เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน) - webpra

ประมูล หมวด:หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม - หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก - หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี - หลวงปู่เจียม วัดอินทราสุการาม

เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน)

เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน) เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน) เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน) เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน) เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน)
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ (บล็อกนิยมจมููกซ้อน)
รายละเอียดเหรียญที่ระลึก ๙๐ ปี หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ เนื้อทองแดง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ บล็อกนิยมจมูกซ้อน
*** มี ๒ บล็อก ๑.บล็อกแรกจมูกไม่ซ้อน ๒.บล็อกสองจมูกซ้อน(นิยม)*** ตัวตัดเป็นตัวเดียวกัน

@@@ *** ขอรับรองว่า วัตถุมงคลทุกองค์ที่นำมาลงในร้านได้ถ่ายรูปมาจากองค์จริงๆทุกองค์โดยใช้แสงจากธรรมชาติคือ"แสงแดด" **"ก่อนเตาะประมูล"**กรุณาดูรายละเอียดและความพึงพอใจก่อน ครับผม @@@ *** ***(วัตถุมงคลจัดส่ง EMS ลงทะเบียนให้ทั้งหมดทุกชนิดครับ)*****ผู้ชนะการประมูลกรุณาโอนเงินหลังปิดประมูลภายในกำหนดไม่เกิน 7 วันครับ)

***จัดสร้างทั้งหมด ๓ เนื้อ ดังต่อไปนี้
๑. เนื้อทองคำ จำนวนการสร้าง ๑๐ เหรียญ
๒. เนื้อเงิน จำนวนการสร้าง ๑๐ เหรียญ
๓. เนื้อทองแดง จำนวนการสร้าง ๑๐,๐๐๐ เหรียญ
***ปาฏิหาริย์เหรียญหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์ ครบรอบ ๙๐ ปี พ.ศ.๒๕๒๐
เมื่อช่วงที่จตุคามกำลังฮ็อตสุดๆ พระครูมงคลประภัสสรศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม ตำบลตระแสง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้เล่าว่า พระอาจารย์หยัด เจ้าอาวาสวัดจอมสุรินทร์ ตำบลแกใหญ่ อำเภอมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดสายธรรมยุติกนิกายสายหลวงปู่ดูลย์ ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางทิศเหนือทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด ประมาณ ๕ – ๖ กิโลเมตร มีผู้ถวายจตุคามรามเทพ ด้วยความที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติไม่ได้สนใจเครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลใดๆ ท่านจึงนำเอาจตุคามฯรุ่นดังกล่าวใส่ลงไปในถุงหูหิ้ว ซึ่งในนั้นมีเหรียญหลวงปู่ดูลย์ ครบรอบ ๙๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เนื้อทองแดง มีเหรียญเดียวเท่านั้น โดยท่านและพระลูกวัดนั่งล้อมวงสนทนาธรรมหรือฉันน้ำปานะกันอยู่ก็จำไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาหลายคู่และสร้างความตกใจและแปลกใจ! พระทุกรูปต่างตกตะลึง! นั่นก็คือ จตุคามรามเทพแตกเสียงดังสนั่นและหักเป็นท่อน ทั้งๆที่อยู่ในตลับไม่มีอะไรทับเลย!และอยู่ด้านบนเหรียญหลวงปู่ดูลย์รุ่นดังกล่าวเสียด้วย พระอาจารย์หยัดท่านจึงได้ยกมือไหว้ขอขมาหลวงปู่ที่ท่านได้ลบหลู่ล่วงเกินโดยไม่เจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และนำเหรียญรุ่นดังกล่าวไปไว้ในที่เหมาะสม
***อนึ่ง เหรียญรุ่นนี้ เป็นเหรียญที่ยังไม่แพงมากแต่ก็มากล้นไปด้วยพุทธคุณ ถ้าท่านต้องการเหรียญดีมีประสบการณ์ ขอแนะนำให้ท่านเลือกรุ่นนี้ครับ
ธรรมโอวาท
สำหรับหลวงปู่ดุลย์ นั้น ท่านเล่าว่าได้ตริตรองพิจารณาตามหัวข้อกัมมัฏฐานว่า "สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สพฺเพ สญฺญา อนตฺตา" ที่ท่านพระอาจารย์มั่นให้มา ในเวลาต่อมาก็เดิความสว่างไสวในใจชัดว่า เมื่อสังขารขันธ์ดับได้แล้ว ความเป็นตัวตนจักมีไม่ได้ เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นความปรุงแต่งขาดไป ความทุกข์จะเกิดขึ้นอย่างไร และจับใจความอริยสัจจแห่งจิตได้ว่า
๑. จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
๒. ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
๓. จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
๔. ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
แล้วท่านเล่าว่า เมื่อทำความเข้าใจในอริยสัจทั้ง 4 ได้ดังนี้แล้ว ก็ได้พิจารณาทำความเข้าใจใน ปฏิจฺจสมุปบาท ได้ตลอดทั้งสาย
คติธรรม ที่ท่านสอนอยู่เสมอ คือ
"อย่าส่งจิตออกนอก"
"จงหยุดคิดให้ได้"
"คิดเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดให้ได้จึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิด นั่นแหละจึงรู้"
"คนในโลกนี้ต้องมีสิ่งที่มี เพื่ออาศัยสิ่งนั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติถึงสิ่งที่ไม่มีและอยู่กับสิ่งที่ไม่มี"
***ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
หลวงปู่ดุลย์ ถือกำเนิด ณ บ้านปราสาท อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2430 ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะนี้พระยาสุรินทร์ฯ (ม่วง) ยังเป็นเจ้าเมืองอยู่ แต่ไปช่วยราชการอยู่จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากเจ้าเมื่ออุบลฯ และกรมการเมืองชั้นผู้ใหญ่ต้องไปราชการทัพเพื่อปราบฮ่อ
บิดาของท่านชื่อ นายแดง มารดาชื่อ นางเงิน นามสกุล "ดีมาก" แต่เหตุที่ท่านนามสกุลว่า "เกษมสินธุ์" นั้น ท่านเล่าว่า เมื่อท่านไปพำนักประจำอยู่ที่วัดสุดทัศนารามจังหวัด อุบลราชธานีเป็นเวลานาน มีหลานชายคนหนึ่ง ซื่อพร้อม ไปอยู่ด้วยท่านจึงตั้งนามสกุลให้ว่า "เกษมสินธุ์" ตั้งแต่นั้นมาท่านก็เลยใช้นามสกุลว่า "เกษมสินธุ์" ไปด้วย
ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 5 คนด้วยกัน
ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดชุมพลสุทธาวาส ในเมืองสุรินทร์ โดยมี
พระครูวิมลสีลพรต (ทอง) เป็น พระอุปัชฌาย์
พระครูบึก เป็น พระกรรมวาจาจารย์
พระครูฤทธิ์ เป็น พระอนุสาวนาจารย์
หลวงปู่ดุลย์ เป็นผู้มีอุปนิสัยเยือกเย็น พูดน้อย สงบ อยู่เป็นนิตย์ มีวรรณผ่องใส ท่านรักความสงบจิตใจใฝ่ในความวิเวกมาก จะเห็นได้ว่าท่านชอบสวดมนต์บท "อรญฺเญ รุกขมูเลวา สุญฺญาคาเรวา ภิกฺขโว ... " มาก
ธรรมโอวาท
สำหรับหลวงปู่ดุลย์ นั้น ท่านเล่าว่าได้ตริตรองพิจารณาตามหัวข้อกัมมัฏฐานว่า "สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สพฺเพ สญฺญา อนตฺตา" ที่ท่านพระอาจารย์มั่นให้มา ในเวลาต่อมาก็เดิความสว่างไสวในใจชัดว่า เมื่อสังขารขันธ์ดับได้แล้ว ความเป็นตัวตนจักมีไม่ได้ เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นความปรุงแต่งขาดไป ความทุกข์จะเกิดขึ้นอย่างไร และจับใจความอริยสัจจแห่งจิตได้ว่า
1. จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
2. ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
3. จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
4. ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
แล้วท่านเล่าว่า เมื่อทำความเข้าใจในอริยสัจทั้ง 4 ได้ดังนี้แล้ว ก็ได้พิจารณาทำความเข้าใจใน ปฏิจฺจสมุปบาท ได้ตลอดทั้งสาย
คติธรรม ที่ท่านสอนอยู่เสมอ คือ
"อย่าส่งจิตออกนอก"
"จงหยุดคิดให้ได้"
"คิดเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดให้ได้จึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิด นั่นแหละจึงรู้"
"คนในโลกนี้ต้องมีสิ่งที่มี เพื่ออาศัยสิ่งนั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติถึงสิ่งที่ไม่มีและอยู่กับสิ่งที่ไม่มี"
ปัจฉิมบท
สังขารธรรมหนึ่งอุบัติขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2430 ณ บ้านปราสาท ตำบลเฉลียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ได้เจริญเติบโตและรุ่งเรืองมาโดยลำดับตามวัย ได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องดีงามอยู่ภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์เป็นเวลานานถึง 64 พรรษา ท่านประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงามของชาวพุทธตลอดเวลา เป็นเนื้อนาบุญของโลก ท่าทนเป็นพุทธสาวกอย่างแท้จริง ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ บัดนี้สังขารขันธ์นั้นได้ดับลงแล้ว ตาม สภาวธรรม เมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2526
แม้ว่า หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ได้สละทิ้งร่างกายไปแล้ว แต่เมตตาธรรมที่ท่านได้ประสาทไว้แก่สานุศิษย์ทั้งหลาย ยังเหลืออยู่ คุณธรรมดังกล่าวยังคงประทับอยู่ในจิตใจของทุกๆ คนไม่ลืมเลือน

@@@ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้าน"ฉลองชัยพระเครื่อง"@@@
***ขอเชิญเลือกชมวัตถุมงคลในร้านตามอัธยาศัยสนใจ...พอใจวัตถุมงคล องค์ไหนเชิญสอบถามรายละเอียดและต่อรองราคากันได้ครับ...ที่ *** โทร 085-1917184 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 22.30 น.ทุกวัน
***รายละเอียดในการโอนเงิน *** ชื่อบัญชี ฉลองชัย ป้อมไทย ธนาคาร กรุงไทย สาขา สัตหีบ บัญชีออมทรัพย์เลขที่บัญชี 230-0-20121-6 @@@ ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ได้กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมชมวัตถุมงคล ร้าน"ฉลองชัยพระเครื่อง" ขอให้ท่านจงมีสุขภาพแข็งแรงโชคดี มั่งมี ศรีสุขครับผม @@@
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน1,800 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูลส. - 19 ก.ค. 2557 - 11:55.25
วันปิดประมูล พฤ. - 24 ก.ค. 2557 - 02:06.36 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 1,800 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ50 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
150 บาท ส. - 19 ก.ค. 2557 - 13:22.54
1,000 บาท อา. - 20 ก.ค. 2557 - 19:55.55
1,500 บาท จ. - 21 ก.ค. 2557 - 22:53.33
1,800 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) พ. - 23 ก.ค. 2557 - 02:06.36
กำลังโหลด...
Top