ประมูล หมวด:เครื่องรางของขลัง
ปลัดขิก หลวงปู่เมฆ เนื้อไม้ วัดลำกระดาน กรุงเทพฯ ขนาด 1.2 นิ้ว มาพร้อมบัตรรับรอง
ชื่อพระเครื่อง | ปลัดขิก หลวงปู่เมฆ เนื้อไม้ วัดลำกระดาน กรุงเทพฯ ขนาด 1.2 นิ้ว มาพร้อมบัตรรับรอง |
---|---|
รายละเอียด | ปลัดขิก หลวงปู่เมฆ เนื้อไม้ วัดลำกระดาน กรุงเทพฯ ขนาด 1.2 นิ้ว มาพร้อมบัตรรับรอง ปลัดขิกหลวงปู่เมฆวัดลำกระดาน สภาพสวยไม่ผ่าการใช้ จุ่มเทียนเดิมๆจากวัดครับ ตัวเล็กๆแบบนี้แหละครับดีนักแลอาราธนาใส่กระเป๋าสตางค์ตัวเดียวไปได้ทั่วทิศครับปลอดภัยแน่นอน บอกกันแบบนี้หลายท่านคงกำลังคิดว่าผมมั่ว งั้นผมจะเล่าอะไรให้ฟังแล้วกัน ผมเองก็อาราธนาหลวงปู่ตัวเล็กๆแบบนี้แหละครับใส่กระเป๋าสตางค์พกติดตัวมาร่วมสามสิบปีแล้ว ตอนแรกก็คิดเพียงแค่จะเอาไว้กันงู เพราะบ้านเมียผมเป็นสวนอยู่แถวบางบอน งูเยอะครับ ตัวผมเองก็เป็นคนที่ไม่สนใจกับเรื่องอาราธนาทุกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ พูดง่ายๆจะไปไหนก็คว้าใส่กระเป๋าหลังแค่นั้นเอง แต่หลวงปู่ก็คุ้มครองมาตลอด เรียกว่าถ้าไม่มีหลวงปู่ผมคงจะตายหรือเจ็บหนักไปหลายครั้งแล้วทั้งจากอุบัติเหตุทางรถ และอื่นๆจากการใช้ชีวิตประจำวัน ประสบการณ์แรกของผมเกิดขึ้นตอนทำงานอยู่โรงงานพิมพ์ผ้าไหมแถวอุดมสุข วันนั้นผมกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ อาก็มาชวนไปดูผ้าที่ห้องรีด ชวนเสร็จแกก็เดินนำหน้าไปก่อนเลย ผมก็ลุกเดินตามหลังแกห่างกันสักสิบกว่าเมตร อาผมเดินเลี้ยวหัวโค้งท้ายโรงพิมพ์ไปได้สัก4-5 เมตร ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาปากก็ตะโกนอะไรฟังไม่ถนัด แล้วก็วิ่งเลยผมไปอยู่ข้างหลังปากก็ตะโกนว่าเฮ้ยระวังงู คราวนี้ได้ยินชัดผมก็เลยก้มมองที่พื้นก็เห็นลูกงูรุ่นๆ อยู่ตรงหน้าผมห่างออกไปเมตรกว่า ความที่มันอยู่นิ่งๆผมก็เลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็ไม่เห็นมีอะไรแค่ลูกงูอะไรก็ไม่รู้ แต่อาผมตะโกนสำทับมาอีกระวังนะเฮ้ยงูเห่า ผมก็ได้แต่งงๆเพราะไอ้งูตัวนั้นมันก็อยู่นิ่งๆไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว แล้วก็เลยเดินกลับมาที่อา พอผมห่างออกมาเกิน 2 เมตรเท่านั้นแหละครับ ไอ้ตัวเล็กนั่นก็ชูคอแผ่แม่เบี้ยหราทันที ก็เลยต้องยืนจ้องกันสักพักมันก็ค่อยๆลดหัวเลื้อยหนีไป