
ประมูล หมวด:วัตถุมงคลของแผ่นดิน เชื้อพระวงศ์ บุคคลสำคัญ เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ธนบัตร
พระพุทธกษัตราภิมงคล หลวงปู่เทียม วัดกษัตรา
ชื่อพระเครื่อง | พระพุทธกษัตราภิมงคล หลวงปู่เทียม วัดกษัตรา |
---|---|
รายละเอียด | พระพุทธกษัตราภิมงคล เป็นพระ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประกอบพิธีเททองเมื่อ 19 กรกฎาคม 2519 พร้อมเสด็จฯเป็นองค์ประธานในพิธีพุทธาภิเษกอย่างเป็น ทางการ โดยทางคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างขึ้น เมื่อคราวมีงานฉลองอายุครบ 6 รอบ 72 ปี ของ (หลวงปู่เทียม) ในปี 2517 มีกล่องเดิม "พระพุทธกษัตราภิมงคล"อีกหนึ่งของดี"เมืองอยุธยา" ก่อนจะแนะนำอีกหนึ่ง “ของดีเมืองอยุธยา” ซึ่งถือได้ว่าเป็น “ของดี” ที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ใน “วัดกษัตราธิราช” ได้เช่นกันผู้เขียนขอย้อนรอยถึงเรื่องราวหนึ่งกับท่าน “ผู้อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” เพราะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและ “อยู่ในความทรงจำ” ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ (ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตแล้ว) ได้เล่าสืบต่อกันมาร่วม ๕๐ ปี เรื่องนี้ก็คือเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๖ “พระครูสมุห์อำพล พลวัฒฑโน” เจ้าอาวาสวัด ประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯได้จัดสร้าง “วัตถุมงคล” ขึ้นจำนวนมากโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทุนสร้าง พระอุโบสถและเสนาสนะ ที่ถูกไฟเผาผลาญไปเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ นอกจากสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบ “หลวงปู่ทวด” ด้วยเนื้อผงพุทธคุณต่าง ๆ แล้วยังได้สร้าง “พระกริ่งวัดประสาทบุญญาวาส” ขึ้นอีกด้วยตามที่นักสะสมทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งการสร้างพระกริ่งในครั้งนั้นขณะทำพิธี “เททองหล่อ” นายช่างได้ทำการหลอมโลหะซึ่งมี “แผ่นโลหะจารอักขระเลขยันต์” ของพระคณา จารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในยุคนั้นจากพระทั่วราชอาณาจักร ที่มีเมตตามอบให้เพื่อผสมกับโลหะที่ทางวัดประสาทฯจัดไว้สำหรับหล่อพระกริ่งและวัตถุมงคลเนื้อโลหะรูปแบบอื่น ๆ ปรากฏว่า “แผ่นโลหะจารอักขระ” ของคณาจารย์รูปอื่น ๆ ต่างหลอมละลายหมดแต่กลับมี “แผ่นโลหะจารอักขระ” แผ่นหนึ่ง “ไม่ยอมหลอมละลาย” สร้างความประหลาดใจให้กับนายช่างและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมาก นายช่างจึงทำการตักเอาแผ่นโลหะจารอักขระแผ่นนั้นขึ้นมาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นของท่าน “พระครูใบฏีกาเทียม สิริปัญญ โญ” หรือที่รู้จักกันดีคือ “หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ตั้งแต่นั้นมา “หลวงปู่เทียม” จึงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักแสวงหาวัตถุมงคลในยุคนั้น ซึ่งในความเป็นจริง “หลวงปู่เทียม” นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่รู้จักกันดีของชาวพระนครศรีอยุธยามาช้านานแล้วและยอมรับว่าท่านเป็นผู้สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ของ “สมเด็จพระพนรัตน์” แห่งวัดป่าแก้วซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “พระมหากษัตริย์ยอดนักรบไทย” ซึ่งก็คือ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ผู้ทรงคุณอันประเสริฐและยิ่งใหญ่ในแผ่นดินไทยและเหตุที่บอกว่า “หลวงปู่เทียม” สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ก็เพราะท่านนับเป็นผู้ที่มีความเพียรพยายามศึกษา“ตำราพิชัยสงคราม” ซึ่งสืบทอดมาจาก “สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว” ที่ตกทอดมาถึง “วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” เพราะเป็นวัดที่มีสำนักเรียนตำราพิชัยสงครามสืบทอดมาแต่ครั้งกรุงเก่าซึ่งมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จการศึกษาพระเวทวิทยาคมอันเป็นส่วนหนึ่งของตำราพิชัยสงคราม (ตำราพิชัยสงครามก็คือตำราที่ว่าด้วยความมีชัยชนะในการต่อสู้ และการต่อสู้ในที่นี้หมายถึงการต่อสู้ในราชการสงคราม) มากมายหลายท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ “พระพุทธพิถีนายก (บุญ ขันธโชติ)” หรือที่นักสะสมทั่วไปเรียกท่านว่า “หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว” อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รวมทั้ง “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” อ.