ประมูล หมวด:เครื่องรางของขลัง
มีดเทพศาตราวุธ หล่อด้วยโลหะอาถรรพ์
ชื่อพระเครื่อง | มีดเทพศาตราวุธ หล่อด้วยโลหะอาถรรพ์ |
---|---|
รายละเอียด | เทพศาสตราวุธ อาวุธแห่งเทพเจ้า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธมายาวนานกว่าพันปีแล้ว มีพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถด้านวิปัสสนาสัมมาปฎิบัติและเคร่งครัดในธรรมวินัยทั้งมีความเชี่ยวชาญในด้านอาคมที่สืบทอดกันมายาวนานสามารถคิดค้นพัฒนาวัตถุมงคล และเครื่องรางต่างๆ ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เครื่องรางต่างๆ ที่พระคณาจารย์เจ้าคิดค้นตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันมีมากมายหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีอานุภาพต่างๆ กันไป การสร้างก็จะนำวัสดุอาถรรพ์ต่างๆ และวัสดุที่มีชื่อเป็นสิริมงคลมาประกอบแล้วผูกด้วยพระพุทธมนต์บทต่างๆ นำมาร้อยเรียง ดัดแปลง แล้วถอดเป็นพระคาถาในการปลุกเสกโดยใช้กระแสจิตที่ฝึกมาดีแล้วมาบรรจุลงในเครื่องรางต่างๆ ซึ่งเป็นสูตรหรือวิธีการตายตัวในการสร้างเครื่องรางชนิดนั้นตกทอดมาถึงปัจจุบัน เครื่องรางที่ดีมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีองค์ประกอบดังนี้ ๑.ของจริง หมายถึง เป็นตำราเก่าที่สืบทอดกันมาจากบูรพาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจริง ๒.รู้จริง หมายถึง ผู้สร้างที่สืบทอดมาต้องรู้จริงในกระบวนการขั้นตอนการสร้างอย่างถูกต้อง แม่นยำ และเชี่ยวชาญ ๓.เห็นผลจริง หมายถึง เมื่อครบองค์ประกอบตามข้อ ๑ และข้อ ๒ แล้วเครื่องรางนั้นก็จะสมบูรณ์และศักดิ์สิทธิ์จริงตามสรรพคุณของเครื่องรางนั้นๆ จะเห็นได้ว่า กว่าจะเป็นเครื่องรางที่ดีนั้นต้องมีที่มาที่ไปชัดเจนผ่านประสบการณ์มาไม่น้อย เครื่องรางแต่ละอย่างมีวิธีอาราธนาแตกต่างกันไป มีวิธีใช้แตกต่างกันไป ผู้ที่ได้รับเครื่องรางต่างๆ ควรจะสอบถามพระอาจารย์ผู้สร้างว่ามีพระคาถากำกับอะไรบ้าง มีข้อห้ามประการใดบ้าง และปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นๆ หมั่นนำเครื่องรางมาบริกรรมพระคาถาที่พระอาจารย์ให้มาเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธ์อยู่เสมอ เครื่องรางชนิดหนึ่งที่อยากแนะนำให้ผู้อ่านที่สนใจ คือ ?