ประมูล หมวด:พระกรุ เนื้อดิน - เนื้อผง
หลวงพ่อโต วัดบางกระทิง พิมพ์มารวิชัย
ชื่อพระเครื่อง | หลวงพ่อโต วัดบางกระทิง พิมพ์มารวิชัย |
---|---|
รายละเอียด | เมืองกรุงเก่า หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น เด่นดังด้วยพระเครื่องกรุต่างๆที่สร้างสรรค์โดยฝีมือช่างอยุธยา มาตลอดเวลากว่า 400 ปีที่อยุธยาเป็นราชธานี พระกรุเก่าที่แฝงด้วยความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ และเปี่ยมด้วยคุณค่าความงามทางพุทธศิลป์ของอยุธยานั้น ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่องตลอดมา และในบรรดาพระเครื่องยอดนิยมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง จัดเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับแนวหน้าอีกพิมพ์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมานาน เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของพระเครื่องเมืองอยุธยาเลยทีเดียว ความจริงนั้น พระหลวงพ่อโต ได้พบกระจัดกระจายอยู่ทั่วตามกรุต่างๆ ทั้งในอยุธยา เช่น - กรุวัดใหญ่ชัยมงคล - กรุวัดมเหยงค์ - กรุวัดมหาธาตุ - กรุวัดราชบูรณะ - กรุบึงพระราม และจังหวัดอื่นๆ เช่น ใน กทม. ได้พบที่กรุวัดหนัง วัดระฆัง วัดสระเกศ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังได้พบที่ นนทบุรี ปทุมธานี รวมไปถึงที่กรุวัดเหนือ จ.กาญจนบุรี ก็ยังได้พบพระหลวงพ่อโตขึ้นกรุมาพร้อมกับพระท่ากระดานอีกด้วย ซึ่งเมื่อมีการเปิดกรุครั้งใดก็มักจะพบพระหลวงพ่อโตที่เป็นทั้งพระเนื้อดิน และพระเนื้อชินปะปนอยู่ในกรุเหล่านี้ด้วยเสมอ ในจำนวนพระหลวงพ่อโตกรุต่างๆเหล่านี้ กรุพระหลวงพ่อโตที่ขุดพบ และมีความยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดนั้นได้แก่ "พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง" ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่นี่ได้พบพระหลวงพ่อโตจำนวนมากที่สุด อีกทั้งยังได้พบแม่พิมพ์ที่ใช้พิมพ์พระหลวงพ่อโตจำนวนมากบรรจุรวมอยู่ในกรุนี้ด้วย หลักฐานสำคัญดังกล่าวจึงทำให้เชื่อว่า ที่กรุบางกระทิงนี้ น่าจะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของพระหลวงพ่อโต ส่วนพระที่พบในกรุอื่นนั้น น่าจะเป็นลักษณะของพระที่นำไปฝากกรุในภายหลัง พระหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง จะมีการแตกกรุออกมาเมื่อไรนั้นคงไม่มีใครทราบช่วงเวลาที่แน่ชัดนัก เพราะเดิมทีนั้นได้มีผู้พบเห็นพระหลวงพ่อโตตกหล่นอยู่ตามบริเวณพื้นที่รอบๆวัดบางกระทิงมานานแล้ว แต่ที่แตกกรุอย่างเป็นทางการและมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแน่นอน ก็คือเมื่อปี 2481 เนื่องจากวัดได้รื้อพระอุโบสถหลังเดิมเพื่อสร้างใหม่ จึงได้พบกรุพระหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมากมายหลายหมื่นองค์ ซึ่งในครั้งนั้นทางวัดได้แจกจ่ายไปยังผู้ร่วมกุศลทีร่วมกันสร้างโบสถ์ จนเหลือพระอยู่ในราว 10 ปิ๊ป ซึ่งพระที่เหลือจำนวนนี้ทางวัดได้นำไปบรรจุที่ฐานชุกชีพระประธานของพระอุโบสถหลังใหม่ ต่อมาในปี 2510 ได้มีมิจฉาชีพมาลักลอบขุดพระที่บรรจุไว้ที่ฐานชุกชีไปบางส่วน ทางวัดจึงได้นำพระจากใต้ฐานชุกชีที่เหลือขึ้นมาเพื่อป้องกันคนร้ายมาลักลอบขุดอีก