ประมูล หมวด:หลวงปู่ทวด ทั่วไป วัดอื่นๆ
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ แคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ ค้าขาย หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่
ชื่อพระเครื่อง | หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ แคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ ค้าขาย หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่ |
---|---|
รายละเอียด | พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ แคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ ค้าขาย หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่ ประวัติโดยสังเขป ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าจาก หลวงพ่อ จำเนียร สีลเสฏโฐ เกี่ยวกับประวัติของท่านและความเป็นมาของวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ซึ่งเรียบเรียงมาจากหนังสือทิพย์ ชุดผู้มีญาณวิเศษ ๑ พออาตมาอายุ สิบกว่าปีเรียนวิทยาศาสตร์ เอาทุกรูปแบบคนนับถือกันมากก็ตอนอายุ ๘-๑๐ ขวบนี่เองจับโจรก็เคยจับ ต่อสู้กับอัธพาลมาก็มากมาย สมัยเป็นเด็กเคยทำมาหลายอย่างที่ทำให้คนรู้จัก แต่ทั้งหมดก็ได้มาจากความรู้ที่ได้เรียนมา รอดตาย ๓ ครั้ง ช่วงที่อาตมาเป็นชาวประมงนั้นอยู่ในระหว่างอายุ ๑๐-๑๘ ปี ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด คือรับได้อับปางจมลงทะเลถึง ๓ ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกอาตนมรู้ตัวว่าเรือจะต้องจมเพราะว่าลมแรงดูคลื่นก็รู้ มดบ้าง แมลงบ้างบอกเหตุให้ก่อน ในขณะที่อาตมารุ้ว่าเรือต้องจมแน่นั้นบอกเพื่อนก็ไม่เชื่อ อาตมาจึงเอาเชือกมาผูกไว้กับเรือ และกระเป๋าข้าวของบางอย่างก็ต้องผูกให้เรียบร้อยหมด ได้เตรียมทุกอย่างแล้วก็มีธงทุ่นลอยเตรียมไว้พร้อม ทั้งก้อนหินเพื่อที่จะได้ทิ้งเครื่องหมายไว้เมื่อเรือจม จะได้กลับมาเอาของได้ หลังจากนั้นก็เกิดลมแรงคลื่นใหญ่พาเรือจมจริง ๆ พอจะจมอาตมาก็ผูกตัวเองด้วยเชือกไว้กับเรือแล้วก็ผูกให้เพื่อนด้วย เพื่อนก็พลอยรอดตามไปด้วยทั้ง ๓ ครั้ง ครั้งแรกต้องลอยคออยู่กลางทะเล ๕ ชั่วโมง ได้มีเรือมาช่วยชีวิตไว้ ครั้งสองได้กู้เรือขึ้นเองโดยมีเพื่อนอีก ๓ คนช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ ครั้งที่สามต้องลอยคออยู่ในทะเลท่ามกลางพายุใหญ่ทีพัดกระหน่ำรุนแรงตลอดทั้ง คืนจึงถึงเที่ยงวันอีกครึ่งวันจึงกู้เรือขึ้นได้เพราะมีเรืออื่นมาช่วย อาตมาไม่ประมาทตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ไว้ใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ ให้พรบวชไม่สึก ต่อมาอาตมาได้ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับศีลาจารวัตรอันงดงาม ของ พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ ( วัดพระธาตุน้อย ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ) หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ ครั้งนั้นอาตมารู้ข่าวว่าพ่อท่านคล้ายมาที่บ้านเขาธง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกิจในการสงเคราะห์ญาติโยม อาตมาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ได้ตระเตรียมและเรี่ยไรเครื่องบริโภคต่างๆ มีกะปิ ปลา กุ้ง เป็นอันมาก รวบรวมเอาไปถวายท่านให้เป็นทาน เมื่ออาตมาไปถึงก็ได้ถวายของไทยทานแก่ท่าน แล้วขอพร