ประมูล หมวด:พระกริ่ง พระชัยวัฒน์
ชุบทองลงยา๑๑๑พระพิฆเนศวร์ลอยองค์ชุบทองลงยาเลี่ยมกรอบกันน้ำปลุกเสกโบสถ์พรามณ์วัดแขกโดยท่านอาจารย์หนูพ
ชื่อพระเครื่อง | ชุบทองลงยา๑๑๑พระพิฆเนศวร์ลอยองค์ชุบทองลงยาเลี่ยมกรอบกันน้ำปลุกเสกโบสถ์พรามณ์วัดแขกโดยท่านอาจารย์หนูพ |
---|---|
รายละเอียด | ชุบทองลงยา๑๑๑พระพิฆเนศวร์ลอยองค์ชุบทองลงยาเลี่ยมกรอบกันน้ำปลุกเสกโบสถ์พรามณ์วัดแขกโดยท่านอาจารย์หนูพรามณ์หลวงพร้อมยังได้นำเข้าพิธีพรามณ์-เทวา-พิธีพุทธาภิเษกโดยหลวงพ่อเณรเจ้าคุณวัดศรีสุดารามและอุทยานพระพิฆเนศวร์พิธีใหญ่ในการพิธีเททองหล่อพระหลวงพ่อนั่งปรกสี่ทิศโดยหลวงพ่อเณรและผู้ช่วยวัดศรีสุดาราม หลวงพ่อวัดพนังเชิญ หลวงพ่อวัดหลักสี่ พระสงฆ์เจริญชัยคาถา 18 องค์ และปลุกเสกเดี่ยวเพิ่มอีก2เดือนโดยพระอาจารย์ทัตวัดมะพร้าวเตี้ยแขวงบางแวกพระผู้มีวาจาสิทธิ๋รับรู้ญาณล่วงหน้าศิษย์ผู้น้องพ่อท่านฉิ้นวัดเมืองยะลา พระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ คนไทยเรามีความคุ้นเคยกับบรรดาเทพทั้งหลายในศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาฮินดูมาช้านาน ถึงแม้ประเทศเราจะเรียกว่าเป็นเมืองพุทธ แต่ก็ไม่สามารถ ปฏิเสธได้ว่ายังมีความเชื่อเกี่ยวกับองค์ทวยเทพต่างๆ ด้วยเช่นกัน อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์หรือคติฮินดูนั้น สถาปนาในสยามประเทศหรือดินแดนสุวรรณภูมิมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ ต่อมาแม้ว่า "สุวรรณภูมิ" จะเป็นศูนย์รวมของอารยธรรมจากนานาประเทศ แต่ศาสนาที่มีความสำคัญและโดดเด่นที่สุดก็คือ ศาสนาพุทธ ขณะเดียวกันคติความเชื่อในศาสนาฮินดูก็ยังคงเหนียวแน่นอยู่ในสังคม อันอาจกล่าวได้ว่าทั้งสองศาสนาต่างมีความแตกต่างมีเอกลักษณ์ของตนอย่างชัดเจน บางอย่างไปด้วยกันได้ และบางอย่างดูเหมือนจะขัดแย้งโดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในจิตใจคนและเป็นไปอย่างกลมกลืน สมัยกรุงศรีอยุธยาลัทธิพราหมณ์ค่อนข้างมีความชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ราชธานี (อยุธยา) หรือพระนามของกษัตริย์ที่ขึ้นต้นด้วย สมเด็จพระรามาธิบดี อันเป็นปางหนึ่งใน "รามาวตาร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีพระนามแสดงถึงการเป็นองค์อวตารของ พระวิษณุ อย่างชัดเจน มีการจัดพิธีตรียัมปวาย อันเป็นพิธีพราหมณ์ที่อัญเชิญมหาเทพลงมาตรวจสอบความมั่นคงของเมืองที่แสดงออกโดยการ "โล้ชิงช้า" โดยพราหมณ์ที่เรียกว่า "นาลิวัน" สมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสร้างราชธานีขึ้นใหม่ ทรงโปรดให้สร้างเทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ ใกล้กับเสาชิงช้าที่จะใช้ในพิธีตรียัมปวาย สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องราวโบราณ โดยเฉพาะเรื่องราวทางภารตวิทยา โปรดให้จัดตั้ง "วรรณคดีสโมสร" และทรงพระราชนิพนธ์เรื่องราวที่มาจาก "ภารตะ" หรืออินเดีย เช่น มัทนพาธา ศกุนตลา สาวิตรี พระนลคำหลวง ลิลิตนารายณ์สิบปาง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังทรงโปรดให้ร่ายสรรเสริญองค์พระพิฆเนศในฐานะเทพแห่งความสำเร็จ เทวะแห่งศิลปวิทยา และเทวาแห่งการรจนาคำประพันธ์อีกด้วย ในบรรดาเทพทั้งหมดทางศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ซึ่งมีทั้งพระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม 3 มหาเทพ หรือเหล่ามหาเทวี อาทิ พระอุมาเทวี พระลักษมี พระสุรัสวดี