ประมูล หมวด:หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค – หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค – หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
พระสมเด็จนาคปรก ปสิทธิเม คุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก
ชื่อพระเครื่อง | พระสมเด็จนาคปรก ปสิทธิเม คุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก |
---|---|
รายละเอียด | พระสมเด็จนาคปรก ปสิทธิเม คุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก ประวัติ เจ้าคุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ พระคุณเจ้า ธมฺวิตกฺโก หรือหลวงพ่อนรรัตน์ ฯ นั้น ในความรู้สึกของภิกษุสามเณรรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในวัดนี้หรือวัดไหนก็ตาม ตลอดทั้งบุคคลภายนอกทั่งไปที่มีความสนใจในตัวท่าน ต่างก็มั่นใจและเลื่อมใสในคุณธรรมและความเป็นอยู่ของตัวท่าน บางคนก็พูดกันไปในลักษณะว่าท่านเป็นอริยะ คือผู้ประเสริฐด้วยการประพฤติบัติ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ดำเนินไปตรงจุดที่พระพุทะองค์ทรงสอนไว้ทุกประการ ในด้านส่วนตัว ท่านเป็นผู้ที่รักสันโดษ ยินดีในที่สงบสงัด ไม่รับรู้ในอิฏฐารมณ์ หรืออนิฏฐารมณ์ใด ๆ คือโลกธรรมไม่ครอบงำท่านได้ มีความประพฤติสม่ำเสมอ บำเพ็ญกิจวัตรเป็นประจำไม่ทำให้ขาดตกบกพร่อง เช่นการลงโบสถ์สวดมนต์ทำวัตรเป็นต้น ท่านถือเป็นกิจวัตรที่สำคัญ เวลาท่านสวดมนต์มีเสียงนำ ท่านจำแม่น จำได้มาก เป็นหลักประกันของภิกษุสามเณรได้ว่า ถึงเวลา ๒ โมงเช้าก็ดี ถึงเวลา ๕ โมงเย็นก็ดี จะต้องได้พบ ได้เห็นท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ อย่างแน่นอน ที่เรียกท่านว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ นั้น มีบางคนยังเข้าใจผิด คิดว่าท่านได้รับแต่งตั้งเป็นชั้นเจ้าคุณทางพระสงฆ์ (อย่างที่เห็น เดี๋ยวองค์นั้นได้เป็นพระครู เดี๋ยวองค์นี้ได้เป็นเจ้าคุณ เป็นต้น) ความจริงท่านไม่ได้รับตำแหน่งใด ๆ จากทางคณะสงฆ์เลย และถึงจะได้ ท่านก็ไม่รับ เพราะท่านว่า “พอแล้ว” ท่านได้รับมามากแล้ว คือท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นถึง พระยานรรัตนราชมานิต ใกล้ชิดเจ้าเหนือหัว ฯ เมื่อท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่ พระยานรรัตนราชมานิต นั้น อายุท่านยังไม่เต็ม ๒๕ เลย และท่านเคยเล่าให้อาตมภาพฟังว่า “ในหลวงรับสั่งว่า ข้าจะให้เจ้าเป็นถึง เจ้าพระยาด้วยซ้ำไป แต่เจ้าอายุไม่ถึง ๓๐ “ ฯ เพราะฉะนั้น ที่ส่วนมากเรียกท่านว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ นั้น ก็คือเอายศชั้นพระยาของท่านซึ่งได้รับพระราชทานไว้เมื่อก่อนท่านบวช มาใช้เรียกว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ (ท่านบวชเมื่ออายุย่าง ๒๙ ปี) ท่านชอบศึกษาทางจิต อบรมฝึกฝนทางกระแสจิตมามาก จึงมีจิตใจเข้มแข็งและอดทนเป็นยอด ฯ แม้ท่านจะได้รับทุกขเวทนามากมายเพียงใดท่านก็มิได้แสดงอาการอะไรให้ผิดแปลกไปจากธรรมดา คงรักษาปกติกิริยาไว้ได้อย่างอัศจรรย์ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ซึ่งทุกคนที่รู้ที่เห็น และได้ทราบ ท่านก็จะต้องคิดเห็นว่า ท่านนี้ไม่เหมือนใคร และใครก็ไม่เหมือนท่าน ในด้านความอดทนนับว่าเป็นยอด ท่านใช้พลังจิตของท่านเข้าต่อสู้กับศัตรูคือโรคภัยไข้เจ็บที่มาเบียดเบียนท่าน ให้หายไปได้โดยมิต้องใช้ยารักษา อาตมภาพเคยเรียนถามท่านว่า ได้ทราบว่า ท่านเคยเป็นโรคมะเร็งกรามช้าง แล้วทำอย่างไรจึงหายได้ ท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า เคยเป็นโรคมะเร็งกรามช้างจริง เป็นทั้งสองข้าง กินแก้มทะลุเน่าเฟะ ฟันร่วง เวลาฉันน้ำ ๆ จะไหลออกทางแก้ม ได้เรียนถามท่านว่า เป็นอยู่นานเท่าไร และได้หยุดลงโบสถ์หรือเปล่า ท่านว่าเป็นอยู่ประมาณเกือบ ๒ เดือน (เป็นก่อน พ.