#วัดใจ 60 บาทฉลอง 600 fb #ล็อกเก็ตพระอาจารย์ไฉน ฉนทสาโร วัดหนองแกพัฒนาราม จ.นครราชสีมา - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคอีสานใต้

#วัดใจ 60 บาทฉลอง 600 fb #ล็อกเก็ตพระอาจารย์ไฉน ฉนทสาโร วัดหนองแกพัฒนาราม จ.นครราชสีมา

#วัดใจ 60 บาทฉลอง 600 fb #ล็อกเก็ตพระอาจารย์ไฉน ฉนทสาโร วัดหนองแกพัฒนาราม  จ.นครราชสีมา #วัดใจ 60 บาทฉลอง 600 fb #ล็อกเก็ตพระอาจารย์ไฉน ฉนทสาโร วัดหนองแกพัฒนาราม  จ.นครราชสีมา
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง #วัดใจ 60 บาทฉลอง 600 fb #ล็อกเก็ตพระอาจารย์ไฉน ฉนทสาโร วัดหนองแกพัฒนาราม จ.นครราชสีมา
รายละเอียดะวัติพระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างมากและยังเป็นพระที่ปฏิบัติดี มีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เช่นอักขระ ยันต์ และวิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น การสักยันต์ ทำตะกรุด ดูดวง ลงทองที่หน้าผาก และเชี่ยวชาญในการเล่นอักขระมากๆ ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยทุกๆวันจะมีลูกศิษย์ลูกหามากราบนมัสการจากที่ต่างๆอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองกับลูกศิษย์คุยสนุกสนานพูดตรงไม่ถือเนื้อถือตัว ใครได้มากราบนมัสการก็จะสัมผัสได้ในความเมตตาของท่านที่มีต่อศิษย์ มีความสุขสบายใจกลับไปทุกราย พุทธคุณของท่านนั้นที่ลูกศิษย์ได้พบเจอกันไม่ว่าใจเป็นในเรื่องของ คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า โชคลาภ เมตามหานิยม มีความศักดิ์ศิษย์ยิ่งนัก
หลวงพ่อท่านเป็นคนวัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นบุตรของ นายเฉลียว และ นางสมจิตร สงปรีดี มีพี่น้อง 5คน ท่านเป็นคนที่ 4 เมื่อวัยเด็กท่านชอบเรื่องของพระมาก และศึกษาการเป็นอยู่ของพระ และเมื่ออายุ 15 ปี นั่งกสินทุกอย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่ออายุครบ 21 ปี ท่านก็ได้ไปเป็นทหารจนครบ 2ปี เมื่อปลดจากทหารท่านก็ได้บวชเป็นพระเมื่อปี 2530 ท่านได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.บึงสามพัน ท่านได้ตำราการทำกสินของ หลวงปู่แหวน ที่วัดหินดาดน้อย ท่านจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย อุดร ขอนแก่น ศรีษะเกศ และอีกหลายจังหวัด และเมื่อกลับมาถึงวัดหนามแดง ท่านก็ได้พบเจอกับอาจารย์มานิต อาจารย์มานิตเป็นศิษย์ของอาจารย์ย่ามแดง เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และพระอีก 3 รูป จึงได้เรียนวิชาของหลวงปู่ศุขกับอาจารย์มานิต พระที่เรียนกับอาจารย์มานิต มีหลวงพี่จาบ หลวงพี่ทิพ หลวงพี่เม และท่าน ต่างคนต่างได้วิชาคนละแบบกัน และแล้วท่านต้องสึกจากการบวชเป็นพระเพราะไม่มีใครดูแลแม่ เมือปี 31 เมื่อถึงปี 33 ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง เพราะท่านไม่ชอบชีวิตของการครอง ฆราวาส ชีวิตของท่านจึงหวนคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้ท่านมุ่งมั่นในการปฎิบัติมากขึ้น ในเรื่องของการรื้อภพรื้อชาติ ปลดวิบากกรรมของญาติโยม และเพียรในการฝึกฝนวิชาของหลวงปู่ศุขมากขึ้นจนแตกฉานและเพียรในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านได้เดินทางจากนครสวรรค์ มาที่จังหวัดนครราชสีมาและได้มาอยู่ที่ วัดมิตรภพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ได้ 4 ปี เจ้าคณะอำเภอได้ส่งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดซับสวอง ต.