ซึ่งตอนนั้นจนถึงเมื่อกี้ผมไม่ได้คิดอะไรมากกว่าแค่เจอลูกงูเห่า แต่อีตอนที่ลำดับเรื่องราววันนั้นเื่อจะเขียนวันนี้แหละเล่นเอาขนลุกเลย ครับจริงๆแล้วงูตัวนั้นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่แรกแบบที่ผมเข้าใจมาตลอดแน่ๆ เพราะอาผมเจอกับมันหลังจากเดินเลี้ยวไปแล้วหลายก้าว แล้วก็คงเป็นการปะหน้ากันแบบกระทันหัน ทำให้งูตัวนั้นตกใจแล้วมันก็คงจะไล่ฉกอาผมมาเกือบสิบเมตร ก่อนจะมาหมอบสนิทตอนที่เจอผมในระยะเมตรกว่าๆ ถ้าไม่มีหลวงปู่อยู่ในกระเป๋าคนที่อาจจะโดนฉกเป็นคนแรกก็คงจะผมนั่นแหละ เพราะยังเดินไม่รู้เรื่องอยู่ ผ่านเรื่องแรกมาแล้วลองมาฟังอีกเรื่องครับ วันนั้นเลิกงานกลับมาถึงบ้านช่วงใกล้ค่ำพอดี ก็จะลงไปเอาไม้ที่ใต้ถุนบ้าน มือก็ถือไฟฉายไปด้วยแต่ก็ไม่ได้เปิดสวิท เพราะมันยังสลัวๆอจะมองเห็นอยู่ ไปถึงกองไม้ผมก็ก้าวพรวดขึ้นไป เท่านั้นแหละครับเสียงอะไรบางอย่างมันก็ดังก้องขึ้นมาในแก้วหู มันดังแค่ครั้งเดียวแต่มันดังจนถึงขนาดเรียกว่าหูดับ เหมือนใครเปิดเครื่องเสียงหมดโวลลุ่มมากรอกใส่หูผมงั้นแหละ เสียงมันกรี๊ดคล้ายๆจิ้งหรีดแต่ไม่ใช่ มันเป็นเสียงแบบที่คนเฒ่าคนแก่เคยบอกว่าเสียงงูปิ่นแก้ว ผมนิ่งไปร่วมนาทีกว่าจะตั้งสติได้ไฟฉายในมือถูกเปิดสวิท แล้วไอ้ตัวต้นเสียงก็ปรากฏต่อหน้าผม งูเขียวหางไหม้ครับ ใจผมตอนนั้นแทบจะหล่นลงพื้น มันแค่งูเขียวหางไหม้ก็จริงแต่ไม่ใช่แค่ตัวเดียวครับ ผมไปยืนอยู่กลางฝูงงูเขียวร่วมๆ30-40 ตัว มันคงมาออกลูกบนกองไม้ ฝั่งซ้ายห่างสัก 1 ฟุต ไม่รู้พ่อหรือแม่มันอยู่ตรงนั้น ส่วนตัวใหญ่อีกตัวอยู่ทางขวา เยื้องเลยขึ้นไปห่างเกือบ 1 เมตร ที่เหลือเป็นลูกมันตัวขนาดนิ้วก้อย ยั้วเยี้ยอยู่รอบขาผมบ้างห่างออกไปบ้าง ไอ้งูชนิดนี้นักสัตว์ศาสตร์สรุปไว้ว่าขี้โมโหและมีประวัติกัดคนมากที่สุดเสียด้วย พิษของมันมีผลต่อกระแสเลือดเหมือนงูเห่าแต่อ่อนกว่า ไม่รู้โชคดีหรือคุณพระช่วยผมก้าวเข้าไปอยู่กลางฝูงงูแต่กลับไม่เหยียบถูกพวกมันสักตัว และที่แปลกกว่านั้นก็คือทุกตัวสงบนิ่งไม่ได้แสดงท่าทีอะไรกับผม มีเพียงสายตาพวกมันทุกตัวจ้องเขม็งมาที่ผม หลังจากรู้สถานการณ์ตัวเอง ผมก็ค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาอย่างลุ้นแล้วลุ้นอีกว่ามันจะเล่นงานผมไหม ถึงจะแค่งูเขียวหางไหม้ แต่ถ้าโดนเข้าไป 30- 40 ตัวแบบนี้อาจถึงตายเอาง่ายๆเหมือนกัน