ศ. ๘๐) และระหว่างที่เป็นอยู่ก็มิได้หยุดลงโบสถ์ คงลงโบสถ์ทำวัตรเป็นประจำ จนเจ้าพระคุณสมเด็จพระอุปัชฌาย์ท่านว่า “นี่ คุณ ๆ อย่าทรมานสังขารให้มากนักเลย ให้หมอเขาดูเสียบ้างเถอะ” แต่ท่านก็มิได้ให้หมอที่ไหนดูแลรักษา คงใช้รักษาโรคด้วยพลังจิตของท่าน จนโรคร้ายหายสนิทได้อย่างอัศจรรย์ ฯ ท่านเป็นอยู่อย่างปกติ และเป็นอยู่อย่างธรรมชาติจริง ๆ จะมีใครบ้างไหมที่มีความเป็นอยู่เหมือนท่าน เช่น บนกุฏิของท่านไม่มีแสงสว่างใช้เลย ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีตะเกียง ไม่มีแม้กระทั่งแสงเทียน ท่านอยู่อย่างธรรมชาติจริง ๆ ท่านว่า แสงสว่างของโลกเขาส่องมาให้แล้ว ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ถึง ๖ โมงเย็น ก็มีแสงพระอาทิตย์ ถ้าจะต้องการอ่านหนังสือก็อ่านเสียในตอนนี้ ไม่จำเป็นจะต้องมาจุดไฟอ่านในเวลากลางคืน ตอนกลางคืนท่านอยู่มืด ๆ นั่งเข้าที่เจริญสมาธิภาวนาตามอัธยาศัย ฯ อนึ่ง ภายในกุฏิ ก. ๕ ที่ท่านอยู่อาศัยมาตั้งแต่ต้น ก็มีสิ่งของประดับประดาไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนท่าน คือสิ่งประดับกุฏิของท่านมีหัวกะโหลก โครงกระดูก และอีกสิ่งที่ท่านชอบและใช้อยู่เสมอก็คือหีบศพ ซึ่งท่านได้สั่งญาติของท่านต่อเตรียมไว้สำหรับท่าน และตั้งอยู่ในกุฏินั้น ท่านเคยลงไปนอนในหีบศพนั้นเป็นบางโอกาส ท่านเคยเล่าว่า เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕ – ๒๔๘๘ เวลามีเรือบินมาโจมตีพระนคร เปิดหวอหลบภัย ท่านจะลงไปนอนในหีบศพนั้นทุกครั้ง ท่านว่า ถ้าลูกระเบิดตกลงมาตรงนี้ก็ดีทีเดียว ไม่ต้องให้ใครมายกลงหีบ เพราะท่านนอนอยู่ในหีบแล้ว ฯ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๕ อุบาสิกาปรึกษ์ นาคสารน์ เป็นชีอยู่สำนักสงบจิต วัดปทุมวนาราม ได้มาปรารภกับอาตมภาพว่า อยากจะได้รูปโครงกระดูกไว้พิจารณากรรมฐานบ้าง อาตมภาพก็ไปเรียนขออนุญาตท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ขออนุญาตถ่ายรูปโครงกระดูกของท่าน ซึ่งท่านก็อนุญาตให้ถ่ายได้ตามประสงค์ ท่านได้เปิดประตูให้เข้าไปยกเอาโครงกระดูกนั้นออกมาตั้งอยู่ที่หน้าประตู เอาผ้าดำบังด้านหลัง ตั้งกล้องถ่ายรูปถ่ายภาพที่ประสงค์ ครั้นถ่ายเสร็จแล้ว ท่านได้กรุณาช่วยจับ ช่วยยกเอาเข้าไปตั้งไว้ตามเดิมด้วยความเมตตาอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธามาก ยิ่งมาในระยะหลัง ก่อนที่ท่านจะสิ้นไม่กี่เดือน ศรัทธาปสาทะของคนภายนอกยิ่งหนักขึ้น จะเห็นได้ว่า ตอนเย็น ๆ มักจะมีคนมาหาท่าน มาเยี่ยมท่าน มาขอพร มาขอน้ำมนต์ท่าน อย่างผิดปกติ แม้สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็ทรงมีพระราชศรัทธาปสาทะในพระคุณท่าน ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมท่านเป็นการส่วนพระองค์ถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๓ เวลาประมาณ ๑๘ นาฬิกา สมเด็จ ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่พระอุโบสถ ได้เสด็จประทับและตรัสถามข้อธรรมบางประการกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาส และท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ เป็นเวลานานประมาณชั่วโมงเศษ จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ ฯ ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ สมเด็จ ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาพร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้าชาย ฯ ได้ตรัสถามถึงเรื่องต่าง ๆ และข้อธรรมที่ทรงสนพระทัยกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ พอสมควรแก่เวลาแล้ว จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ นับว่าสมเด็จ ฯ ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสและทรงสนพระทัยในข้อวัตรปฏิบัติของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ เป็นกรณีพิเศษ แม้เมื่อท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ได้ถึงมรณภาพดับขันธ์ล่วงไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๑๔ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็ได้ทรงมีพระเมตตากรุณา เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ อีก ๒ ครั้ง ครั้งแรก ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ๒ วัน คือวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๑๔ เวลาประมาณ ๑๖ นาฬิกา สมเด็จ ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธี มีพระสงฆ์ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระราชาคณะ ถวายพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ ครั้นจบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับ วันรุ่งขึ้น ๓ มีนาคม สมเด็จ ฯ มิได้เสด็จพระราชดำเนินมา ทรงให้ผู้แทนพระองค์มาทรงประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล มีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ที่ได้รับอาราธนาสวดพระพุทธมนต์ไว้ในวันก่อน อนึ่งในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๑๔ สมเด็จ ฯ ก็ได้ทรงมีพระราชศรัทธาปสาทะ เสด็จพระราชดำเนินมาพร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้าชาย ฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ ทรงประกอบพิธีวันเดียว คืออาราธนาพระสงฆ์เท่าจำนวน ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ จบแล้ว รับพระราชทานฉันภัตตาหารเพล ทรงประเคนไทยธรรม เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ และตระกูล จินตยานนท์ เป็นล้นพ้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ท่านได้รับอาราธนาให้เป็นพระอาจารย์เข้าทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ ทางวัดได้จัดงานบำเพ็ญกุศลฉลองอายุเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเถระ) ในวาระที่เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ มีชนมายุครบ ๗๑ ปี ในงานนี้มีสร้างของเป็นที่ระลึกคือ เหรียญสมเด็จสรงน้ำ เป็นรูปใบเสมารมดำ และพระผงสมเด็จสรงน้ำ บรรจุเส้นเกศาของเจ้าพระคุณสมเด็จด้วย เรื่องการสร้างพระผงสมเด็จสรงน้ำนี้ มีพระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เป็นแม่งานควบคุมการสร้าง ตั้งแต่ผสมผง ตำผง และพิมพ์องค์พระ จำนวนที่สร้างในครั้งนั้น ประมาณว่าบรรจุเต็มบาตรเกือบ ๑๐ บาตร ได้นิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาในพิธีเป็นจำนวนมาก พิธีปลุกเสกเริ่มตอนค่ำไปจนเกือบตลอดรุ่ง มีเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ ฯ เป็นองค์ประธานปลุกเสก ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ท่านได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกด้วยเป็นครั้งแรก (พระผงรุ่นนี้ก็เป็นที่นิยมกัน หากันตลอดมาจนถึงเวลานี้) ครั้งที่ ๒ ท่านนั่งปลุกเสกพระผงสมเด็จสรงน้ำรุ่น ๒ (รุ่นเกาหลี) เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ สงครามเกาหลีปีแรก สำหรับแจกทหารหาญ ครั้งนี้ท่านได้นั่งบนธรรมาสน์เล็ก ชิดเสาร์โบสถ์ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ได้ทำพิธีปลุกเสกองค์เดียวถึง ๔ ทุ่มเศษ จึงเสร็จพิธี ครั้งที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นพิธีบริกรรมปลุกเสกครั้งสำคัญ เพราะจัดทำกันตลอดรุ่ง วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในครั้งนั้น มีพระกริ่งใหญ่ – เล็ก ขันน้ำมนต์ และเหรียญสมเด็จ พ.ฆ.