ขนงพระ เมื่อปี 40 ท่านได้เปิดการสักยันต์ในสายของ หลวงปู่ศุข จนมีลูกศิษย์มากมายและเป็นที่รู้จักของคนใน อำเภอปากช่องและจังหวัดอื่นๆมากมาย ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ 10 ปี ท่านก็ได้ลาออกและเดินทางไปอยู่วัดดอยน้อย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งปี ท่านก็ต้องได้กลับมาอยู่ปากช่องอีกครั้ง เพราะลูกศิษย์ขอให้กลับมา จึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองแก ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทุกวันนี้
ประสบการณ์ตอนเดินธุดงค์
การเดินธุดงค์เมื่อปี 30 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ. อุทยานน้ำหนาว เมื่อสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบ อยู่เลย ท่านจำได้ว่าตอนเที่ยงวันแทบจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย และอากาศเย็นมากๆ ท่านได้เดินเข้าไปอยู่ในป่าลึกเพื่อฝึกสมาธิให้แกร่งยิ่งขึ้น และขอเรียนวิชากับป่า จนคืนหนึ่งระหว่างที่กำลังปฏิบัติธรรมตามปกติ ในนิมิตมีฤๅษีองค์หนึ่งมาปรากฏและยังมีแนะนำในเรื่องการดูธาตุของ
คนหรือพูดอีกอย่างก็คือสอนให้ดูดวงนั้นเอง เรียกว่าตรวจดูธาตุสี่ แต่การสอนของท่านๆเป็นการพูดให้ฟังและจำเอาเองจำจดไม่ใช่จดจำเป็นการเรียนในสมาธิเสร็จแล้วจึงออกจากสมาธิมาจดเป็นอักษร ท่านจึงใช้อยู่ทุกวันนี้ ในสถานที่เดียวกันคือ ป่าอุทยานน้ำหนาว ระหว่างการเดินอยู่ในป่า ท่านก็เดินในตอนกลางวันพอสี่โมงเย็นก็ต้องหาที่พักใหม่ทุกวันระหว่างที่เดินก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเดินตามเสือโคร่งอยู่เห็นรอยเท้าอยู่ทางที่จะลงลำธารเป็นลอยขนาดใหญ่กว่ากำปั้นสักหน่อย ลองเอามือแตะดูยังอุ่นอยู่เลย แต่ท่านต้องเดินทางไปเส้นทางนั้น ท่านจึงเดินข้ามลำธารไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปซัก 20 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกที ท่านต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ เดินเบื้องหน้าท่านประมาณ 50 เมตร เมื่อตั้งสติได้ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตาให้กับเสือ ไม่น่าเชื่อเสือตัวนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายหายไป ท่านจึงเดินทางต่อไป เมื่อตกตอนเย็นประมาณ 4 ทุ่ม ท่านก็ปักกรดของท่านและทำกิจกรรมต่างๆ และทำสมาธิเช่นเคย ท่านจะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆติดตัวไปด้วยไว้ทำวัตรสวดมนต์ คืนนั้นท่านก็ทำวัตรสวดมนต์เหมือนเคยและนำพระพุทธมาวางบนแคร่เล็กๆเพี่อสวดมนต์ เมื่อสวดมนต์ก็ทำสมาธิจนดึก ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรลากเข้ามาใกล้กรดเสียงดังแสกๆเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ จึงลืมตาดูในบริเวณที่นอนต้องจุดไฟไว้หนึ่งกองจึงทำให้มองเห็นงูตัวใหญ่มากๆตัวหนึ่ง ( ลองกางแขนให้สุดนั้นคือความใหญ่ไม่รวมความยาว) มาหยุดอยู่ตรงเบื่องหน้าพระพุทธรูป และแผ่พังพานโน้มหัวลง ทำความเคารพพระพุทธอยู่ 3 ครั้ง แล้วจึงหันไปโดยรอบ เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งพระท่านปฎิบัติธรรมอยู่ แล้วงูใหญ่ก็เอาหัวลง ที่ข้างหลังงูซิ มีผู้ชายใส่ชุดขาวผมขาวแก่มากเกล้าผมมวยนั้งอยู่บนหลังงู หนวดเครายาวมาก แล้วงูใหญ่ก็เลี้ยวลอดใต้แคร่ ที่วางพระพุทธรูปไปได้ แคร่ตัวนั้นสูงประมาณครึ่งศอก กว้างครึ่งซอกแต่งูใหญ่เลื้อยผ่านไปได้ หน้าประหลาดมาก

