พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด - webpra

ประมูล หมวด:พระสมเด็จทั่วไป

พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด

พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด
รายละเอียดพระสมเด็จพิมพ์พิเศษ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด บางไทร ปี ๒๕๑๘ พร้อมกล่องเดิมวัด

(องค์ที่ 3)

หลวงพ่อฟ้อน หรือ พระครูไพศาลธรรมโฆสิต องค์นี้มีวิชาขลัง พลังเสือโคร่ง หลวงพ่อฟ้อนท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ก็คือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก รวมทั้งอาจารย์ที่เก่งในด้านยาแผนโบราณ และด้านคาถาอาคมขลัง ท่านเรียนวิชา มาแล้วก็ใช้วิชานั้นช่วยเหลือผู้คนที่ป่วยไข้เดือดร้อน หลวงพ่อฟ้อน มรณภาพเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2519 อายุ 77 ปี ดูจากปีที่จัดสร้าง พระสมเด็จพิมพ์พิเศษนี้ จัดสร้างในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และน่าจะเป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้ปลุกเสกเป็นอย่างดียิ่งแล้ว เพราะเป็นงานพิธีพุทธภิเษกย่อมมีพระเกจิอาจารย์ที่เรืองเวทย์มาร่วมในงานหลายรูป อย่างแน่นอนครับ


หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด อ.บางไทร จ.อยุธยา เกจิอาจารย์ขลัง สำเร็จวิชา พลังเสือโคร่ง
วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2012 เวลา 11:12 น. อ้อ .ภาพและเรื่องโดย พิรอด วัชรมนต์

หลวงพ่อฟ้อน หรือ พระครูไพศาลธรรมโฆสิต องค์นี้มีวิชาขลัง พลังเสือโคร่ง เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านสร้างเหรียญรุ่นแรกด้านหลังเป็นอักขระคาถาพญาเสือโคร่ง สุสะเร คัสชะนิยะ ปลุกเสกแล้วมีอภินิหารมากมาย ผู้เอาไปแขวนคอมีประสบการณ์ทั้งทางเมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน และมีอำนาจเหมือนพญาเสือโคร่ง บางคนเรียกว่า เหรียญเสือ แขวนแล้วมีความมั่นใจ ใครเห็นแล้วเมตตา เหมือนคนเห็นเสือแล้วทั้งรักทั้งกลัว บางทีก็มีเสน่ห์เมตตา

ความเป็นมาของ วัดบ้านพาด เป็นอย่างไร ท่าน พระครูสุเมธธรรมรักษ์ (รวม) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเล่าว่า วัดนี้เดิมเป็นวัดของชาวมอญสร้างขึ้น เข้าใจว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ด้วยชาวมอญที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยสร้างขึ้น พระประธานในโบสถ์นั้นรูปพระพักตร์ใบหน้าเหมือนพระมอญมาก มีโคกอยู่เหนือวัดชาวบ้านเรียกว่า โคกมอญ ปัจจุบันเลือนหายไปหมดแล้ว สิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปจนหมดในสมัยของ หลวงพ่อฟ้อน คนมอญนั้นคงจะอพยพหลบหนี ไปอยู่ที่อื่นจนหมดในช่วงสงครามระหว่างไทยกับพม่า ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น กรมศิลปากรเคยไปตรวจสอบบอกว่า วัดนี้เข้าใจว่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง แล้วคนมอญเข้ามาอยู่ในตอนหลังอีกครั้งหนึ่ง พอสงครามก็ย้ายหนีไป คนไทยเข้ามาอยู่แทนที่ประกอบอาชีพ ในที่สุดก็เป็นวัดไทยในที่สุด

สำหรับประวัติของ หลวงพ่อฟ้อน นั้น พ.บุญสนอง ได้บันทึกไว้ว่า หลวงพ่อฟ้อน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2442 คุณพ่อท่านชื่อ เหลี่ยม คุณแม่ของท่านชื่อ ศรีนวล นามสกุล จิตรีผ่อง มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน 5 คน เป็นหญิง 4 คน เป็นชายเพียงคนเดียวก็คือ หลวงพ่อฟ้อน ครอบครัวของท่านเป็นชาวนา

เมื่อโตขึ้นก็ได้เข้าเรียนหนังสือที่ วัดบ้านพาด เล่าเรียนเขียนอ่านตามสมัย ทั้งภาษาไทย ภาษาขอม จนท่านมีอายุครบ 14 ปี จึงได้เล่าเรียนจบ ช่วยเหลือพ่อ-แม่ประกอบอาชีพทำนา ท่านเป็นคนที่เปิดเผย ไม่ชอบคนมีเล่ห์เหลี่ยม พูดตรงไปตรงมา ไม่คบเพื่อนคนไหนเลย เพราะเพื่อนเคยสร้างปัญหาให้ท่าน ดีที่หนีทัน ไม่อย่างนั้นต้องเอาชีวิตไปทิ้งถิ่นอื่นอย่างแน่นอน เป็นคนชอบหาความรู้ งานทางช่างไม้ท่านก็พอทำเป็น ศึกษาด้วยตัวของท่านอาศัยการสังเกตและสอบถามผู้รู้

อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2461 พระอาจารย์เย อดีตเจ้าคณะแขวงและเจ้าคณะ จังหวัดอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านพาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่ออ่อง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังอุปสมบทได้รับฉายาว่า เตชธมฺโม เป็นพระสงฆ์อยู่สามพรรษา สอบได้นักธรรมเอก ท่านยังมีความสามารถในการเทศน์ได้อย่างไพเราะจับใจคน หลังจากนั้นท่านก็ลาสึกออกมาประกอบอาชีพทำนาด้วยความขยัน ต่อจากนั้นท่านก็เดินทางไปประกอบอาชีพ กับญาติของท่านที่พิษณุโลกและพิจิตร ไปประกอบอาชีพที่นั่นหลายปี ท่านได้พบอุปสรรคอย่างมากมาย และได้ศึกษาหาความรู้ทางวิชาอาคมขลัง จากพระอาจารย์ยุคเก่าสมัยนั้นหลายท่านด้วยกัน จนโด่งดัง ครั้งเป็นฆราวาสมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งรักษาโรค ต่อมาเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตอย่างมาก จึงเดินทางกลับไปบ้านพาดตามเดิม หลังจากที่จัดการเรื่องทรัพย์สมบัติเรียบร้อยแล้ว ท่านก็หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง



หลังจากนั้นท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ต่างๆ ในย่านนั้นหลายรูปด้วยกัน ทั้ง หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รวมทั้งอาจารย์ที่เก่งในด้านยาแผนโบราณ และด้านคาถาอาคมขลัง ท่านเรียนวิชา มาแล้วก็ใช้วิชานั้นช่วยเหลือผู้คนที่ป่วยไข้เดือดร้อน

สมัยที่ท่านยังไม่ดังนั้นผู้คนรู้จักมีน้อย ท่านเป็นพระที่ไม่ชอบรบกวนใคร บางครั้งท่านอยากฉันขนมหวาน ผลไม้ ท่านจะเรียกมรรคนายกวัดคนหนึ่งชื่อ เล็ก ท่านบอกว่า ข้าอยากกินขนมกับผลไม้ ท่านจะให้หวยใต้ดิน แต่มีข้อห้ามและสัจจะว่า คนที่รู้หรือคนที่ท่านใช้ให้ซื้อหวยใต้ดิน นั้นต้องซื้อเพียงไม่กี่บาท ห้ามซื้อเกินกว่าที่สั่ง นานๆ ครั้งหนึ่งท่านจะให้หวยนายเล็กไปซื้อสักครั้ง ตอนหลังมีคนมาถามนายเล็กว่า ใครให้หวย และชาวบ้านก็สงสัยมากว่า หลวงพ่อฟ้อน ให้หวยแน่นอน คราวนี้เองคนไปสอบถามจากท่านกันมากไม่เคยขาด แต่ท่านไม่เคยให้ใคร บางคนไม่มีโชคท่านพูดให้ฟัง ยกตัวอย่างต่างๆ แต่คนผู้นั้นก็ไม่อาจจะเอาหวยไปซื้อได้ พอหวยออกแล้วถึงได้รู้ว่าท่านบอกให้แล้ว

ของขลังและวัตถุมงคล หลวงพ่อฟ้อน พระเครื่องของท่านมีหลายแบบด้วยกัน มีทั้งเนื้อผงออกเหลืองนวลและเนื้อผงผสมว่านคลุกรัก หลังเรียบ และมีพิมพ์แบบสมาธิเพชร รุ่นนี้เนื้อจะละเอียดอย่างมาก อกเป็นร่องคล้ายกับพระวัดเกศอย่างมาก
พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่
พิมพ์นางพญา
พระผงพิมพ์สี่เหลี่ยม ฐานเลข 1
พระผงสี่เหลี่ยม พิมพ์เล็ก ฐานเลข 1
พระพิมพ์ขุนแผน
เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก สร้างปี พ.ศ.2507
รูปภาพห้อยคอ
ตะกรุดหนังเสือ
ตะกรุดโทน

