
ประมูล หมวด:พระสมเด็จทั่วไป
พระสมเด็จญาณวิลาส หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ๒๕๑๓ เนื้อแดงนิยม



ชื่อพระเครื่อง | พระสมเด็จญาณวิลาส หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ๒๕๑๓ เนื้อแดงนิยม |
---|---|
รายละเอียด | พระผงญาณวิลาศของหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐจัดสร้างโดยคณะของ พ.ต.ท.ประสงค์ เจิมพร ครับ พี่สงค์ฯนั้นเป็นอดีต ตชด.ที่เมื่อครั้งยังหนุ่มแน่นและยังรับราชการอยู่นั้น ทุกปีจะต้องไปกระโดดร่มทบทวนที่ค่ายนเรศวร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ในการกระโดดร่มทบทวนในปี พ.ศ.๒๕๑๒ ครั้งกระโน้น มีอยู่ ๒ ครั้งที่พี่สงค์ฯแทบจะเอาชีวิตไม่รอด คือ..... ครั้งแรก : เมื่อกระโดดออกมาแล้วร่มของพี่สงค์ฯเกิดแฝดครับ คือสายร่มบางสายขึ้นไปพาดกับหลังคาร่ม ร่มจึงกินลมไม่เต็มที่ ( สมัยนั้นเป็นร่มแบบ T-10 ) พี่สงค์ฯจึงตกลงพื้นอย่างรุนแรงมากเสียงดังปี๊กใหญ่ ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างลงความเห็นว่ากระดูกกระเดี้ยวคงต้องหักแน่ ๆ แต่กลับปรากฏว่าแค่เคล็ดขัดยอกหน่อยเดียวเท่านั้น เพื่อน ๆและครูฝึกพากันสงสัยว่าแกน่าจะมีของดี ที่หนักไปทางนักวิชาการก็ว่า ฟลุ๊คน่ะหรือม่ายก็โชคดี พี่ประสงค์ฯได้ทีจึงควักสร้อยสแตนเลสแขวนพระเครื่องพวงเบื้อเริ่มออกมาโชว์ โม้อวดเพื่อน ๆและครูฝึกว่า ที่ตนรอดมาได้เพราะพุทธคุณของพระที่ตนแขวนอยู่ตอนที่กระโดดร่มลงมา แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าองค์ไหนช่วยแกเอาไว้เพราะห้อยอยู่เป็นสิบ ๆองค์ ปรากฏว่าแกรอดตายจากการกระโดดร่มครับ แต่เกือบจะต้องติดคุกเพราะครูฝึกเขาจะเอาเรื่องน่ะซี เขาจะขังแกครับ เพราะได้ละเมิดข้อห้ามของนักกระโดดร่มที่ไม่ให้ห้อยสายสร้อยคอในขณะกระโดด ร่มอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในสมัยก่อนการกระโดดร่มเป็นแบบที่ใช้ปลายสายกระตุกร่มที่พลร่มจะ ต้องนำไปคล้องอยู่กับสายสลิงค์บนเครื่องบินก่อนที่จะกระโดดออกจากประตู เครื่องบินตามกรรมวิธีที่ได้ฝึกมา ซื่งเมื่อกระโดดพ้นจากเครื่องบินออกมาจนได้ระยะที่สายกระตุกร่มตึงแล้ว สายกระตุกร่มก็จะดึงร่มออกจากถุงร่มออกมาให้เอง โดยผู้กระโดดไม่ต้องกระตุก ส่วนที่เป็นระเบียบและข้อห้ามก็เพราะเคยมีตัวอย่างมาแล้วในอดีตที่เคยมีที่ สายสร้อยคอของนักกระโดดร่มเกิดไปพันติดอยู่กับบางส่วนบนเครื่องบิน ทำให้พลร่มได้รับอันตรายร้ายแรงไปแล้วหลายราย บางรายคอเกือบขาด .