ได้พบหลวงปู่คำคนิง
ท่านได้มีโอกาสที่จะเดินธุดงค์เป็นประจำ มีอยู่ปีหนึ่งที่ท่านได้พักอยู่ที่วัดคลองปลัดเปลี่ยง วันหนึ่งขวัญจิต ศรีประจัญ ได้จัดงานทำบุญบ้านหลังใหม่ ที่โยมขวัญจิตได้ซื้อไว้ที่สายบางนา และในวันงานนั้นโยมขวัญจิตได้นิมนต์แต่พระปฏิบัติ มาสวดมนต์หนึ่งในนั้นมีท่านและหลวงพี่หมูอยู่ด้วย เมื่อท่านไปถึงบ้าน โยมขวัญจิตบอกว่าหลวงปู่คำคนิงอยู่บนบ้านที่ห้องพระ ท่านจึงได้ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่ว่าหลวงปู่ท่านทำสมาธิอยู่จึงไม่รบกวน สักพักหลวงปู่ท่านคลายจากสมาธิ ท่านจึงเข้าไปกราบหลวงปู่คนิงที่ตัก ซึ่งคำแรกที่หลวงปู่คำคนิงพูดท่านพูดกับหลวงพ่อไฉนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “รอมานานแล้ว”และหลวงปู่ท่านช้อนมือของท่านขึ้น แล้วบอกว่า ”อย่าสึกจากพระนะ จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในทางพระพุทธศาสนา” แล้วหลวงปู่ก็เอามือของท่านมาจับที่ศรีษะของหลวงพ่อไฉนแล้วจึงเป่าวิชาประสิทธิให้ หลวงปู่ท่านบอกว่าสักวันจะรู้เอง สิ่งที่หลวงปู่ให้คือวิชาหรืออะไรสักอย่างที่ได้จากหลวงปู่คำคนิงซึ่งนั่นก็คือวิชาฤษีแปลงสาร

ทำตะกรุดใต้น้ำ


ปกติหลวงพ่อไฉน ท่านจะดำลงไปจารและปลุกเสกตะกรุดใต้น้ำที่สระน้ำหน้าวัดเพื่อบูชาครู(หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง(วันลอยกระทงกลางวัน) เพียงปีละแค่ดอกเดียวให้ลูกศิษย์และชาวบ้านที่ใกล้ชิด แต่ปี2553นี้วัดอยู่ในระหว่างที่กำลังจะสร้างศาลาหลังใหม่(ศาลาหลวงปู่ศุข) ชาวบ้านและลูกศิษย์จึงขอให้ท่านสร้างมากหน่อย ท่านจึงจะจัดทำขึ้นเพียง 19 ดอกเท่านั้น โดยในตอนเช้าจะมีพิธีอ่านโองการของครูบาอาจารย์และบอกกล่าวถึงดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากนั้นก็จะเริ่มทำตะกรุด การทำตะกรุดใต้น้ำของท่านนั้น ท่านจะใช้เสาไม้ต้นหนึ่งไปปักที่กลางสระน้ำหน้าวัดแล้วท่านก็จะดำลงไปจารใต้น้ำและหลังจากท่านม้วนตะกรุดเสร็จท่านก็จะจารชื่อของเจ้าของตะกรุดแต่ละคนไว้ที่ข้างนอกตะกรุดและตอกโค๊ตแล้วจึงทักเชือกเพื่อเป็นตะกรุดคู่ชีวิต ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาต่างรอคอยกันมานานที่จะเห็นการทำตะกรุดแบบนี้เพราะว่าที่วัดได้ออกใบวุฒิบัตรให้กับเจ้าของตะกรุดทุกคน ซึ่งใบวุฒิบัตรนี้มีเจตนาคือ

1.เพื่อสืบทอดวิชาการทำตะกรุดใต้น้ำของหลวงปู่ศุขยังมีอยู่จริง
2.เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของและให้ไว้เป็นสมบัติประจำตะกูลและเป็นมรดกตกทอดถึงรุ่นลูกหลาน
3.เพื่อเป็นความภาคภูมิใจและแสดงให้เห็นว่าท่านได้ร่วมสร้างศาลาหลวงปู่ศุขกับหลวงพ่อ
4.เพื่อให้ไว้เป็นตะกรุดคู่ชีวิต

ราคาเปิดประมูล40 บาท
ราคาปัจจุบัน60 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 01 ส.ค. 2556 - 20:22.55
วันปิดประมูล อา. - 18 ส.ค. 2556 - 09:57.41 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 60 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ20 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
60 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) ส. - 17 ส.ค. 2556 - 09:57.41
กำลังโหลด...
Top