และองค์เทพที่มีความสำคัญอีกมากมาย ซึ่งต่างเป็นที่เคารพสักการะทั้งสิ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า "พระพิฆเนศ" จะเป็นมหาเทพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากในพิธี กรรมต่างๆ มักอัญเชิญพระพิฆเนศเข้าเป็นส่วนสำคัญในพิธี ที่จะต้องสักการะก่อนที่จะเริ่มกระทำพิธีกรรมต่างๆ จึงจะสำเร็จลุล่วง แม้กระทั่งหน่วยงานราชการต่างๆ ยังอัญเชิญพระพิฆเนศเป็นตราประจำกรมกองมากมาย อาทิ กรมศิลปากร ฯลฯ แม้แต่ในอินเดียก็มีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับพระพิฆเนศสืบทอดมาแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นลัทธิที่ใด นับถือเทพเจ้าองค์ใดเป็นใหญ่ก็ตาม ต่างให้ความสำคัญต่อองค์พระพิฆเนศทั้งสิ้น ใน "ไศวนิกาย" ที่บูชา "พระศิวะ" ยังทรงสรรเสริญพระพิฆเนศว่า "ไม่ว่าจะกระทำการสิ่งใด หรือทำพิธีบูชาใด ให้บูชาพระพิฆเนศก่อนกระทำการทั้งปวง" "ผู้ใดต้องการพ้นจากความขัดข้องและอุปสรรคทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเนศ" "ผู้ใดต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเนศ" คติความเชื่อในองค์พระพิฆเนศยังคงสืบต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า "วัตถุมงคลพระพิฆเนศ" ยังคงเป็นที่นิยมจัดสร้างและนิยมสะสมกันอยู่ไม่เสื่อมคลาย ด้วยความเชื่อที่ว่าพระพิฆเนศเป็นเทพแห่งปราชญ์ และความรอบรู้ต่างๆ เป็นเทพแห่งอุปสรรค ความขัดข้อง และศิลปะ หากผู้ใดต้องการประสบความสำเร็จ ต้องบูชาขอพรต่อองค์พระพิฆเนศก่อน จึงจะเกิดความสวัสดิพิพัฒน์มงคลครับผม พิฆเนศวร นั้นเป็นนามเฉพาะ หมายถึงผู้เป็นใหญ่ในอุปสรรค์ เป็นผู้อำนวยความสำเร็จให้แก่กิจการต่างๆ เมื่อมีการประกอบพิธีกรรมใด หรือศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาการใด จึงมีกล่าวคำไหว้บูชาต่อพระพิฆเนศวรก่อนเพื่อขอพรให้ปลอดภัย และสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งปวงและอำนวยพรให้เกิดความสำเร็จลุล่วงด้วยดี พระพิฆเนศวรยังเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งที่คนไทยนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยปรารถนาให้ประสบความสำเร็จ ช่วยขจัดปัดป้องภยันตราย พระพิฆเนศวรเป็นเทพแห่งภูมิปัญญาและศิลปวิทยาการ ที่ได้รับการสักการะบูชามาตลอดทุกยุคทุกสมัย ผู้ปรารถนาความรู้ความสำเร็จต่างพากันเคารพนับถือสืบมาจนทุกวันนี้ ผู้ใดได้บูชาและมีไว้ย่อมขจัดความขัดข้องทั้งปวงได้ตลอดไป........... พระพิฆเนศวร์ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ความรู้และบันเทิง บทบาทความสำคัญของพระพิฆเนศ คนไทยคุ้นเคยกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายมาช้านาน แต่ในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด คนไทยรู้จักพระพิฆเนศวรมากที่สุดเพราะท่านเป็นมหาเทพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตคนไทยมากที่สุดจนกล่าวได้ว่าคนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศวรเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นตราประจำกรมกองต่าง ๆ มากมาย พระพิฆเนศวรเป็นเทพแห่งปราชญ์และความรอบรู้ต่าง ๆ เป็นเทพแห่งขจัดอุปสรรคความขัดข้อง ดังนั้นหากผู้ใดเป็นผู้รู้และต้องการประสบความสำเร็จต่อกิจการทั้งปวงมักจะบูชาพระพิฆเนศวรก่อน ในอินเดียเองก็มีแนวความเชื่อในเรื่องพระพิฆเนศวรในทุกลัทธิศาสนาไม่ว่าลัทธิที่ถือองค์พระศิวะเป็นใหญ่ นับถือพระพรหมเป็นใหญ่หรือพระนารายณ์เป็นใหญ่ ทุกลัทธิล้วนให้ความสำคัญต่อพระพิฆเนศวรทั้งสิ้น ด้วยทุกตำราได้กล่าวถึงที่มาของพระพิฆเนศวรไว้สูง สำคัญและฤทธิ์มากมีความเฉลียวฉลาดมีคุณธรรม คอยช่วยเหลือปกป้องปราบปรามสิ่งชั่วร้ายและเป็นยอดกตัญญูแม้พระพิฆเนศวรจะเป็นเทพที่มีความเก่งกาจสามารถยิ่ง แต่ก็เป็นเทพที่สงบนิ่งไม่เย่อหยิ่งทรนงอันเป็นคุณสมบัติอันประเสริฐอีกประการหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง จึงกล่าวได้ว่า พระพิฆเนศวรเป็นมหาเทพที่ดีพร้อมครบถ้วนด้วยความดีงามสมควรแก่การยกย่องบูชาเป็นนิจ แม้แต่องค์พระศิวะมหาเทพผู้สร้างและพระบิดาแห่งองค์พระพิฆเนศวรยังกล่าวว่า ไม่ว่าจะกระทำการสิ่งใดหรือทำพิธีบูชาใด ให้ทำการบูชาพระพิฆเนศวร ก่อนกระทำการทั้งปวง “ผู้ใด ต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเนศวร” “ผู้ใด ต้องการพ้นจากความขัดข้องทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเนศวร พระอาจารย์ทัตอายุ70พรรษา49ท่านเป็นเกจิผู้มีญาณบารมีเข้มแข็งสามารถทำนายอนาคตได้รู้ล่วงหน้าหลายเหตูการณ์ประวัติของท่านน่าสนใจมากสมัยเป็นพระหนุ่มปี25สิบกว่าท่านเป็นสหายธรรมของหลวงพ่อทองอยู่วัดหนองพะวงสมัยนั้นดังพอๆกับหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีและอายูเท่ากันและเสียปีเดียวกันฃี่งหลวงพ่อทองอยู่ชอบมาค้างอยู่กุฎิอาจารย์ทัตสมัยเป็นผู้ช่วยวัดชัยฉิมพลีขนาดแข่งกันปลุกเสกพระจนหลวงพ่อทองอยู่ยอมแพ้นั่งสู้ไม่ไหว พระอาจารย์ทัตมีลักษณะพิเศษคือมีขนออกทางหูทั้งสองข้างเหมือนเทพเจ้าหงอคงเห้งเจียนั้นเอง พระอาจารย์ทัตท่านเป็นที่นับหน้าถือตาโดยทัวไปของพระวัดเขตฝั่งธนทั้งหลายทั้งพระสายวัดปากน้ำด้วย เป็นศิษย์พี่ของอาจารย์เจตต์วัดนกและอาจารย์ลพวัดชัยฉิมพลีเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปุ๊วัดวิศิษฐ์บุญญาวาส ท่านเป็นผู้อยู่เบี้องหลังจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดวัดเมืองยะลาหลายๆรุ่นให้รอบสิบกว่าปีที่ผ่านมาและพระวัดสายวัดช้างไห้แท้ๆส่วนมากจะรู้จักท่านดีโดยเฉพาะวัดเอี่ยมวรนุชบางลำภู พระวัดเมืองยะลาที่ท่านร่วมปลุกเสกให้นั้นมีประสพการณ์แคล้วคลาดหลายปีมากเช่นปี 39 41 43 47 48 แต่ท่านไม่เคยบอกใครหากพระรุ่นไหนมีพ่อท่านฉิ้นและอาจารย์ทัตปลุกด้วยกันรับรองผลเรื่องคงกระพันทีเดียวท่านบอกผมว่าพระองค์ใดท่านปลุกให้รับรองไม่ตายโหง ในเรื่องญาณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าผมได้รับทราบด้วยตนเองหลายครั้งหลายเรื่องจารนัยไม่หมดมันยาวเล่าแล้วจะขนลุก สรุปบอกท่านว่าพระองค์นี้เสกมาดีมากจับพระแล้วพลังเมตตามหานิยมบวกแคล้วคลาดใช้ได้ดีครับขนาดมาตรฐานพร้อมแขวนคอสวยมากๆเปิดให้ไม่แพง สำหรับสายตรงได้มาจากอาจารย์ไม่มากช้าหมดอดได้ครับที่สำคัญผมเช่าพระบูชาพิธีนี้ฝันถีงท่านได้โชคลาภถูก3ตัวมา1ใบและได้กำไรจากงานพิเศษเข้ามาเองหมื่นหกนิ่มๆไม่คาดฝ้นลองดูลาภกำลังรอคุณอยู่ก็ได้ครับ พระอัดกรอบพลาสติกสะท้อนแสงภาพไม่สวยรับรองพระจริงสวยกว่ารูป พพน 1692 93 2 94 95 3 96 97 4 98 99 5 1702 03 700 01 6 พร้อมกล่องพระ |
ราคาเปิดประมูล | 200 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 220 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 20 บาท |
วันเปิดประมูล | พ. - 28 พ.ย. 2555 - 00:34.10 |
วันปิดประมูล | อ. - 04 ธ.ค. 2555 - 16:42.31 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...