พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ พระรอดเมืองใต้ ยอดพระในดวงใจของใคร ๆหลายคน - webpra

ประมูล หมวด:พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525

พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ พระรอดเมืองใต้ ยอดพระในดวงใจของใคร ๆหลายคน

พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ พระรอดเมืองใต้ ยอดพระในดวงใจของใคร ๆหลายคน
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ พระรอดเมืองใต้ ยอดพระในดวงใจของใคร ๆหลายคน
รายละเอียดพระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ บางครั้งก็เรียกขานกันว่า พระขรัวอีโต้ลอยน้ำ เป็นพระกรุที่บรรจุไว้ในเจดีย์ในวัดราษฎร์บูรณะ และในเจดีย์วัดเทพากร เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตามตำนานขรัวอีโต้ หรือหลวงพ่อขรัวอีโต้ เป็นภิกษุรูปหนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย คือสมัยเสียกรุงครั้งหลังสุด (พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ประชาชนถูกกวาดต้อนไป เป็นเชลยยังกรุงหงสาวดีเป็นอันมาก รวมทั้งพระสงฆ์สามเณรด้วย ในจำนวนนั้นมีภิกษุรูปหนึ่ง ได้ร่วมไปในกลุ่มเชลยศึกพร้อมทั้งโยมหญิง โยมชาย พี่ร่วมท้องน้องร่วมสายโลหิต ต้องตกไปเป็นเชลยพม่าอยู่เป็นเวลาแรมปี ภายหลังเมื่อโยมบิดามารดาที่ชราอยู่แล้ว และต้องตกระกำลำบากจากบ้านเกดเมืองนอนไปอยู่แดนศัตรู มีความทุกข์ระทมใจเป้นอย่างมากก็ถึงแก่ความตายทั้งสองท่าน
พระภิกษุรูปนั้นจึงหดความห่วงใย ไม่คิดจะอยู่ในหงสาวดีต่อไป ท่านจึงเล่าความในใจให้น้องสาวของท่านฟัง น้องสาวของท่านเห็นดีตามที่พระพี่ชายคิดไว้ พอได้ฤกษ์งามยามดีในราตรีกาลวันหนึ่ง พระภิกษุและน้องสาวจึงหลบหนีจากแดนเชลยในหงสาวดี มุ่งหน้าสู่กรุงศรีอยุธยา โดยเหตุที่ท่านเป็นผู้เรืองวิชาอาคม ท่านจึงพาน้องสาวของท่านหลบหนีข้าศึก รอนแรมมาในระหว่างทาง ค่ำที่ไหนก็หยุดพักนอนที่นั่น โดยใช้มีดอีโต้ที่ถือติดมือมาเล่มเดียว วางไว้ตรงกลางระหว่างตัวท่านนอนข้างหนึ่ง น้องสาวของท่านนอนข้างหนึ่ง รอนแรมเรื่อยมาเป็นเวลาแรมเดือน เล่ากันมาว่าจนผมยาวดังองคุลี เป็นที่ผิดสังเกต เพราะสมัยนั้นพระสงฆ์ 15 วันปลงผมครั้งหนึ่ง เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาและบ้านเกิดแล้ว เห็นแต่บ้านร้างเมืองว่างเปล่าปรักหักพังไม่มีผู้คนอาศัย ต้องย้ายไปอยู่บางกอก ท่านจึงพาน้องสาวของท่านเดินทางต่อไปยังบางกอก แล้วพักอยู่จำพรรษาที่วัดเลียบ หรือวัดราชบุรณะในปัจจุบัน
ในวันสองวันนั้น ก็มีเหตุไม่ดีงามเกิดขึ้น โดยประชาชนโจทก์ขานกันว่า ท่านเป็นผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์บ้าง เป็นปราชิกบ้าง เพราะอยู่ร่วมด้วยสตรีมาเป็นเวลานาน ท่านไม่โต้ตอบด้วยประการใด แต่ยืนยันว่า ศีลของท่านยังบริสุทธิ์อยู่ ไม่ด่างพร้อยแม้แต่น้อย ประชาชนค้านว่า ใครจะเชื่อท่านได้ ท่านตอบว่า เราและน้องเรารู้ดี และอีโต้เล่มนี้แหละเป็นพยาน แล้วท่านก็ถืออีโต้เล่มนั้นเดินไปที่สระน้ำพร้อมกับประชาชน (สระนี้ เมื่อวัดอยู่ในสภาพเดิม ตั้งอยู่ระหว่างคณะ 14 กับคณะ 16 กว้างประมาณ 10 วา ยาวประมาณ 20 วา อยู่กลางวัด) สำหรับพระสงฆ์ใช้เป็นน้ำฉัน ผู้ใหญ่เล่าว่า เมื่อสมัยก่อน สระน้ำนี้เป็นสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ มีหินใหญ่ลอยอยู่แผ่นหนึ่ง พระเณรเวลาจะเข้าแปลหนังสือเป็นมหาบาเรียญมักมาขออาบน้ำในสระนี้ ฯลฯ ต่อมามีคนไปทำสกปรกหินเลยจมหายไป ภายหลังเป็นที่ต่อมามีคนไปทำสกปรกหินเลยจมหายไป ภายหลังเป็นที่ปล่อยเต่า-ปลา มีเต่าใหญ่ ๆ ปลาใหญ่ ๆ มากปัจจุบัน ถูกถมเป็นที่สร้างเป็นอาคารพานิชซึ่งตรงข้าม ร.ร.สวนกุหลาบฝั่งวัดขณะนี้ พลางตั้งสัตย์อธิษฐานว่า "หากศีลจารวัตรของข้าพเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ ขอให้มีดโต้เล่มนี้จงลอยอยู่ผิวน้ำปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย หากข้าพเจ้าวิบัติโดยศีลจารวัตรแล้ว ก็ขอให้มีดเล่มนี้จงจมลงในน้ำนี้ตามสภาพเถิด" อธิษฐานแล้วท่านก็โยนมีดลงไป ปรากฏเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่ง เพราะมีดเล่มนั้นลอยน้ำประจักษ์แก่สายตาของประชาชนทั่วไปที่มุ่งดูอยู่ในที่นั้น

