ |
ราคาเปิดประมูล | 370 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 390 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 20 บาท |
วันเปิดประมูล | พฤ. - 27 ต.ค. 2554 - 09:13.29 |
วันปิดประมูล | ศ. - 28 ต.ค. 2554 - 17:35.38 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...