เอาละก็เอาเป็นว่าครั้งแรกนี้พี่สงค์ฯแค่ถูกคาดโทษ เพราะครั้งนี้ครูฝึกยกโทษให้ โดยถือซะว่าต่างฝ่ายต่างก็ฟาดเคราะห์กันไปทั้งเคราะห์ของพี่สงค์ฯและเคราะห์ ของครูฝึก ( ทั้งนี้เพราะหากพลร่มเกิดเป็นอันตรายอย่างใด ๆเนื่องจากความบกพร่องของครูฝึก ครูฝึกก็อาจจะต้องถูกพิจารณาลงโทษไปด้วยนะครับ ) ครั้งที่สอง : วันรุ่งขึ้นพี่สงค์ฯก็ไปโดดร่มอีก คราวนี้ร่มไม่แฝดครับ แต่แย่ยิ่งกว่า คือร่มลู่ลงมาเลย ( ร่มลู่คือร่มไม่กินลมครับ สภาพจึงเกือบจะเท่ากันกับที่ร่มไม่กางนั่นเอง ) ผู้คนที่อยู่ภาคพื้นดินต่างร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยความหวาดเสียว บ้างก็ตะโกนให้ดึงร่มช่วย ซึ่งตะโกนให้ตายก็ไม่มีพลร่มคนไหนได้ยินหรอกครับ ซึ่งแม้จะไม่ได้ยินเสียงของใครเลย พี่สงค์ฯก็ยังดีมีสติจึงดึงร่มช่วย แต่ก็ยังคงซวยอยู่และเป็นการซวยซ้ำสองเพราะแกไม่ได้โกยร่มช่วยให้เบี่ยงออก ไปกางด้านข้าง ร่มช่วยก็เลยไปพันกับร่มหลักทำให้ไม่กินลมทั้งสองร่ม ร่มพันกันถูกกระแสลมควงหมุนติ้ว ๆ ร่างของพี่สงค์ฯจึงควงหมุนติ้วไปตามการควงของร่มและลงมาตามน้ำหนักและแรง โน้มถ่วงของโลก จากระยะสูงประมาณเกือบ ๆพันฟุต ตกลงพื้นเสียงดังพลั่กใหญ่ ทั้งเพื่อนและครูฝึกต่างรีบพากันไปช่วย ( แต่มีหลายคนไม่กล้าไปครับ คงไม่อยากไปเห็นสภาพร่างกายที่แหลกเหลวของพี่สงค์ เพราะใคร ๆก็คิดว่าแกตายแน่ ไม่มีทางรอด) เพื่อน ๆและครูฝึกไปพบร่างของพี่สงค์ฯตกลงไปอยู่ในปลักควายครับ จมโคลนลงไปถึงบริเวณหน้าอก ตาเหลือกโพลงแน่นิ่งอยู่ จึงได้ช่วยกันลากศพ เอ๊ย ... ลากร่างของแกขึ้นมาจากโคลน ปรากฏว่าไม่ตายครับ แค่ช็อคหมดสติไปเพราะตกใจ สำรวจดูตามร่างกายไม่เป็นอะไรเลยครับ น่าอัศจรรย์จริงแท้ พอฟื้นคืนสติดีแล้ว แกก็โม้อีกตามเคย บอกว่าวันนี้ไม่มีสร้อยคอครับ กลัวจะถูกขังและถูกส่งตัวกลับจะทำให้ไม่ได้ค่าปีกร่ม ( สมัยนั้นค่าปีกร่มเดือนละ ๗๕๐ บาทนะครับ ซื้อทองรูปพรรณได้หนักเกือบ ๒ บาท ) ในกระเป๋าเสื้อของแกมีผ้ายันต์หลวงพ่อแดงฯ หรือ พระครูญาณวิลาศ วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี อยู่เพียงผืนเดียวที่พับใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ(คราวนี้ไม่ผิดกติกา ) แ ล ะ ...ไม่ต้องเล่าต่อก็คงจะเดาออกนะครับว่า หลังจากการฝึกครั้งนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว ตชด.