สุดท้ายผมก็รอดออกมายืนแบบหลอนนิดๆจนได้ครับ ก็เป็น 2 ครั้งครับ ที่เจองูแบบจังๆแล้วรอดมาได้ ยังมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรถราและอื่นๆอีกเยอะครับผมเล่าได้เป็นวันๆแหละเพราะพกแต่ปลัดขิกหลวงปู่เมฆมาร่วม 30 ปีแล้ว ไม่เคยมีพระเครื่องอื่นๆติดตัวอยู่ด้วยเลย ผมกล้ายืนยันตรงนี้เลยครับถ้าเรื่องงูเรื่องอุบัติเหตุแล้วไม่ผิดหวังครับ ส่วนโชคลาภค้าขายอันนี้ไม่รู้ครับ แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่องโชคลาภค้าขายก็เมล์มาคุยได้ครับ ร่ายมาเยอะแล้วใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไตร่ตรองกันดูครับ ********************************************************************************* เรื่องเล่า หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน มีนบุรี “ของดีกูไม่มี กูมีแต่ค. .” ยังจำติดแน่นสองหู ไม่ได้ทะลุไปไหน คิดถึงทีไร ก็อมยิ้มทุกทีไป เรื่องเป่าหัวในงานพุทธาภิเษก ที่เคยเขียนถึง หลวงปู่เมฆท่านจะไม่เป่าให้ใคร เด็ดขาด จนกว่าจะเสร็จพิธี นั่นแหละค่อยมาเป่ากันท่านว่า “เจ้าภาพเขาจัดพิธีต้องลง ทุน ใช้เงินทองมากมาย เขาไว้ใจเรามาร่วมพิธี เราต้องทำให้เขาก่อน เอาพลังที่เตรียม มาใส่ในวัตถุมงคล ให้สมกับที่เขาไว้ใจเรา” จึงน่ายินดี ใครที่มีวัตถุมงคลที่หลวงปู่เมฆ เข้าร่วมพิธี ต้องมีพลังขลังของท่านอยู่เต็มเปี่ยมแน่นนอน พิธีพุทธาภิเษกครั้งสุดท้ายที่หลวงปู่เมฆ เข้าร่วมคือพิธีที่วัดดวงแข ซึ่งท่าน กับหลวงปู่วิเวียนรักใคร่นับถือกัน หลวงปู่ต้องนั่งรถเข็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงอาพาธ เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นพิธีใหญ่ มีคณาจารย์ ๖๐ รูป ซึ่งระบือนามใน ยุคนั้น ร่วมนั่งปรก ในพิธีครั้งนั้นหลวงปู่ได้ออกจากพิธีเป็นรูปสุดท้าย เรียกว่าเสกทิ้ง ทวนกันละ ใครมีพระรุ่นนี้อยู่ในครอบครอง รับรองว่าดีแน่ เมื่อปี ๒๕๓๐ หลังจากกลับจากร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศน์ฯ หลวงปู่ เมฆสั่งให้ตามลูกศิษย์ผู้หนึ่งมาพบทันที เมื่อลูกศิษย์ผู้นั้นมาพบ หลวงปู่เปิดฉากทันที “ต่อไปนี้มึงไม่ต้องทำพระมาให้กูอีกแล้ว” “ทำไมละหลวงปู่” ถามงงๆ “มึงไม่ไว้ใจกู เอาพระของกูไปเข้าพิธีที่วัดบวรฯทำไม?” “หลวงปู่รู้?” “เออซิวะ ของๆกูทำไมกูจะไม่รู้” ของที่อยู่ในพิธีคลุมผ้าขาวไว้ เป็นเหรียญรูป เหมือนหลวงปู่เมฆ ด้านหลังเป็นรูปฤาษี ผู้สร้างปรารถนาดีเพื่อเพิ่มความเข้มขลัง จึง นำไปฝากพิธี นี่แหละเสือที่ไม่ยอมขอเนื้อใครกิน แต่ยอมสละเนื้อของตัวให้ หลวงพ่อสวัสดิ์ แห่งสำนักเม้าสุขา ชลบุรี ท่านจะปฏิเสธทุกครั้ง ที่มีผู้มาขอให้ ท่าน “ประสิทธิ์” วัตถุมงคลของท่าน ที่บูชามา “ของทุกอย่างได้ทำมาอย่างดีแล้ว ถ้าไม่ เชื่อใจกัน ไม่ต้องเอาไป” อหังการเสียไม่มี มีหลายท่านสงสัยเรื่องสรรพคุณของ “ไม้เขยตาย” ซึ่งมีอยู่หลายตำนาน ตาม แต่ละท้องถิ่นก็เล่าๆ ต่อกันมา แต่ก็คล้ายๆกัน ทางแม่กลองเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยาย เป็น” แต่หลวงปู่เมฆท่านเรียก “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแหล” ท่านเล่าว่า แม่ยายกับ ลูกเขย ออกไปทำนา ระหว่างทางลูกเขยถูกงูเห่ากัด พิษเข้าหัวใจเลยตาย แม่ยายจะ แบกศพลูกเขยกลับบ้านไม่ไหวเลยตัดกิ่งไม้ที่อยู่บริเวณนั้น มาคลุมศพลูกเขยไว้ แล้วกลับบ้านไปตามคนมาช่วยเอาศพลูกเขยกลับบ้าน ยางกิ่งไม้ที่แม่ยายตัดคลุมศพ ลูกเขย ก็ไหลเข้าปากลูกเขย ผลลูกเขยก็กลับฟื้นขึ้นมา แม่ยายเมื่อตามคนมาช่วยก็นั่ง เกวียนมา แต่พอมาถึงเห็นลูกเขยฟื้น ชาวบ้านเลยหาว่าแม่ยายโกหก เลยเรียกไม้นั้นว่า “ ไม้เขยตาย แม่ยายตอแล” นี่ถ้าเป็นแม่ยายบางคน คงถูกบีบคอเป็นของแถม ให้แน่ใจ ว่าตายแน่ๆ ก่อนเอาไม้มาคลุม ! งูกลัวไม้เขยตายจริงหรือไม่ ? ยางไม้เขยตายทำให้คนที่ถูกงูกัดตายฟื้นขึ้นมา ได้จริงไม่? คงไม่กล้าชี้ชัด แต่คนรุ่นเก่าแถวบ้านผมเมื่อออกนาต่างห้อยปลัดขิกของ หลวงปู่เมฆกันเป็นพวง ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง ก็ไม่เห็นงูมาตอแย ขนาดเป็นฤดูงูผสม พันธุ์วางไข่ ซึ่งเป็นช่วงที่งูดุที่สุด เมื่อเห็นรูปหลวงปู่เมฆ นั่งบนงู ไม่ใช่ท่านเกิดปี มะโรงนะครับ แต่เป็นความหมายว่า ท่านเป็น “ผู้สยบงู” งานประจำปีนมัสการหลวงปู่เมฆ เมื่อปีที่แล้วคุณเรณู ฮิรายาม่า สาวไทยชาว เมืองพิจิตร แต่งงานกับหนุ่มคริสเตียนชาวญี่ปุ่น พักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มาบนขอลูก กับหลวงปู่เมฆ งานปีนี้คุณเรณู ได้กลับมาอีกครั้งกับทายาทที่อยู่ในครรภ์ พร้อมด้วย โชคดีสองชั้น เมื่อตอนตั้งท้องใหม่ๆปรากฏว่าเป็นท้องนอกมดลูก ซึ่งเด็กในท้องไม่มี โอกาสรอด