และในครั้งนี้ก็ยังได้พบพระหลวงพ่อโตที่ฐานชุกชีอีกกรุหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่ทางวัดบรรจุไว้เมื่อคราวสร้างโบสถ์ พระหลวงพ่อโตที่พบใหม่นี้ มีจำนวนถึง 84000 องค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ตามคติการสรางพระพิมพ์ในสมัยโบราณ และทางวัดได้ให้กรมศิลปากรมาตรวจพิสูจน์พระดังกล่าว กรมศิลปากรได้ลงความเห็นว่า พระหลวงพ่อโตที่พบใหม่โดยบังเอิญนี้ เป็นพระที่สร้างยุคหลังกว่าพระหลวงพ่อโตที่พบครั้งแรก นั่นคือ พระหลวงพ่อโตที่พบในครั้งแรกเป็นพระที่สร้างในสมัยอยุธยา ส่วนที่พบใหม่โดยบังเอิญนี้เป็นพระที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ แม้ว่าจะเป็นพระที่สร้างต่างยุคต่างเวลากันก็จริงอยู่ แต่สำหรับวงการนักสะสมแล้ว พระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิงทั้งสองยุค จะมีการสะสมรวมกันไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นพระยุคแรกหรือยุคหลัง เพราะเห็นว่าพุทธคุณที่ปรากฏก็เน้นหนักไปทางด้านคงกระพันเช่นเดียวกัน พุทธลักษณะของพระหลวงพ่อโต เป็นพระประดิษฐานอยู่ในกรอบรูปสามเหลี่ยม ประทับนั่งขัดสมาธิราบ บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย มีทั้งปางสมาธิและปางมารวิชัย องค์พระนูนเด่นล่ำสัน พระพักตร์ใหญ่ ด้วยลักษณะเด่นเช่นนี้ นักสะสมจึงถวายพระนามท่านว่า "พระหลวงพ่อโต" ส่วนมากแล้วรายระเอียดของเส้นสายลวดลายต่างๆทั้ง ปาก คอ คิ้ว คาง เส้นสังฆาฏิ มักติดพิมพ์คมชัดแทบทุกองค์ ส่วนขนาดนั้นก็แตกต่างลดหลั่นกันเล็กน้อย พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง เท่าที่พบจะเป็นพระเนื้อดินเผาทั้งสิ้น มีทั้งประเภทเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด พระที่แตกกรุเมื่อปี พ.ศ. 2481 ตามผิวพระจะไม่ปรากฏคราบกรุ หากแต่มีฝ้ากรุสีขาวหม่นเกาะจับประปราย โดยเฉพาะในองค์ที่ไม่ผ่านการสัมผัสจับต้องมากนักจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เป็นเพราะสภาพกรุที่อัดแน่นไปด้วยทรายจึงเป็นตัวป้องกันความชื้นได้เป็นอย่างดี คราบกรุและราดำจึงไม่ปรากฏให้เห็นในพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง เนื้อหาของพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิงนั้นมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพของกรุที่พบ เช่น ในพระหลวงพ่อโตที่แตกกรุเมื่อปี 2481 ซึ่งเป็นพระในสมัยอยุธยานั้น ก็จะมีทั้งประเภทเนื้อที่ค่อนข้างแกร่ง และประเภทเนื้อที่ค่อนข้างฟ่าม แต่โดยรวมแล้วเนื้อของพระหลวงพ่อโตจะต้องไม่แกร่งจนกระด้างและเนื้อตองแห้งอย่างมีน้ำมีนวล ลักษณะของเนื้อพระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิงที่สร้างในสมัยอยุธยา จะมีส่วนของเม็ดทรายเม็ดกรวดเล็กๆ ตลอดจนเกล็ดทรายเงินทรายทองปะปนอยู่ในเนื้อ ลักษณะผิวพระจะไม่เรียบปรากฏเป็นรอยพรุนเป็นแอ่งคลื่นอยู่โดยทั่วไป ส่วนเนื้อพระสมัยรัตนโกสินทร์ จะมีเนื้อละเอียด เม็ดกรวดเม็ดทรายน้อย และผิวพระค่อนข้างเรียบ มีฝ้ากรุหรือคราบละอองทรายสีขาวเกาะอยู่ ด้านหลังของพระหลวงพ่อโตส่วนใหญ่มักมีรอยปาด ที่เรียกกันว่า "รอยกาบหมาก" รอยดังกล่าวนี้ คือรอยอันเกิดจากการตกแต่งองค์พระด้านหลังด้วยการปาดเอาเนื้อส่วนที่นูนออกไป โดยที่เนื้อพระหลวงพ่อโต มีส่วนผสมของเม็ดกรวดทรายอยู่ด้วย เมื่อถูกปาด เม็ดกรวดเม็ดทรายเหล่านี้ก็จะครูดดันไปกับเนื้อพระ ทำให้เกิดเป็นรอยดังกล่าวขึ้นมา การพิจรณาพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิงนั้น ผู้ชำนาญการหลายๆท่านแนะนำให้พิจารณาจากเนื้อหาเป็นหลัก อย่าพยายามให้ความสำคัญกับจุดตำหนิพิมพ์ทรงมากนัก ที่เน้นให้ดูเนื้อหาของพระก็เพราะว่า เมื่อคราวเปิดกรุพระหลวงพ่อโตในปี 2481 นั้นได้พบแม่พิมพ์พระหลายชิ้นรวมอยู่ด้วย และแม่พิมพ์ส่วนหนึ่งก็ได้ออกไปอยู่กับพวกมือดีบางพวก ซึ่งได้ใช้แม่พิมพ์ดังกล่าวพิมพ์พระหลวงพ่อโตออกมาด้วย แน่นอนว่าพระปลอมอันที่เกิดจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกันนี้ ก็ย่อมมีตำหนิและพิมพ์ทรงเหมือนกันกับพระแท้ทุกประการ แต่ส่วนที่พระปลอมยังทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดีนักก็คือเนื้อหา และธรรมชาติความเก่าในเนื้อพระนั่นเอง เมื่อดูเนื้อหาความเก่าผ่านแล้วจึงค่อยมาดูตำหนิต่างๆดูอีกที อย่าลืมว่าพระหลวงพ่อโตนี้มีของปลอมระบาดมานานแล้ว มีทั้งปลอมจากแม่พิมพ์แท้ และปลอมจากการแกะแม่พิมพ์ออกมาใหม่ หรือไม่ก็ใช้วิธีการถอดพิมพ์ ซึ่งหากเป็น 2 วิธีหลังนี้ การพิจรณาจุดตำหนิก็คงง่ายขึ้น นอกจากกรุวัดบางกระทิงแล้ว ยังมีพระหลวงพ่อโต อยุธยา ที่ไดรับความนิยมมากอีกกรุหนึ่งนั่นก็คือ พระหลวงพ่อโตของกรุวัดตะไกร ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ประการหนึ่งคือ ที่ใต้ฐานจะมีรอยเสียบไม้สำหรับงัดองค์พระถอดออกจากแม่พิมพ์ ส่วนกรุวัดบางกระทิง และกรุอื่นๆ จะไม่มีรอยเสียบไม้ดังกล่าว นอกจากนั้น เนื้อหาของพระหลวงพ่อโตกรุวัดตะไกรยังเป็นพระเนื้อดินละเอียดผสมว่านและเกสรดอกไม้ ไม่ใช่เนื้อดินเผาธรรมดาเหมือนหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง จึงไม่ค่อยปรากฏเม็ดกรวดเม็ดทรายให้เห็น ซึ่งความแตกต่างตรงนี้เป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งในการพิจรณาว่าเป็นพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดี ขึ้นชื่อว่าเป็นพระหลวงพ่อโตแล้ว นักนิยมพระเครื่องส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นพระหลวงพ่อโตกรุไหนก็ตาม ก็ล้วนสูงส่งไปด้วยพุทธคุณเช่นเดียวกันทั้งสิ้น ***************************************************** หลวงพ่อโต วัดบางกระทิง พิมพ์มารวิชัย องค์นี้พิมพ์มีหน้ามีตาชัดเจน สังฆาฎิชัดมีเส้นริ้วจีวรชัดงดงามมาก...นิ้วชัด เนื้อดินแห้งฟ่ามมีรอยพรุน ตามผิวมีคราบฝ้ากรุเป็นสีขาวหม่นๆ จับทั่วติดเนื้อพระ...จัดเป็นพระสวยดูง่ายมากครับ ***************************************************** รับประกันแท้ตลอดชีพ...ค่าจัดส่งฟรีทั่วไทยครับ |
ราคาเปิดประมูล | 2,400 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 2,600 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | อ. - 16 พ.ย. 2553 - 13:39.07 |
วันปิดประมูล | พ. - 17 พ.ย. 2553 - 13:52.25 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 2,600 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
ราคาประมูลด่วน | 3,000 บาท |
เพิ่มครั้งละ | 100 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
2,500 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) | อ. - 16 พ.ย. 2553 - 13:52.25 | |
2,600 บาท | พ. - 17 พ.ย. 2553 - 09:32.23 |
กำลังโหลด...