ทั้งค่ายนเรศวรและค่ายมฤคทายวัน แห่พากันไปที่ไหน ก็ไปวัดเขาบันไดอิฐแน่นอน และหลังจากนั้น ด้วยความเลื่อมใสและสำนึกในพระคุณของพระเกจิอาจารย์ผู้มีคุณอันวิเศษ พี่สงค์ฯจึงลาบวชและไปบรรพชาที่วัดเขาบันไดอิฐนั่นเอง และด้วยความที่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงสนับสนุนมากทั้งวงการพระเครื่องและวงการ ศิลปินนักแสดง ระหว่างที่บวชอยู่ที่วัดเขายันไดอิฐนั้นนั่นเอง พี่สงค์จึงได้ชวนพรรคพวกสร้างพระผงญาณวิลาศรุ่นนี้ขึ้นมา ถวายให้หลวงพ่อแดงฯปลุกเสกหารายได้ทำนุบำรุงวัดครับ เท่าที่จำได้ มีพิมพ์พระสมเด็จ พิมพ์พระนางพญา และพิมพ์พระปิดตา และทำออกมาหลายสี ทั้งสีขาวอมเทา สีเหลือง สีแดง สีดำ และมีพิมพ์พิเศษบางพิมพ์ (เช่น พิมพ์พระอัครสาวก)เพื่อแจกให้กับพรรคพวกที่เป็นกรรมการร่วมจัดสร้าง และออกทุนทรัพย์ ซึ่งนอกจากเนื้อผงแล้วก็ยังได้สร้างเนื้อชิน ที่เป็นเนื้อชินได้นำไปบรรจุกรุเอาไว้ที่วัดเขาบันไดอิฐนั่นเอง ขอฝากข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ตรงนี้หน่อยนะครับ พิมพ์สมเด็จสีขาวพิมพ์ตื้นนั้นสร้างขึ้นมาก่อน โดยพี่สงค์ฯซึ่งจบจากเพาะช่างร้อนวิชาครับ อยากแกะพิมพ์เองจึงได้ร่วมมือกับช่างกี่ฯแกะพิมพ์โดยล้อพิมพ์พระสมเด็จวัด ระฆังขึ้น รวมทั้งพิมพ์พิเศษต่าง ๆ แต่เมื่อกดพิมพ์ออกมาแล้ว ในเมื่อเนื้อขององค์พระมีมวลสารที่เป็นส่วนผสมของมงคลวัตถุหลากหลายและยังมี ผงโลหะเป็นส่วนผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จึงได้องค์พระที่แลดูตื้นไม่ชัดเจน พอคนนั้นติคนโน้นติ พี่สงค์ฯก็ไม่สบายใจ เลยตัดสินใจทำพิมพ์ใหม่ให้ลึกกว่าเดิมโดยจ้างให้นายช่างบุงเป็นผู้แกะพิมพ์ ครั้นเมื่อสำเร็จเสร็จสรรพแล้วจึงนำพิมพ์ลึกออกมาให้ทำบุญก่อน เมื่อพิมพ์ลึกหมดถึงเอาพิมพ์ตื้นออกมาให้บูชา สรุปว่าพิมพ์ตื้นสร้างก่อนแต่ออกให้ทำบุญทีหลัง ส่วนพิมพ์ลึกสร้างทีหลังแต่ออกให้ทำบุญก่อนครับ.....หลวงพ่อแดงปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา ๑ ไตรมาส มวร สารในการจัดสร้างพระผงญาณวิลาศนั้นประกอบด้วยมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมาย ซึ่งหลวงพ่อใช้เวลารวบรวมนานหลายปี เช่น ๑.ชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมที่ชำรุด ๒.ปูนจากส่วนที่เป็นอุณาโลมของหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร ๓.ผงพระวัดเงินคลองเตย ๔.ผงพระวัดสามปลื้ม ๕.ผงพระหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ๖.ผงพระหลวงปู่วด วัดช้างไห้ ปี ๒๔๙๗ ๗.ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๘.ทองคำเปลวที่ติดเสาหลักเมืองจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ๙.ดินใจกลางเมือง "ชัย"๙ แห่ง ( ชัยภูมิ ชัยนาท พิชัย ชัยบาดาล เด่นชัย ไชยา มหาชัย นครไชยศรี และหริภุญไชย ) ๑๐.เหล็กยอดปราสาท ยอดเจดีย์ เหล็กบ่อน้ำพี้ เหล็กตรึงปั้นลม ฯลฯ ๑๑.ดินโป่ง ๗ โป่ง ดินท่า ๗ ท่า ๑๒.