เมือง จ.นครปฐม โดยเฉพาะ “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” รูปนี้ก็ได้เคยบอกต่อศิษย์เอกของท่านผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น “ผู้พิพากษา” แต่สนใจในเรื่องของวิทยาคมและวัตถุมงคลที่เคยเรียนถามท่านว่า “เมื่อสิ้นหลวงพ่อน้อยแล้วจะมีพระคณาจารย์รูปใดอีกที่พอจะพึ่งพาด้านวิทยาคมบ้าง” หลวงพ่อน้อยก็ตอบว่าให้ไปหา “หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช” และต่อมาท่านผู้พิพากษาก็เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่เทียมตามคำแนะนำของ “หลวงพ่อน้อย” หลังจากที่ท่านสิ้นแล้ว ทางด้านกิตติคุณของ “หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช” เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่ามีความสามารถหลายด้านทั้ง การก่อสร้าง, การต่อสู้ด้วยหมัดมวยกระบี่กระบอง, ช่างลงรักปิดทอง, ช่างฉลุหนัง” รวมทั้ง “ช่างดอกไม้เพลิง” ก็ชำนาญแม้กระทั่งงานช่างที่เรียกว่า “ช่างสิบหมู่” ก็ทำได้เช่นกันซึ่งท่าน “พระครูพิศาลกิจจาทร” แห่ง วัดเกาะแก้วอรุณคาม อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเล่าว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่เทียมทำการบูรณะพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่ชำรุดเอนเอียงแตกร้าวจะล้มมิล้มแหล่ด้วยวิธี “ขันชะเนาะ” โดยพระพุทธรูปดังกล่าวหากเป็นสมัยนี้ก็จะต้องทุบทำลายทิ้งแล้วสร้างขึ้นใหม่แต่ด้วยจิตวิญญาณความเป็นช่างของ “หลวงปู่เทียม” ท่านกลับเลือกวิธี “ขันชะเนาะ” ด้วยความอดทนวันละเล็กละน้อยในที่สุดก็ฉุดเอาพระพุทธรูปองค์นั้นตั้งตรงได้ แล้วบูรณะให้มีสภาพสมบูรณ์ดุจเดิมพร้อมทำการลงรักปิดทองสวยงามมากขึ้น” นอกจากนี้ยังทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและเสนาสนะของวัดกษัตราธิราชโดยเฉพาะ “พระอุโบสถมหาอุตม์” อันเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมสมัย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หลวงปู่เทียมก็ใช้ความรู้ความสามารถบูรณะรักษาพระอุโบสถหลังนี้ให้คงทนถาวรมาถึงปัจจุบันซึ่งมีอายุกว่า ๔๐๐ ปี จากความสามารถเชิงช่างโดยเฉพาะ “ช่างสิบหมู่” ของหลวงปู่เทียมความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้ง “โรงเรียนศูนย์ฝึกอาชีพการช่างสิบหมู่ของไทย” ไว้ในบริเวณวัดกษัตราธิราชและทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์พร้อมให้อยู่ในความดูแลของหลวงปู่เทียม แต่เป็นที่น่าเสียดายหลังจากหลวงปู่เทียมมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ โรงเรียนดังกล่าวก็มิได้รับการดูแลจากเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชรูปต่อมาอีกเลย จึงทำให้โรงเรียนศูนย์ฝึกอาชีพฯแห่งนี้ต้องปิดตัวลง “ผู้เขียน” จึงใคร่เสนอแนะให้วัดกษัตราธิราชซึ่งปัจจุบันมีท่านเจ้าคุณ “พระญาณไตรโลก (สุชาติ ฐานิสฺสโร)” เป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่น่าจะ ฟื้นฟู โรงเรียนศูนย์ฝึกอาชีพฯแห่งนี้ขึ้นใหม่เพื่อสานเจตนารมณ์ของ “หลวงปู่เทียม” พร้อมเป็นการรักษาวิชา “ช่างสิบหมู่” อันเป็นมรดกทรงคุณค่าของชาติไทยที่สืบทอดมาช้านานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป. ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=1045 |
ราคาเปิดประมูล | 900 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 950 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | อ. - 14 ก.พ. 2555 - 19:49.42 |
วันปิดประมูล |
พ. - 22 ก.พ. 2555 - 13:15.54 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...