คุณเรณูได้ฝนปลัดขิกไม้เขยตายที่ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์สร้าง มอบให้ไป กินกับน้ำ ผลคือเด็กได้เคลื่อนกลับเข้าไปอยู่ในมดลูก สร้างความแปลกใจให้กับคณะ แพทย์ชาวญี่ปุ่น ทุกวันนี้สามีชาวญี่ปุ่นของคุณเรณู ห้อยเหรียญหลวงปู่เมฆอย่างเต็ม ภาคภูมิลืมไม้กางเขนไปเลย ท่านอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเป็นเพราะบารมี ของหลวงปู่เมฆ เพราะท่านจะ ทำอะไรก็ขอบารมีของหลวงปู่ทุกครั้ง หลวงปู่สั่งไว้ว่า “ถ้าจะนึกถึงกูให้จุดธูป ๕ ดอก ถ้าจะบนให้จุดธูป ๙ ดอก แค่มึงนึกถึงกู เรียก “ปู่” ก็จะสำเร็จ รูปของกู ของๆกูไม่ต้อง เสกไม่ต้องทำก็สำเร็จแล้ว” เรื่องนี้จะเป็นด้วยสรรพคุณของไม้เขยตาย หรือด้วยพลังบารมีของหลวงปู่ เมฆ แม้วิทยาการจะก้าวหน้าแต่หลายๆสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยากที่จะหาเหตุผลทางวิทยา ศาสตร์มาอธิบาย หลวงปู่เมฆเคยกล่าวว่า “กูยังไม่ตาย กูยังไม่ไปไหน พวกมึงเตรียมสถานที่ไว้ให้ กูแล้วกูจะมา” ในงานประจำปีของหลวงปู่มีศิษย์มากราบนมัสการมากมาย ท่าน อาจารย์อ้วนทั้งเป่า ทั้งรักษาผู้คนไม่หวาดไหว ซึ่งก็จะราบรื่นกว่าปกติ แสดงว่าในช่วง งานหลวงปู่ท่านมาอยู่ด้วย เมื่อครั้งที่ชายแดนด้านตะวันออกกำลังร้อนระอุ วันหนึ่งก็มีบรรดาทหารพราน พากันมาที่วัด เพื่อขอนมัสการหลวงปู่เมฆ บรรดาทหารพรานต่างโชว์ปลัดขิกของ หลวงปู่ บอกว่าเพิ่งรอดตายมาจากระเบิดหลังจากที่รับปลัดขิกจากมือหลวงปู่ไม่กี่ ชั่วโมง ต่างอ้างว่าหลวงปู่ไปแจก ถึงสนามรบที่ตาพระยาเมื่อตรวจวันเวลาที่เหล่า ทหารอ้างแล้ว เป็นที่ฮือฮา ปรากฏว่าหลวงปู่นอนอาพาธอยู่ที่กุฏิ ! เรื่องนี้หลวงปู่ได้แต่หัวเราะฮึๆ ก็แปลกดีนะ |
ราคาเปิดประมูล | 950 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 950 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | ส. - 07 ธ.ค. 2567 - 09:45.06 |
วันปิดประมูล | ศ. - 27 ธ.ค. 2567 - 09:45.06 (4วัน 20ชั่วโมง 35นาที) |
ผู้ตั้งประมูล | |
เบอร์ติดต่อ | 0826728836 |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 950 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
ยินดีต้อนรับ เข้าสู่การประมูล ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
ยังไม่มีผู้ประมูล |
กำลังโหลด...