
ประมูล หมวด:พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
นางพญา เลี่ยมทอง
ชื่อพระเครื่อง | นางพญา เลี่ยมทอง |
---|---|
รายละเอียด | นางพญา เลี่ยมทอง ประวัติพระนางพญา จากหลักฐานการสร้างพระนางพญานั้น ท่านพระครูอนุโยควัดราชบูรณะ จังหวัดพิษณุโลกได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนายุคกาลล่วงแล้วประมาณ ๑๕๐๑ ปี ยังมีกษัตริ์องค์หนึ่ง ครองเมืองพิษณุโลกมีอัครมเหสี ทรงพระนามว่า เบญจราชเทวี คราวนั้นพระสวามีทิวงคตเสียแล้ว แต่พระนางยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ และพระนางเบญจราชเทวีได้ครอบครองไพร่ฟ้าประชาราช ณ เมืองพิษณโลก แทนพระสวามี ในลำดับนั้นมีศึกรามัญมาตั้งล้อมเมืองพิษณุโลก ทั้งสี่ทิศ เพื่อจะตีเมืองพิษณุโลกเอาเป็นเมืองขึ้นขอบขัณทสีมาของรามัญให้ได้ สมเด็จพระนางเจ้าเบญจราชเทวี ได้กระเกณฑ์ทหาร และราชษฎร พลเมืองทั้งชายหญิง ให้เตรียมพร้อมคอยรับศึกรามัญ เพื่อปราบปามข้าศึกรามัญให้ราบคราบ และในขณะที่เตรียมพร้อมอยู่นั้น ไส้มีตาชีปะขาว มารับอาสาสมัคร รับทำพระพุทธปฏิมากรองค์เล็กๆ เพื่อแจกจ่ายแก่เหล่าทหารที่จะไปปราบข้าศึกรามัญให้พินาศไป สมเด็จพระนางเจ้าจึงรับสั่งให้ตาชีปะขาวเข้าเฝ้าและทรงตรัสถามว่า พระที่ท่านจะสร้างขึ้นนั้นป้องกันสรรพาวุธได้หรือไม่ "ตาชีประขาวกราบทูลว่าป้องสรรพาวุธได้ทุกอย่าง ตลอดทั้งเมตตากรุณาแลเป็นศรีสวัสดิมงคล ทุกประการ" สมเด็จพระนางเจ้าได้ฟังดังนั้น จึงโทรงมนัสหรรษายิ่งนัก จึงรับสั่งให้ตาชีปะขาวสร้างขึ้น แต่ตาชีประขาวกราบทูลให้สมเด็จพระนางเจ้าให้คำมั่นว่าถ้ารบศึกรามัญกลับมาแล้ว ให้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่ง ให้ขนานนามว่า "วัดนางพญา" และให้สร้างพระสถูปเจดีย์ ประดิษฐานพระทั้งหมดนี้ไว้ให้มั่นคงตลอดทั้งแม่พิมพ์ สมเด็จพระนางเจ้าจึงรับคำ ตาชีปะขาวได้นำดินนั้นมาจากประเทศอินเดีย ๔ แห่งคือดินที่ลุมพินีวัน ระหว่างเมืองกบิลพัศดุกับเมืองเทวะทหะต่อกันที่พระพุทธองค์ประสูติแห่งหนึ่ง ดินที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ใต้โพธิพฤกษ์ตำบลอุรุเวลาแขวงเมืองพาราณาสีแห่งหนึ่ง ดินที่แสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแขวงเมืองพาราณาสีแห่งหนึ่ง และดินที่พระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพาน แขวงเมืองกุสินารา แห่งหนึ่งคือดินที่ประสูติสีแดง ดินที่ตรัสรู้สีเหลือง ดินที่แสดงปฐมเทศนาสีสีเขียว และดินที่ปรินิพพาน สีดำ อนึ่งที่ตาชีปะขาวพิมพ์พระสำเร็จแล้วจึงเกณฑ์ให้บรรดาทหารไปตัดไม้รวกบรรทุกเล่มเกวียนมามากมาย แล้วจึงผ่าไม้รวกแย้มออกเล็กน้อยแล้วให้ทหารเอาแขนผ่าไม้รวกทุกคนต่อหน้าพระพักตรสมเด็จพระนางเจ้าฯ หาเป็นอันตรายไม่ นอกจากนี้ยังให้ทหารกระโจนขึ้นไปนั่งบนหอกดาบก็หาเป็นอันตรายไม่ สมเด็จพระนางเจ้าฯทอดพระเนตรเห็นดังนั้นจึงบังเกิดความโทมนัสยิ่งนัก เมื่อตาชีปะขาวได้นำพระจ่ายแจกเสร็จแล้วก็ได้อำลาเดินเข้าไปในป่าใกล้ๆ นั้น และก็ตั้งแต่วันนั้นมาไม่มีใครพบตาชีปะขาวอีกเลย จึงให้เข้าใจว่าตาชีปะขาว นั้นเห็น เทวดาแปลงกายมาช่วยสร้างพระไว้ สีหนึ่งสีใดที่บูชาไว้ในบ้านเป็นศรีสวัสดิ์มงคลคุ้มกันภัยได้ทุกประการแล "เมื่อท่านใด้พระไว้บูชาแล้ว อย่านำพระไปลองเป็นอันขาด "ท่านว่าผู้นั้นดูหมิ่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแท้. วัดต่างๆ ในเมืองพิษณุโลก พิษณุโลกเป็นเมืองเก่าแก่ก่อนปวัติศาสตร์มานานแล้วเริ่มตั้งแต่สมัยขอมมีอำนาจในสุวรรณภูมิและได้สร้างเทวสถานขึ้นไว้เป็นอันมากคือเมื่อราวๆ ๑๐๐๐ ปี ปัจจุบันนี้ ที่ยังเห็นเป็นหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ นั้นก็คือเทวสถานสมัยขอมนั่นเอง ๑. วัดนางพญา เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชที่สำคัญยิ่ง และเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของเมืองพิษณุโลกกับทั้งให้กำเนิดพระนางพญาที่ขึ้นชื่อลือชามาตราบเท่าทุกวันนี้ วัดนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของลำน้ำน่านเชิงสะพานนเรศวร ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยุ่หัว ได้เสด็จมาถึงวัดนี้ "วัดนางพญา"ได้สั่งรับขึ้นและจดเป็นพระราชหัตถเลขาคราวเสด็จประพาสมลทลฝ่ายเหนือ มีใจความว่า วันที่ ๑๙ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ ลงเรือข้ามฟากไปขึ้นที่วัดมหาธาตุแล้วเดินไปสุดถนนอันเป็นถนนเดิมปูด้วยอิฐ ลายสองตามถนนริมน้ำไปเข้าวัดนางพญาเดินไปตามริมคูสระรอบวัดเมื่อเสด็จจุดเทียนชัยแล้วก็ไปดูวัดนางพญาซึ่งอยู่ต่อจากวัดมหาธาตุติดกันทีเดียว วัดนี้มีแต่วิหารไม่มีพระอุโบสถ มีโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมตั้งอยู่ในนั้นโรงหนึ่งมีพระเป็นครูสอนมีนักเรียนมาก ที่คับแคบไม่พอกับนักเรียน ออกจากวัดนางพญา นั้นต่อลงไปถึงวัดราชบูรณะไม่มีบ้านเรือนคั่น วัดมีพระอุโบสถ พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ใกล้พระเจดีย์ ซึ่งอยู่ใกล้ถนนริมน้ำ พระเจดีองค์นี้ฐานเป็นแปดเหลี่ยมใหญ่แต่ชำรุด มีผู้ไปสร้างเจดีย์ไม้ ๑๒ ต่อขึ้นข้างบน ทำนองสร้างพระปรางค์ขึ้นบนเนินพระปฐมเจดีย์ พระเจดีย์องค์นั้ถ้าหากจะไม่เป็นรูปแปลก เช่นพพระธาตุเมืองชัยนาทก็จะเลยไปถึงพระเจดีย์มอญ แต่ส่วนพระอุโบสถก็ดีเมื่อได้เห็นแห่งใดแแห่งหนึ่งแล้วก็เห็นว่าเป็นทั่วทุกแห่งเพราะทำอย่างเดียวกันทั้งสิ้น ตั้งใจจะเอาอย่าง พระวิหารวัดมหาธาตุ แต่สู้กันไม่ได้ และออกจะทิ้งให้ทรุดโทรม จึงเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า วัดนางพญา มีความสำคัญที่สุดในทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้และ ความเพลิดเพลินไปในตัวด้วย หากท่านไม่ได้ขึ้นไปนมัศการพระพุทธชินราชที่วัดนางพญาแล้เท่ากับท่านขาดทัศนภาพ ไปอย่างน่าใจหายเลยทีเดียว สมกับที่ไกด์นำเที่ยได้กล่าวนำเที่ยวเมืองสองแควฯไว้ว่า วัดราชบูรณะและวัดนางพญาวัดทั้งสองนี้อยู่ในบริเวณติดต่อกันและอยู่ไกล้เคียงกันกับวัดพระศรีมหาธาตุทางทิศใต้จะว่าวัดทั้งสองนี้ สร้างขึ้นในพื้นที่อันเดียวกันก็ได้ วัดราชบูรณะ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนวัดนางพญาอยู่เบื้องตะวันออกของวัดราชบูรณะ วัดอันเป็นที่พำนักสงห์ไม่สู้ใหญ่โตนักและพระสงฆ์ก็น้อยกว่า ด้านตะวันตก จดกับตัวพระอุโบสถด้านเหนือเป็นด้านหน้าของวัด มีศาลาลูกกรงยกพื้นสูง ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานที่เรียนของโรงเรียน ประจำมณทลพิษณุโลก "พิษณุโลพิทยาคม" และยังมีพระอุโบสถหลังหนึ่งแต่อุโบสถนี้ไม่มีลานและกำแพงกั้นเหมือน พระอุโบสถวัดราชบูรณะภายในมีพระปรางค์ใหญและผนังมีภาพวาดสีสวยๆ ด้านหลังพระอุโบสถมีเจดีองค์ใหญ่พอปานกลางอยู่ด้วย และมีองค์เล็กๆอยู่หลายองค์อุโบสถนี้ เป็นฝีมือช่างสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าวัดราชบูรณะนี้สมเด็จพระมหาธรรมราชาสร้างขึ้นเมื่อเสด็จไปประทับอยู่ในเมืองนี้ วัดนางพญาอันอยู่ติดกันนี้เข้าใจว่า พระวิสุทธิกษัตริย์ พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงสร้างขึ้นคู่กับวัดราชบูรณะจึงทรงสร้างขึ้นในอุปจาระเดียวกัน ๒. วัดราชบูรณะเป็นวัดที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาสร้างขึ้นใต้ลงมาจากวัดนางพญาและอยู่ในพื้นที่เดียวกันมีอณาเขตขว้างขวางกว่าวัดนางพญามาก ๓.วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ๔ วัดราชคฤห์ การเปิดกรุวัดนางพญา พระนางพญา เปิดกรุเมื่อไดไม่ทราบได้แน่ชัดแต่เท่าที่ปรากฏให้ทราบว่าพระเจดีย์ ที่ฝังกรุพระนางพญาในสมัยโบราณ ได้หักพังลงมาจมดินอยู่หน้าพระอารามด้านกุฏิท่านเจ้าอาวาสมาช้านาน ในปีพ.ศ.๒๔๕๒มีการขุดพบซากกรุพระนางพญาเนื่องจากทางวัดต้องการสร้างศาลา ขึ้นในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ลักษณะพระนางพญา ๑. พระนางพญาพิมพ์เข่าโค้ง มีอยู่ ๒ ขนาดคือ ๑ ขนาดใหญ่ฐานกว้าง ๒.๕ ซ.ม สูง ๓.๕ ซ.ม. ๒. ขนาดย่อมฐานกว้าง ๑.๙ ซ.ม. สูง ๒.๘ ซ.ม. กรอบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ขนาดใหญ่ส่วนมากจะตัดเหลือปลีกไว้เล็กน้อย ส่วนขนาดย่อมตัดชิดองค์พระส่วนมากยอดกรอบเอียงไปทางขวา พระเกศ คล้ายปิ่นปักผม พระศอ เรียวลากผ่านพระกรรณ พระกรรณ เส้นพระศอลากผ่านจรดพระอังสาเหนือเส้นสังฆาฏิ พระพักตร์คล้ายผลมะตูม ไม่เห็นหน้าตา พระศอ มีเส้นบางๆ ๒ เส้นมาจรดพระอังสาทั้งสอง เฉพาะเส้นพระศอซ้ายจรดเส้นชายพระสังฆาฏิเส้นเล็ก พระพาหา ทั้งซ้ายและขวากลางออกไปเล็กน้อย พระเพลา ลักษณะเป็นท้องกระทะ พระชานุ ยกโค้งเล็กน้อยสมกับที่เรียกกันว่าพระนางพญาเข่าโค้ง พระชงฆ์ ซ้อนกันต่อเส้นบนและเส้นล่างเป็นต้น พุทธคุณและอภินิหาร นั้นได้ปรากฏมาหลายศตวรรษแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ มีทั้งเมตตามหานิยมแคล้ว คลาด คงกระพันชาตรี เป็นต้น พระนางพญายังมีอีกหลายพิมพ์ด้วยกัน เช่นพิมพ์เข่าตรง พิมพ์อกนูนเล็ก อกนูนใหญ่ พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ทรงพุทธคุณและอภินิหาร นั้นได้ปรากฏมาหลายศตวรรษแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ มีทั้งเมตตามหานิยมแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นต้น เทวดาฯ ดังนี้เป็นต้นพุทธคุณและอภินิหาร นั้นได้ปรากฏมาหลายศตวรรษแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ มีทั้งเมตตามหานิยมแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นต้น พุทธคุณและอภินิหาร นั้นได้ปรากฏมาหลายศตวรรษแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ มีทั้งเมตตามหานิยมแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นต้น ส่วนองค์นี้ไม่ไม่มันใจครับว่าของที่ไหน ไม่กล้าระบุ เกิดไม่ทันจริงๆครับ ถ้าชอบสนใจโทรมาคุยกันครับ |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | พฤ. - 15 เม.ย. 2553 - 05:07.51 |
วันปิดประมูล |
พฤ. - 22 เม.ย. 2553 - 05:07.51 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ข้อมูลเพิ่มเติม #1 พฤ. - 15 เม.ย. 2553 - 06:31.52
ปล.เรียนลูกค้าทุกท่าน
ส่ง ems ขอค่าจัดส่ง 50 บาท
ส่ง ลงทะเบียน ขอค่าจัดส่ง 30 บาท
ขอบพระคุณทุกท่านที่ เชื่อใจในบริการครับผม
ส่ง ems ขอค่าจัดส่ง 50 บาท
ส่ง ลงทะเบียน ขอค่าจัดส่ง 30 บาท
ขอบพระคุณทุกท่านที่ เชื่อใจในบริการครับผม
ราคาปัจจุบัน | 100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 100 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...