ด้วยความมหัศจรรย์นี้ ทำให้กิตติศัพท์ของท่านขจรไปอย่างรวดเร็ว ว่าท่านมีศีลาจารวัตรบริสุทธิ์จริง ๆ ประชาชนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ถึงกับขนานนาม ท่านว่า "ขรัวอีโต้ลอยน้ำ" เมื่อท่านแสดงความบริสุทธิ์ให้ปรากฏดังนั้นแล้ว จึงเป็นที่เคารพนับถือของปวงชนทั่วไปตลอด จนกระทั่งเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ จนสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกพระราชทานสมณศักดิ์ที่ "สมเด็จพระศรีสมโพธิราชครู" แต่ประชาชนยังเรียกท่านว่า หลวงพ่อขรัวอีโต้ และสืบปากคำต่อกันมาจนปัจจุบันนี้ ในสมัยพระพุทธเลิศนภาลัย สมเด็จพระศรีสมโพธิราชครูได้ทิ้งผลงาน ที่ท่านสร้างไว้คือ พระเครื่องขนาดเล็กที่เรียกว่า "พระขรัวอีโต้ลอยน้ำ" ปรากฏหลักฐานการสร้างในจารึกแผ่นทอง

การขุดพบพระขรัวอีโต้
พระกรุนี้แตกออกมาด้วยการถูกขุดเจาะประมาณปี พ.ศ.2475 ขณะมีการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าแต่มีจำนวนไม่มากนัก จนกระทั่ง พ.ศ.2486 สงครามกำลังถึงจุดเดือด สัมพันธมิตรนำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดถล่มสะพานพุทธฯ และโรงไฟฟ้าวัดเลียบจึงหลงมาถล่มลงที่พระอุโบสถน์และลานวัดจนเจดีย์ทะลาย พระชุดนี้จึงทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก

พุทธลักษณะ
เป็นพระพุทธประทับนั่งมารวิชัยอยู่ในทรงกรอบรูปเล็บมือปลายแหลมรองรับด้วยบานเส้นลวดเกลี้ยงสองชั้นและซุ้มกรอบด้านนอกก็เป็นซุ้มเส้นลวดเกลี้ยงเช่นกัน เป็นพระเนื้อดินผสมผงลงรักปิดทองมาแต่ในกรุอย่างงดงาม ของปลอมเป็นพระถอดพิมพ์จึงหดและฝ่อกว่าของจริง รักทองก็สดใหม่แม้จะมีการแช่ด่างทับทิมเพื่อให้ดูหม่นเก่าแต่ท
ราคาเปิดประมูล999 บาท
ราคาปัจจุบัน3,599 บาท (ถึงราคาประมูลด่วน)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 26 พ.ค. 2554 - 22:51.29
วันปิดประมูล ส. - 28 พ.ค. 2554 - 14:45.14 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 3,599 บาท (ถึงราคาประมูลด่วน)
ราคาประมูลด่วน3,599 บาท
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
1,099 บาท ส. - 28 พ.ค. 2554 - 12:17.57
1,599 บาท ส. - 28 พ.ค. 2554 - 12:18.09
1,999 บาท ส. - 28 พ.ค. 2554 - 12:19.42
3,199 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) ส. - 28 พ.ค. 2554 - 14:44.44
3,599 บาท (ถึงราคาประมูลด่วน) ส. - 28 พ.ค. 2554 - 14:45.14
กำลังโหลด...
Top