อ. รูปไข่ ในครั้งนี้มีพระคณาจารย์มาก นั่งปลุกเสกสับเปลี่ยนกันตลอดรุ่ง แต่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ท่านนั่งชิดประตูหน้าโบสถ์ด้านขวาองค์เดียว ไม่สับเปลี่ยนกับองค์ใดจนตลอดรุ่ง โดยมิได้ลุกขึ้นเลย (ทีรูปถ่าย ๒รูป ที่อาตมภาพถ่ายไว้ในครั้งนั้นให้ดูด้วย) เรื่องนั่งทนยืนทนของท่านเห็นจะไม่มีใครเกิน ปฏิปทาอีกข้อหนึ่งของท่าน ที่นำความเชื่อความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นแก่สาธุชนทั่วไป ที่ได้รู้ได้เห็น ได้แก่การบำเพ็ญศาสนกิจในวันพิเศษ คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชาและวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีรธาตุ ๓ สมัยกาลนี้ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ท่านจะบำเพ็ญมหากุศลเป็นกรณีพิเศษ คือเมื่อท่านเดินเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เสร็จแล้ว ก็เข้าสู่ภายในพระอุโบสถ เริ่มพิธีสวดมนต์ทำวัตรค่ำ และต่อจากนั้น ท่านจะนั่งฟังเทศน์ฟังสวดบรรยายธรรม ตั้งแต่หัวค่ำไปจนตลอดรุ่งสว่าง ไม่เคยลุกขึ้นจากที่เลย ท่านได้ปฏิบัติเช่นนี้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เวลาที่ท่านนั่งอยู่กับที่นั้น เห็นมียุงมาเกาะแขนท่านเต็มไปหมด อาตมภาพเคยเอาผ้าเช็ดหน้าไปโบกไล่ยุงให้ท่าน ท่านพูดว่า “ไม่ต้องดอก ปล่อยให้เขากินให้อิ่ม วันนี้สละเลือดเนื้อเป็นพุทธบูชา” นับว่าท่านเป็นยอดในการอดทน เสียสละ และยอดกตัญญู ท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้กรุณาเล่าให้อาตมภาพฟังว่า เมื่อถึงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน อันเป็นวันสวรรคตของล้นเกล้า รัชกาลที่ ๖ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ท่านจะงดฉันอาหาร ๑ วัน และนั่งทำสมาธิ เพื่อน้อมจิตอุทิศบุญกุศลถวายล้นเกล้า ฯ เจ้าพระเดชนายพระคุณของท่าน ตั้งแต่หัวค่ำ ไปจนตลอดรุ่ง ท่านทำเป็นประจำทุก ๆ ปี ที่ถึงวาระ และได้สั่งให้ทางญาติของท่านทำทอฟฟี่มาถวายพระวัดเทพ ฯ ด้วยเป็นประจำ นับว่าท่านเป็นยอดกตัญญู หาได้ยาก เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ มีอายุครบ ๖ รอบแล้ว อาตมภาพได้ขออนุญาตท่านเพื่อจัดสร้างเหรียญที่ระลึกอายุครบ ๖ รอบเป็นรุ่นพิเศษ วัตถุประสงค์เพื่อจะรวบรวมปัจจัยไปสมทบสร้างโบสถ์วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งยังกำลังก่อสร้างค้างอยู่ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อท่านทราบวัตถุประสงค์เช่นนี้แล้ว จึงอนุมัติให้จัดสร้างได้ และท่านยังบอกว่า ท่านก็ไม่เคยสร้างโบสถ์เหมือนกัน เหรียญที่ระลึกอายุ ๖ รอบรุ่นพิเศษ ๑ นั้น มีลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ ครึ่งองค์เห็นด้านซ้าย มีใหญ่ มีเล็ก สร้างจากกองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ และท่านได้กรุณาปลุกเสกให้เมื่อวันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ตรงกับวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ เหรียญรุ่นนี้มีเรียกกันหลายอย่าง เรียกว่ารุ่นเสาร์ ๕ บ้าง ว่ารุ่น ๖ รอบบ้าง บางคนเรียกเหรียญข้าง เพราะเห็นด้านข้าง อันที่จริงวัดอุทยานนี้ก็เคยได้รับอุปการะจากพระคุณท่านมาตั้งแต่ต้นแล้ว คือเริ่มแต่งานวางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์มาแล้ว ในครั้งนั้น พ.ศ. ๒๕๑๑ อาตมภาพได้จัดสร้างพระผงสมเด็จอุทยานขึ้น (แบบสมเด็จวัดระฆัง) มีจำนวน ๕,๐๐๐ องค์ และมีพระแบบอื่นอีกบ้าง รวมกันประมาณหมื่นองค์ เมื่อจัดสร้างขึ้นเรียบร้อย ก็บรรจุหีบห่อ แล้วได้ขนเข้าไปในโบสถ์ วางไว้บนชุกชี แล้ววงสายสิญจน์โดยรอบ ได้มอบกลุ่มสายสิญจน์ถวายท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ เรียนความประสงค์ให้ท่านทราบ ท่านได้กรุณาทำ |
ราคาเปิดประมูล | 399 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 409 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | ศ. - 09 พ.ย. 2555 - 05:13.40 |
วันปิดประมูล | พฤ. - 22 พ.ย. 2555 - 09:55.38 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...