อภินิหารตะกรุดหนังเสือ เคยมีเศรษฐีภาคใต้ที่ได้รับจากเพื่อนที่เป็นครูเอาติดตัวไว้เสมอ วันหนึ่งถูกคนร้ายปล้นบ้านยิงต่อสู้กัน เศรษฐีผู้นั้น ถูกยิงหลายนัด แต่ลูกปืนยิงไม่เข้า คนร้ายต้องหนีกระเจิงไป ครูในอำเภอบางไทรซึ่งเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อฟ้อน ท่าน เดินทางไปธุระราชการในต่างจังหวัด ถูกคนร้ายใช้ขอนไม้ขวางถนน ปล้นรถปิกอัพที่นั่งโดยสารมาหันกลับไม่ทัน คนร้ายมันยิงใส่นับไม่ถ้วน ศิษย์ของท่านใช้ปืนพกยิงต่อสู้ไปหลายนัด คนร้ายมันยิงมามาก เขาถูกยิงถึงสามนัด แต่ยิงไม่เข้า ทำให้ตะกรุดหนังเสือของท่านได้รับความนิยมอย่างมาก

อภินิหารพระเครื่อง หลวงพ่อฟ้อน พระขุนแผน ของท่านนั้นมีวัยรุ่นห้อยคอองค์เดียวบอกว่า ทางเมตตามหานิยมเยี่ยมมาก ทั้งในด้านคงกระพันชาตรีก็สูง ก็ตอนที่สาวนัดเขาไว้ในงานวัดแห่งหนึ่งใกล้ วัดบ้านพาด นั่นเอง ถูกอริยิงเอาจนกลิ้ง ดีนะที่สาวสวยนั้นไม่ถูกลูกหลงไปด้วย

ต่อมาด้วยคุณงามความดีของท่าน ทั้งการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง และเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านใกล้เรือนไกล จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูไพศาลธรรมโฆสิต เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2515 ท่านปฏิบัติสมณธรรม มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านตลอดมาจนถึง มรณกาล ด้วย หลวงพ่อฟ้อน เป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตา ท่านจะต้อนรับญาติโยมตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ยิ่งในช่วงที่ท่านมีชื่อเสียง บรรดาผู้คนจากที่ต่างๆ เดินทางไปหากันมาก ทั้งงานนิมนต์ไปยังสถานที่ต่างๆ ใครไปหามีเรื่องเดือดร้อนอะไรท่านทำให้ทั้งนั้น ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านมีโรคภัยเบียดเบียนเสมอๆ แต่ท่านก็รักษาด้วยตัวของท่านเอง ทั้งใช้การปฏิบัติกรรมฐาน ภาวนา และก็ใช้ยาของท่านเองรักษาด้วย แต่ความชรานั้นเป็นไปตามธรรมชาติ ในที่สุดท่านก็จากไปด้วยความสงบ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2519 อายุ 77 ปี

ประสบการณ์ หลวงพ่อฟ้อน คุณเอกลักษณ์ เพริศพริ้ง เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2547 ขณะนั้นข้าพเจ้าทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งรับเหมาทำงานกับกรมทางหลวง ข้าพเจ้ามีหน้าที่ทำความสะอาดผิวทางไหล่ทางถนนมอเตอร์เวย์สาย 9 โดยใช้รถกระบะ 1 คัน มีลูกน้อง 7 คน (ชาย 3 หญิง 4) ระหว่างทำงานอยู่บริเวณ กม.ที่ 37 ขาออก ได้มีรถกระบะขนผลไม้ วิ่งด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปทางสะพานต่างระดับรามอินทราขาเข้า เกิดยางระเบิดทำให้รถเสียหลักพุ่งลงร่องกลางถนน กระแทกต้นไม้ก่อนพลิกคว่ำ ภรรยาคนขับกระเด็นออกจากรถบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคนขับติดอยู่ในซากรถ ข้าพเจ้าเห็นเหตุการณ์ จึงถอยรถไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ คนขับอาการหนักมาก ข้าพเจ้ากับลูกน้องผู้ชายจึงช่วยกันนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ รามอินทรา พอมาถึงเจ้าหน้าที่รีบพาคนเจ็บเข้าห้อง I.C.U. ทันที ข้าพเจ้าเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ช่วยไม่ได้ คุยกับหมอทราบว่าคนเจ็บเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล (เสียชีวิตบนรถ)

จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น ปกติหลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าจะให้ลูกน้องไปพักผ่อน โดยข้าพเจ้าจะนอนอยู่หน้ารถกระบะส่วนลูกน้องก็แยกย้ายหาที่ร่มๆ นอนกัน ข้าพเจ้านอนตามปกติปรากฏว่าโดนผีอำ ขยับไม่ได้ หายใจไม่ออก ทรมานมาก ดิ้นอยู่นานกว่าจะหลุด แปลกใจว่านอนมาเป็นปีไม่เคยเป็น พระเครื่องก็แขวนติดคอตลอด วันต่อมากินข้าวเสร็จก็นอนปรากฏว่าโดนอีก ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจลองเปลี่ยนพระเครื่องที่แขวนดู องค์ไหนๆ ก็โดน แขวนท้าวเวสสุวัณก็ยังโดน นึกขึ้นได้ว่าลุงข้างบ้านที่ข้าพเจ้านับถือเคยให้พระข้าพเจ้ามา 1 องค์ เป็น เหรียญ หลวงพ่อฟ้อน เตชธัมโม วัดบ้านพาด อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ลุงแกว่าท่านเก่งมากแทน หลวงพ่อจง ได้เลย (ตอนได้เหรียญท่านมาก็ไม่ได้สนใจ วางไว้บนหลังตู้ยาแล้วลืมไปเลย) ข้าพเจ้าไม่รู้จะแก้เรื่องโดนผีอำอย่างไร แขวนพระองค์ไหนก็ช่วยไม่ได้ เกิดอยากลองว่า หลวงพ่อฟ้อน ท่านเก่งจริงอย่างที่ลุงแกว่าหรือเปล่า จึงหยิบเหรียญท่านจากหลังตู้ยามาแล้วพิจารณาดูเหรียญท่าน ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อนั่งเต็มองค์ ด้านหลังเป็นยันต์รูปพระจันทร์เสี้ยว ด้านบนเป็นรูปพระอาทิตย์ และมีอักขระตัวอุณาโลมอยู่บนสุด เป็นยันต์ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วนำเหรียญมาแขวน ในใจคิดว่า ถ้ายังโดนอีกก็ไม่เป็นไร เพราะข้าพเจ้าไม่รู้จักท่านมาก่อน ถึงตอนกลางวันก็นอนเหมือนเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่เหมือนคือ ข้าพเจ้าไม่โดนผีอำอีกเลยจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้

หัวหน้างานให้ข้าพเจ้าเอารถไปให้พระพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล จึงขับรถมาหาพระอาจารย์ที่ข้าพเจ้านับถือ ท่านหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิมนต์ท่านพรมน้ำมนต์ให้ เสร็จแล้วขึ้นไปคุยกับท่านบนกุฏิ วันนั้นเป็นวันธรรมดาลูกศิษย์ไปหาท่านน้อยจึงคุยกับท่านได้นาน บอกท่านเรื่องแขวนพระแล้วโดนผีอำ ท่านว่าพระเครื่องที่แขวนไม่ใช่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะพระอาจารย์เจ้าของเหรียญไม่ได้เสกกันเรื่องนี้ไว้ ท่านว่าเวลาเสกพระจะเสก 2 แบบ คือ แบบบุญฤทธิ์ และแบบอิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อฟ้อน ท่านเสกแบบอิทธิฤทธิ์ เหรียญท่านจึงมีฤทธิ์ มีเดช กันผี กันคุณไสยได้



หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็อาราธนา เหรียญพระอาจารย์ฟ้อน วัดบ้านพาด ติดตัวตลอดมา ถนนมอเตอร์เวย์ในขณะนั้นเป็นถนนที่เปิดใช้ได้ไม่นาน แนวถนนตัดผ่านทุ่งนาที่รกร้าง รถส่วนใหญ่จะใช้ความเร็วสูง ข้าพเจ้าพบสัตว์โดนรถทับตายเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว และสัตว์เลื้อยคลาน หน้าที่ข้าพเจ้าคือต้องนำซากสัตว์เหล่านั้นไปทิ้ง หลังจากทำงานช่วง เช้าเสร็จก็แวะกินอาหารกลางวันตามปกติที่ใต้สะพานต่างระดับทับช้าง บริเวณดังกล่าวมีความร่มรื่นมาก เพราะมีเงาของสะพานต่างระดับ มีต้นไม้ ป่าหญ้า และก็บ่อน้ำ ข้าพเจ้าจอดรถใกล้บ่อน้ำ ติดกันด้านซ้ายมือเป็นป่าหญ้ารกสูงท่วมหัว พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปนอน ปกติเวลาข้าพเจ้านอนก็จะเปิดประตูรถทั้งสองข้างเพื่อให้อากาศถ่ายเท บริเวณดังกล่าวบรรยากาศดีเพราะมีลมพัดตลอดเวลา ทำให้หลับสบาย กำลังหลับเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนมากระตุกขาอย่างแรงทำให้ตกใจตื่น รีบลุกขึ้นอย่างเร็วมองไปรอบๆ สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าตกใจสุดชีวิตก็คือ มีงูเห่าตัวใหญ่ยาวประมาณเกือบ 2 เมตร กำลังเลื้อยมาทางข้าพเจ้า ในระย
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 10 ก.ค. 2556 - 22:56.08
วันปิดประมูล อา. - 14 ก.ค. 2556 - 20:07.38 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
200 บาท ศ. - 12 ก.ค. 2556 - 21:03.27
300 บาท ศ. - 12 ก.ค. 2556 - 22:29.48
400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) ส. - 13 ก.ค. 2556 - 20:07.38
กำลังโหลด...
Top