แล้วก็ขอชานหมากมา ซึ่งได้ขอพรจากท่านว่า " หลวงพ่อครับ…ให้พรผมบวชไม่สึกนะ ให้มีธรรมะชั้นสูง " แล้วท่านก็ให้พร และให้ชานหมากมาแจกกัน ปรากฏว่าช่วงระยะไม่ถึงปี ชานหมากนั้นกลับกลายเป็นเหล็ก ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมาก จนสามารถขีดหินเป็นร่องรอยได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะตามธรรมดาแล้วชานหมากนั้น หากทิ้งไว้นานก็จะแห้งกรอบและอ่อน ไม่น่าจะแข็งและกลายสี กลายสภาพเป็นธาตุเหล็กได้เลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติอย่างหนึ่ง จากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้อาตมาศรัทธาหลวงพ่อคล้ายตั้งแต่อายุยังน้อยเรื่อยมา พ่อตายจึงได้บวช ต่อมาเมื่ออาตมาอายุได้ ๑๙ ปี พ่อก็ตายไปด้วยโรคเจ็บออด ๆ แอด ๆ มีหลายโรคแทรกซ้อนตามวัยชรา พอปีต่อมาตรงกับ พ.ศ.๒๕๐๐ อาตมาก็ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ถูกเกณฑ์ก็ได้โอกาสจะบวชเพราะอายุ ๒๐ ปีแล้ว และประกอบกับพ่อตายตายแล้วจึงมีสิทธิ์จะชวชได้ตามที่พ่อเคยบอกไว้ ก่อนที่อาตมาจได้บวชนั้น หากรู้ว่ามีพระธุดงค์มาก็เข้าไปหาทันทีเพื่อสอบถามเรื่องการเดินธุดงค์และ วิธีปฏิบัติ ทั้งยังถามเรื่องของขลัง ถามเรื่องวิธีปัดกวาด ทำให้อาตมาได้ธรรมะและแนววิธีการต่าง ๆ มาและได้จำมาปฎิบัติในภายหลังเมื่อมีโอกาส เมื่อตั้งใจจะบวชแน่นอนแล้วได้ตั้งความคิดไว้ว่า เงินได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกให้หมดไม่เอาความร่ำรวยไว้ มีเรือ ๒๓ ลำ ลูกน้องทั้งหมด ๒๐ คน ได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกคนจนให้อะไรเขาหมดเลยไม่มีเหลืออะไรสักอย่าง เราไม่อยู่เป็นฆราวาสแล้ว ไม่สึกเด็ดขาด อาตมาบวชที่วัดนารีประดิษฐ์ ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ท่านพระครูกาเดิม วัดบูรณาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประดิษฐ์สุวรรณวัตร เป็นพระกรรมวาจารย์ พบพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ เมื่ออยู่วัดนารีประดิษฐ์ครบ ๗ ปี ตามที่ได้อธิษฐานไว้ก็กราบลาจากวัดนารีประดิษฐ์ไปอยู่วัดท้าวโคตร ซึ่งต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น วัดชายนา ตอนนั้นเป็นสำนักวิปัสนากรรมฐาน พระอาจารย์ใหญ่ผู้ทำการอบรมสั่งสอนสำนักนี้คือ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ (แป้น ชาวเวียง) ในระยะนั้นท่านธัมมธโรเพิ่งจะสร้างวัดร้างชายนาให้สำเร็จเป็นวัดขึ้นมาใหม่ ๆ (ขณะนี้ท่านธัมมธโรมาสร้างวัดไทรงามอันโด่งดังอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี) ที่ สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดท้าวโคตรนี้ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรสอนแบบมหาสติปัฎฐาน๔ สายสุขวิปัสสโกตัดทิ้งเรื่องนิมิตในสมาธิ เรื่องโอภาสแสงสว่าง เรื่องอะไรต่ออะไรที่เป็นวิปัสสนูกิเลสทิ้งหมดเลย ไม่เอาอภิญญาฤทธิ์เดชอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเอาการเห็นผีสางเทวดา เอามรรคผลนิพพานล้วน ๆ บริสุทธิ์อย่างเดียวเรียกว่าการปฏิบัติแบบ ปัญญาวิมุตติ "ท่านจำเนียรปฎิบัติกรรมฐานมาบ้างแล้วหรือยัง" พระอาจารย์ธัมมธโรถามอาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบว่าตั้งแต่บวชมา ๗ ปีแล้ว ก็เจริญกรรมฐานมาเรื่อย ทำทั้งแบบสมถวิธีเจือปนกับวิปัสสนา และทำแบบยุบหนอพองหนอ ตามแนววัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ "ท่านจำเนียรมีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์บ้างหรือเปล่า?" ท่านอาจารย์ธัมมธโรซักอีก อาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบตามตรงไม่ปิดบังเลยว่าเคยศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่ อายุ ๖ ขวบเศษ ฝึกนั่งสมาธิเรียนโหราศาสตร์และแพทย์แผนโบราณโดยมีพ่อสอนให้เพราะพ่อเคยเป็น พระธุดงค์ อาตมาเปิดเผยอย่างละเอียดละออหมดทำให้ท่านธัมมธโรภิกขุพอใจมาก แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นฆราวาสหนุ่มก็ไปเรียนวิชาอาคมกับ เพื่อนๆ ด้วยเหมือนกัน มีการลงอักขระยันต์ตามเนื้อตัว และเรียกคาถาอาคมต่าง ๆ การสักยันต์ทางหนังเหนียวอยู่ยง เมื่อท่านสักยันต์เสร็จก็มีการลองของกันทันทีสด ๆ ร้อน ๆ ต่อหน้าอาจารย์เลย คือฟันด้วยมีดดาบบ้าง แทงบ้าง มีดแหลมบ้าง เชือดเฉือนด้วยมีด จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปีเศษ ได้บวชเป็นสามเณร เมื่อบวชเรียนแล้วก็เลิกทางไสยศาสตร์ หันมาปฎิบัติทางพุทธศาสนา "วิชาทางอาคมไสยเวทย์หนังเหนียว อยู่ยงคงประพัน เป็นวิชาของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งขัดขวางการปฎิบัติวิปัสสนา ถ้าท่านจำเนียรจะอยู่ปฎิบัติวิปัสสนาที่สำนักของผมจะต้องปล่อยวางเรื่องไสย เวทย์วิทยาคมให้หมดจึงจะเรียนปฎิบัติปัสสนาได้ผล ท่านจำเนียรเลิกได้ใหมละ? อาตมานั่งคิดอยู่นานเพราะถ้าทิ้งหมดเลยก็แปลว่าเลิกสงเคราะห์ช่วยเหลือ ศรัทธาญาติโยม คือไสยศาสตร์เป็นวิชที่สงเคราะห์ชาวบ้านได้ตามที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว นั่งคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกราบเรียนท่านไปว่า "ผมคงเลิกวิชาไสยศาสตร์ไม่ได้ครับท่าน" ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรพอใจ ท่านสอนมหาสติปัฎฐาน๔ อธิบายละเอียดมาก มรรค๔ ก็สอนละเอียดลึกซึ้งน่าอัศจรรย์ อาตมาศรัทธามากยกให้ท่านเก่งจริง ๆ อาตมาเรียนทั้งภาควิชาการและการปฎิบัติควบคู่กันไป แต่หนักไปทางปฎิบัติ พรรษาแรกที่วัดชายนา อาตมาปฎิบัติสติปัฎฐานอย่างเอาจริงเอาจรัง อาศัยมีพื้นฐานทางสมาธิมาแล้ว จิตใจจึงควบคุมง่ายไม่ฟุ้งซ่าน ครั้นเมื่อมาเจริญสติก็สามารถใช้สติคุมจิตได้ตามแนวมหาสติปัฎฐานได้ง่ายขึ้น การเจริญสติปัฎฐานในพรรษานี้ได้ผลดีมาก ในขณะนั้น พระอาจารย์วิชัย เขมิโย แห่งวัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย ได้ธุดงค์ไปหาความรู้ทางภาคใต้ ได้ฟังอาตมาบรรยายสติปัฎฐาน๔ ในคืนนั้นจนหมดที่วัดชายนา ก็ซึ้งในธรรมะนั้นมาก พระอาจารย์วิชัยได้นำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัดนานถึง ๒ ปีเศษที่วัดนี้ จึงได้ออกไปธุดงค์ต่อไปทางภาคอีสานและภาคเหนือ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๑๖ ได้อยู่ปฎิบัติที่ถ้ำผาจม และสร้างวัดขึ้นที่นั่นจนปัจจุบัน ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือทิพย์ ชุดผู้มีญาณวิเศษ ๑ และเวบไซต์ siamsouth มากๆครับ |
ราคาเปิดประมูล | 290 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 300 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | ศ. - 31 ส.ค. 2555 - 21:40.10 |
วันปิดประมูล | พ. - 19 ก.ย. 2555 - 18:17.11 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...