น้ำพระพุทธมนตร์และเทียนชัย พุทธาภิเษกจาก ๑๐๙ วัด ๑๓.ว่าน ๑๐๘ ๑๔.ชนวนพระกริ่งวัดสุทัศน์ วัดบวรฯ วัดราชบพิธ วัดป่าเลไลย์ วัดเทวสังฆราม ฯลฯ ๑๕.ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และผงตรีนิสิงเห ของหลวงพ่อแดง และพระเกจิดังหลายรูป ๑๖.ชานหมากของหลวงพ่อแดง ทาง คณะผู้จัดสร้างพระชุดนี้ได้นำมวรสารไปเข้าพิธีปลุกเสกตามวัดต่าง ๆ มากกว่า ๓๐๐ แห่งตั้งแต่ปี ๒๕๑๑ นอกจากนี้ยังนำไปให้ท่านเจ้าคุณนรฯ และหลวงปู่แหวนอฐิษฐานจิตอีกด้วย ต่อไปเป็นประสบการณ์จากดร.สุเมธ ตันติเวชกุลครับ... .เมื่อคราวเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ที่จังหวัดเพชรบุรี ยังผลให้วัวและควายต้องล้มตายนับจำนวนมาก สัตว์แพทย์เองก็ถึงกับจนปัญญา หมดทางจะบำบัดเยียวยา หมดทางจะกำจัดแก้ไข คราวนั้นใครๆ ก็จำได้ว่าโรคร้ายสงบเงียบลงเพราะความขลัง และศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์แขวนคอของคุณพ่อ วัวควายตัวไหนถ้ามีผ้ายันต์ผูกคอเป็นรอดตายทุกตัว ผ้ายันต์นี้ผืนเล็ก ขนาดกว้างยาวประมาณ ๔ x๗ นิ้ว แต่ผ้ายันต์ที่สมบูรณ์จริงๆ ผืนใหญ่กว่า คือขนาดประมาณผ้าเช็ดหน้าผู้ชาย มีอักขระเลขยันต์เต็มไปทั้งผืน ใช้ได้สารพัดอย่าง ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปัจจุบันท่านเลิกทำแล้ว สำหรับยันต์ผืนใหญ่ ด้วยตาท่านมองไม่เห็น จากเรื่องของผ้ายันต์นี้ ผมขอเล่าให้ทราบว่า.... เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ผมขับรถไป และได้ไปคว่ำกลางทางถึงยับเยิน เพราะพลิกถึง ๓ ตลบ ในขณะที่วิ่งไปด้วยความเร็ว ๑๓๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวผมเองขณะนั้นหลุดออกมาครึ่งตัว ทางหน้าต่างรถด้านตรงข้าม หลังคารถก็ยุบลงมาทับขา นี่แสดงว่าตัวผมต้องหลุดออกมาในระหว่างรถคว่ำ แต่ทว่า...ทำไมผมจึงไม่ถูกตัวรถทับครูดกับพื้น ท่านเชื่อไหมครับ ? ตัวผมไม่เป็นอะไรเลย นอกจากมีแผลเล็กๆ ที่แขนข้างซ้ายเท่านั้น เหตุทั้งนี้ก็เพราะว่า ในรถของผมขณะนั้นมีผ้ายันต์ของคุณพ่อผูกไว้ ๒ ผืน ในตัวผมวันนั้นไม่ได้มีพระติดมาสักองค์เดียว เมื่อไปนมัสการท่าน และกราบเรียนให้ท่านทราบ ท่านก็หันไปยกมือไหว้พระบนหิ้งบูชา แล้วบอกผมว่า "คุณพระรัตนตรัยมาช่วยทัน" นี่แสดงว่า ท่านถือว่าท่านเป็นแต่ผู้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาสถิตในตัวเราเท่านั้นเอง ไม่เคยหลงว่าเป็นของตัวท่านเลย หลายๆ คน คงจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเหมือนกัน หากผมจะบอกให้ทราบว่า คุณพ่อเองก็พกเหรียญเหมือนกัน โดยเอาใส่ไว้ในย่าม