มีดเทพศาสตรา ซึ่งจากการค้นคว้าข้อมูลมีความน่าสนใจมากไม่แพ้เครื่องรางชนิดอื่นๆ เลย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ กลัวผี แม้จะเป็นคนโหดเหี้ยมดุดันเพียงไร ถ้าเจอผีแล้วหมดสภาพเป็นคนโหดและดุดันไปเลยทันที มีดเทพศาสตรานี้แหละที่เป็นเครื่องรางกำราบผีได้ดีที่สุดซึ่งอานุภาพสามารถป้องกันลมเพลมพัด ทำลายอาถรรพ์ต่างๆ อันเกิดจากอาคมจากภูตผีปีศาจ เวลาจำเป็นต้องเดินป่าและค้างอ้างแรมในป่า นอนต่างถิ่นแปลกที่นี้จำเป็นจะต้องมีเพราะอาถรรพ์ป่ามีมากมายนัก สถานที่แปลกถิ่นแปลกที่ที่เราก็ไม่ทราบว่าจะมีอาถรรพ์อะไรบ้างมีดเทพศาสตรานี้สามารถสะกดสัตว์ร้ายและอสรพิษ นักเลงที่ว่าอยู่คงกระพัน ยิงฟันไม่เข้า ถ้าเจอมีดเทพศาสตราแล้ว ผิวหนังยุ่ยทุกคนเลยทีเดียวนักเลงอาคมหรือพวกเล่นของจะกลัวกันมาก สามารถอาราธนาทำน้ำมนต์ดื่มกินรักษาโรคอันเกิดจากอาคม เกิดจากอาถรรพ์ต่างๆ แม้แต่คนถูกผีเข้า อานุภาพของมีดเทพศาสตราเมื่อพกติดตัวยังเป็นมหาอุด และแคล้วคลาดจากภัยจากอาวุธทั้งปวง มีประสบการณ์มากมายสำหรับคนที่พกมีดเทพศาสตรา โดยเฉพาะของหลวงพ่อเดิม พุทธสโรที่ท่านได้สร้างไว้ ข้าพเจ้าจะพาท่านไปทำความรู้จักขั้นตอนของการทำมีดเทพศาตราว่ามีขั้นตอนอย่างไร แต่โบราณจะสร้างเป็นมีดดาบสำหรับพระมหากษัตริย์และแม่ทัพเพื่อออกรบทำลายอาถรรพ์ของศัตรูตำราการสร้างน่าจะถือกำเนิดในสมัยอยุธยาตอนปลาย กรรมวิธีการสร้างตามแบบโบราณนั้น สร้างยากมาก ตั้งแต่ใบดาบต้องหาวัสดุอาถรรพ์ต่างๆ นำมาหลอมและตีเป็นใบดาบ วัสดุต่างๆ ที่นำมาหล่อหลอมมีดังนี้ ตะปูโรงผีตายโหง, ตะปูสังขวานร, เหล็กยอดเจดีย์, เหล็กทิ่มผี (เหล็กที่ใช้เขี่ยศพให้ไฟได้เผาโดยทั่ว สำหรับการเผาศพกลางแจ้งในสมัยโบราณ) บาตรแตก, เหล็กน้ำพี้ ทุกอย่างเมื่อหาได้ครบแล้วต้องตั้งศาลเพียงตา บวงสรวง ต้องหาฤกษ์ยามในการตีใบมีด ต้องหาฟืนที่เป็นไม้มงคลมาสุมไฟ เบ้าหลอมก็ต้องลงยันต์และอักขระต่างๆ มีราชวัติฉัตรธง เพดานต้องดาดด้วยผ้าลงยันต์ ช่างตีต้องนุ่งขาวห่มขาว บางอาจารย์จะทำการหลอมแล้วลงถม คือหลอมแล้วตีเป็นแผ่น พระอาจารย์จะนำมาจารอักขระบนแผ่นโลหะจนทั่วแล้วนำไปหลอม ทำแบบนี้จนครบ ๙ ครั้ง หรือ ๑๐๘ ครั้ง แล้วแต่พระอาจารย์ผู้สร้าง เมื่อตีเป็นดาบแล้วจะนำมาบรรจุของมงคลต่างๆ ที่ด้าม เช่น บรรจุผงอิทธิเจ, ผงตรีนิสิงห์เห ผงปถมัง, ผงว่านยาต่างๆ บางอาจารย์ใส่ตะกรุดลงบรรจุไว้ด้วยแล้วผนึกด้วยครั่ง เสร็จแล้วนำมาปลุกเสกอีกทีนานแค่ไหนแล้วแต่พระอาจารย์จะพอใจ, ไม้ต่างๆ ที่นำมาทำด้ามและฝักก็จะใช้ไม้อันเป็นมงคล เช่น ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์, ไม้พยุง, ไม้ค้ำโบสถ์, งา, เขาสัตว์ เป็นต้น ในปัจจุบันการทำดาบดังกล่าวข้างต้นเห็นจะเลิกกันไปแล้ว เลิกไปนานเท่าใดไม่ทราบแน่น่าจะเลิกไปตั้งแต่ร้างลาการทำสงครามด้วยดาบตำราดังกล่าวก็ได้เปลี่ยนแปลงประยุกต์เป็นการทำมีดพกในขนาดต่างๆ ขนาดใหญ่ที่สุดก็คงประมาณไม่เกินศอก แต่ก็มีจำนวนน้อยไม่แพร่หลาย เนื่องจากทำไว้ใช้เฉพาะตัว พกพาลำบาก มีดเทพศาสตราได้แพร่หลายมากในยุคสมัยของ ท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทธสโร) ในยุคแรกๆ ท่านทำให้ลูกศิษย์ของท่านที่ต้องรอนแรมในป่าเพื่อชักลากไม้มาสร้างศาลา สร้างโบสถ์ มูลเหตุที่ต้องสร้างมีดเทพศาสตรา เนื่องจากศิษย์ของท่านยามเมื่อเข้าป่าตัดไม้มักเจ็บป่วย ถูกอาถรรพ์ป่าเล่นงาน ถูกผีป่าบ้าง นางไม้บ้าง ไข้ป่าบ้างเล่นงานมาบางครั้งช้างตกมันบังคับไม่อยู่ทำให้ควาญช้างได้รับอันตรายท่านเลยสร้างให้ลูกศิษย์ไว้พกติดตัวเพื่อป้องกันภัยแลอาถรรพ์ป่าเมื่อลูกศิษย์พกติดตัวปัญหาต่างๆ คลี่คลายลูกศิษย์ทุกคนต่างประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ของมีดเทพศาสตราที่ท่านทำร่ำลือกันปากต่อปากคนที่ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาขอให้ท่านทำให้จนทำแทบไม่ทันเพราะในยุคก่อนชาวบ้านส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพหาของป่าและชักลากไม้มาทำประโยชน์และนำมาจำหน่ายเพื่อหาเลี้ยงชีพเมื่อมีคนต้องการมาก กรรมการวัดจึงดำหริสร้างเพื่อให้ผู้ศรัทธาได้เช่า บูชาซะเลย เพื่อนำปัจจัยต่างๆ มาสร้างสาธารณะประโยชน์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีดเทพศาสตราของท่าน แพร่หลายอยู่มากพอสมควร ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก และได้มีโอกาสศึกษาให้ความสนใจในมีดเทพศาสตรานี้ กรรมวิธีที่ท่านสร้างได้สอบถาม คนเก่าหลายท่านที่ได้รู้ได้เห็นต่างบอกตรงกันว่า ได้ว่าจ้างช่างให้ตีมีดมาส่งให้ท่าน เหล็กใบมีดนั้นแล้วแต่ช่างจะหามาตี อักขระต่างๆ บนตัวมีด ช่างจะเป็นคนนำมาขอให้หลวงพ่อเดิม เห็นชอบแล้วค่อยตอกลงบนใบมีดอีกที เสร็จแล้วจะนำมาที่วัดให้พระเณรช่วยกัน บรรจุของมงคล, แผ่นยันต์ลงในด้ามแล้วนำมาให้ท่านปลุกเสก อธิษฐานจิตอีกที มีดในยุคแรกจะเป็นขนาดใหญ่ประมาณ ๑ ศอก ฝักไม้ ด้ามไม้ แหม(แหวนรัดฝัก) อาจจะเป็นหวายถัก ต่อมาได้มีการทำเป็นฝักไม้ ด้ามงา และฝักงา ด้ามงา ตั้งแต่ ๑ ศอก, ขนาด ๙ นิ้ว (ขนาดของใบมีด), ขนาด ๖ นิ้ว, ขนาด ๕ นิ้ว และขนาดปากกา ๒.