เวลาไปไหนมาไหน เหรียญที่ท่านติดใส่ย่ามไปนี้ มีอยู่สองเหรียญด้วยกัน ท่านเอาเข็มกลัดซ่อนปลายกลัดรวมกันไว้ เหรียญหนึ่ง เป็นเหรียญหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน อีกเหรียญหนึ่งก็เป็นอาจารย์ของท่านเช่นเดียวกัน จำชื่อไม่ได้ อยู่จังหวัดนครปฐม ..... ท่านเล่าว่าท่านมีอาจารย์อยู่ ๓ องค์ องค์ที่อยู่จังหวัดนครปฐมนั้น ท่านบอกว่าเก่งมาก สามารถย่นระยะทางได้ ลูกศิษย์ขึ้นรถไฟที่สถานีธนบุรี (บางกอกน้อย) หลวงพ่อลงไปฉันน้ำ รถไฟออกท่านก็ไม่ขึ้นมา ลูกศิษย์นึกว่าท่านตกรถไฟ ทำเอาใจไม่ดี ทำไงล่ะ ? แต่พอถึงวัด ลูกศิษย์ก็เห็นท่านนั่งปร๋ออยู่ที่วัดแล้ว สร้างความตื่นตะลึงแก่บรรดาลูกศิษย์เป็นอันมาก..... ขอย้อนกล่าวถึงเหรียญสองเหรียญที่คุณพ่อพกติดไว้ในย่ามอีกนิด ขณะที่ท่านรับนิมนต์ไปฉันเพล ณ บ้านแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง ปรากฏว่ามีมือเลวมาล้วงเอาเหรียญพระ ๒ องค์นั้นไปเสียแล้ว ท่านบ่นเสียดายอยู่เป็นหลายวัน (ท่านคงเสียดายเพราะเป็นของที่ครูบาอาจารย์มอบให้มากกว่าอย่างอื่น : ความเห็นของผม) .... ท่านที่รัก... "คุณพ่อ" ที่ผมเล่าให้ฟังมาแต่ต้นนี้ ท่านคงเดาออกซีครับว่า "คุณพ่อ" นี้คือใคร ถ้ายังสงสัยอยู่ผมจะบอกให้ก็ได้ครับ ท่านคือ "คุณพ่อแดง" หรือนัยหนึ่ง "หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรี ที่ท่านรู้จักกันทั่วทั้งประเทศไทย..... .........ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ......... มีต่ออีกนะครับ ติดตามอ่านได้ที่ http://www.amulet2u.com/board/q_view.php?c_id=3&q_id=15824 "หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ ท่านเป็นพระเกจิที่มีญาณสมาธิแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูงพอที่จะเพ่งเครื่องรางให้ขลังได้ ผ้ายันต์และเหรียญลงยันต์ของหลวงพ่อแดงจึงมีผู้นิยมเ สาะหาไปบูชากันมาก แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๗ แต่ความนิยมเลื่อมใสศรัทธา ความเชื่อมั่นในกฤตยาคม อภินิหาร และอาคมขลังในวัตถุมงคลของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลาย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีอะไรดี ทำไมใครๆ ทั่วสารทิศจึงพากันมาวัดเขาบันไดอิฐกันไม่ขาดสาย |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | อา. - 04 ก.ค. 2553 - 15:57.36 |
วันปิดประมูล |
พ. - 14 ก.ค. 2553 - 15:57.36 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 100 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...