๕ นิ้ว, ๒ นิ้ว และนิ้วครึ่ง ขนาดปากกาจะทำด้วยงาทั้งหมด แหวนรัดด้ามรัดฝักนั้นทำด้วยเงิน ทำด้วย ๓ กษัตริย์ คือทองนาค เงิน ก็มี ยุคสมัยของหลวงพ่อเดิม พุทธสโรนั้นเป็นยุคทองของมีดเทพศาสตราก็ว่าได้ ทำให้คนรู้จักมีดเทพศาสตรานี้มากขึ้น ท่านมีศิษย์ถ่ายทอดการทำมีดเทพศาสตราหลายรูปด้วยกัน เช่น หลวงพ่อกัน วัดเข้าแก้ว, หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร, หลวงพ่อน้อย วัดหนองโพ,หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ, หลวงพ่อโอด วัดจันเสน หลวงพ่อโอน วัดโคกเดื่อฯลฯ สักกัสสะ วะชิราวุธัง เวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธัง อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง ยะมะนัสสะ นะยะนาวุธัง อิเมทิสวา สัพเพ ยักขา ปะลายันติฯ ๑.สักกัสสะ วะชิราวุธัง (วัชระ ของพระอินทร์ ) ๒.เวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธัง (กระบอง ของท้าวเวสสุวรรณ) ๓.อาฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง (บ่วงบาศ ของท้าวอาฬาวะกะยักษ์ ) ๔.ยะมะนัสสะ นะยะนาวุธัง (นัยน์ตา ของท้าวพญายม ) ซึ่งต่อมาก็ได้ศึกษาบทสวดพระคาถาอาวุธทั้ง ๕ หรือ ปัจจะอาวุธ เพิ่มเติมมาอีก คือ สักกัสสะวชิราวุธธัง เวสสุวัณณัสสะคธาวุธธัง ยะมัสสะนัยยะนาวุธธัง อาฬาวะกะทุสาวุธธัง นารายัสสะจักราวุธธัง ปัญจะอาวุธธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธธา ภัคคะ ภัคคา วิจุณณัง วิจุณณาโลมัง มาเมนะ พุทธะสันติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเสติฐาหิ ซึ่งในบทนี้ จะเพิ่มอาวุธของ พระนารายณ์มาอีกหนึ่งนั้นคือ ๕.นารายัสสะจักราวุธธัง (จักร ของพระนารายณ์) ซึ่งพระคาทั้งสองนี้ หลักๆ แล้วสวดใส่ในอาวุธ หรือมีดหมอ หรือต้นข่าต้นไพร ตามตำราที่ว่าไว้ และที่ข้าพเจ้าได้ยกพระคาถาบทนี้มา เพราะได้ศึกษาเรื่องพระคาถาและยันต์ต่างๆ ควบคู่กันไปด้วยมาตั้งแต่สมัยเด็กจนมีครูบาร์อาจารย์สอนสั่งในปัจจุบัน และได้สังเกตุจากยันต์อาวุธทั้ง ๔ ที่มีให้เห็นกันในตำราทั่วไปตามรูปด้านล่างดังนี้ คือ ๑. จักรอาวุธ พระอินทร์ ๒.กระบองอาวุธท้าวเวสสุวรรณ ๓.บ่วงบาศ ของท้าวอาฬาวะกะยักษ์ และ ๔. นัยน์ตาของท้าวพยายม หรือพระกาฬ แต่เป็นที่น่าสังเกตุอย่างนึ่งว่า ในหลายๆ ตำรา จะยกให้ วชิรา เป็นจักรแห่งพระอินทร์ แทบทั้งสิ้น ทั้งที่ วชิระ หรือ วชิรา น่าจะเป็น สายฟ้า และจักร ที่เห็นน่าจะเป็นของพระนารายณ์ แหละพระคาถาที่อยู่ในจักร น่าจะเป็น นารายัสสะจักราวุธธัง แทน สักกัสสะ วะชิราวุธัง |
ราคาเปิดประมูล | 259 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 279 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 20 บาท |
วันเปิดประมูล | ศ. - 22 เม.ย. 2554 - 12:22.31 |
วันปิดประมูล | ส. - 23 เม.ย. 2554 - 14:17.22 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...