ประมูล หมวด:พระปิดตาทั่วไป
พระปิดตาหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ๒๕๐๙
ชื่อพระเครื่อง | พระปิดตาหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ๒๕๐๙ |
---|---|
รายละเอียด | โดยปกติจะเป็นสีขาว เทา เหลือง หรือแดง สีใดสีหนึ่ง แต่องค์นี้เอาเนื้อก้นครกของทั้งขาวและเหลืองสองสีมารวมกันในองค์เดียวแบบ TWO IN ONE เป็นพระที่สร้างขึ้นมาชุดเดียวกับพระสมเด็จใช้ผงพุทธคุณชุด เดียวกัน นอกจากพระปิดตาแล้วก็ยังมีพระขุนแผน พระนางพญา พระปิดตาจัมโบ้ พระขุนช้าง พระพิมพ์โมคคัลลาน์-สารีบุตร ฯลฯ ประวัติหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ อริยสงฆ์วาจาศักดิ์สิทธิ์ "หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ ท่านเป็นพระเกจิที่มีญาณสมาธิแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูงพอที่จะเพ่งเครื่องรางให้ขลังได้ ผ้ายันต์และเหรียญลงยันต์ของหลวงพ่อแดงจึงมีผู้นิยมเสาะหาไปบูชากันมาก แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๗ แต่ความนิยมเลื่อมใสศรัทธา ความเชื่อมั่นในกฤตยาคม อภินิหาร และอาคมขลังในวัตถุมงคลของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลาย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีอะไรดี ทำไมใครๆ ทั่วสารทิศจึงพากันมาวัดเขาบันไดอิฐกันไม่ขาดสาย... "หลวงพ่อแดง" หรือ "พระครูญาณวิลาศ" เกิดที่ ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี บิดาชื่อนายแป้น มารดาชื่อนางนุ่ม นามสกุล อ้นแสง เกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ พ.ศ.๒๔๒๒ ในวัยเด็กท่านก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำนา ไม่มีโอกาสร่ำเรียนหนังสืออย่างเด็กสมัยนี้จนกระทั่งอายุ 20 ปี พ่อแม่ก็หวังจะให้บวชเรียน จึงพาไปฝากกับท่านอาจารย์เปลี่ยน วัดเขาบันไดอิฐ เพื่อจะได้เล่าเรียนและบวชเป็นพระภิกษุต่อไป พระภิกษุแดงเมื่อได้บวชก็ประพฤติเคร่งครัดต่อพระวินัยและปฏิบัติต่อพระ อาจารย์เปลี่ยนเป็นอย่างดี อาจารย์เปลี่ยนจึงรักใคร่มากกว่าศิษย์คนอื่นๆ และยังได้สอนวิชาการวิปัสสนา และวิธีนั่งปลงกัมมัฏฐานให้ รวมถึงถ่ายทอดวิชากฤตยาคมให้อย่างไม่ปิดบังหวงแหน เหตุนี้จึงทำให้พระภิกษุแดงเพลิดเพลินในการศึกษาวิชาความรู้ จนลืมสึก ยิ่งนานวันก็ยิ่งสำนึก ในรสพระธรรม ก็เลยไม่คิดสึกเลย จึงกลายเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีอาวุโสสูงสุด จนกระทั่งพระอาจารย์เปลี่ยนมรณภาพลง พระภิกษุแดงรับหน้าที่เป็นสมภารวัดเขาบันไดอิฐแทน กลายเป็น "หลวงพ่อแดง" ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๑ เป็นต้นมา และแม้ท่านจะได้เป็นสมภารซึ่งต้องมีภารกิจมาก แต่ท่านก็ยังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิในถ้ำเพื่อแสวงหาวิมุตติภาวนาทุกวัน ญาณสมาธิจึงแก่กล้า จิตนิ่ง บริสุทธิ์ จนว่ากันว่าท่านมีหูทิพย์ ตาทิพย์ หลวงพ่อแดงไม่เคยอวดอ้างในญาณสมาธิของท่าน แต่ผลของความศักดิ์สิทธิ์ในเลขยันต์เป่ามนต์ของท่านก็ได้สำแดงออกมาให้ ประจักษ์ว่าคุ้มครองป้องกันภัยได้แน่ๆ โดยมีเรื่องเล่ากันมาว่า ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๐ เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ วัวควายเป็น โรครินเดรอ์เปรส ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง พากันล้มตายเป็นเบือ สัตว์แพทย์ก็ไม่มี ต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ราษฎรจึงพากันไปหาหลวงพ่อให้ช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้ด้วย หลวงพ่อแดงจึงปลุกเสกลงเลขยันต์ในผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควายนำไปผูกปลายไม้ปักไว้ที่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้าประเจียดยันต์หลวงพ่อแดงไม่ตายเลย ทุกบ้านในตำบลใกล้เคียงวัดเขาบันไดอิฐ เมื่อรู้กิตติศัพท์จึงพากันมาขอยันต์หลวงพ่อแดงทุกวันมิได้ขาด กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือมหาสงครามเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ก็เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีก็ตระหนกตกใจ แล้วชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจก ให้คุ้มครองป้องกันตัว เมืองเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวันทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด และปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย หลวงพ่อแดงจึงดังใหญ่ จนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ กิตติคุณของหลวงพ่อในทางกฤตยาคมจึงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์แพร่หลายยิ่งขึ้น ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดงปรากฏอีกครั้ง เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้ ประเทศไทยต้องส่งกองพันเสือดำ ออกไปช่วยพันธมิตรรบในญวนใต้ ก็ปรากฏว่าทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่รบในเวียดนาม คนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน ทั้งๆ ที่เข้าประจัญบานอย่างหนัก เป็นที่สงสัยของเพื่อนทหารต่างชาติว่าทหารไทยมีของดีอะไร ได้รับคำตอบจากทหารไทยว่ามี "เหรียญหลวงพ่อแดง" ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาสูง และอารมณ์ดีเสมอ ไม่ชอบดุด่า ว่าใคร โดยเฉพาะคำหยาบคายถึงพ่อแม่ ท่านห้ามขาด ท่านว่าทุกคนเขาก็มีพ่อมีแม่ การด่าถึงบุพการีทำให้ความดีงามเสื่อมถอย ถึงห้อยพระพระท่านก็ไม่คุ้มครอง หลวงพ่อแดงมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่ออายุ ๙๖ ปี พรรษาที่ ๗๔ ก่อนตายท่านเคยพูดกับพระปลัดบุญส่ง ธมัมปาโล รองเจ้าอาวาสวัดขณะนั้นว่า "เมื่อฉันหมดลมหายใจแล้วอย่าเผา ให้เก็บร่างฉันไว้ที่หอสวดมนต์ และให้เอาเหรียญที่ปลุกเสกรุ่น ๑ ใส่ปากไว้พร้อมเงินพดด้วง ๑ ก้อน ส่วนนี้ฉันเอาไปได้และให้เอาขมิ้นมาทาตัวฉันให้เหลืองเหมือนทองคำ" พระบุญส่งจึงรับปาก และได้ทำตามที่หลวงพ่อประสงค์ทุกอย่าง และหลังจากที่หลวงพ่อแดงมรณภาพแล้วก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ที่เป็นเครื่อง พิสูจน์ว่า อภินิหารของหลวงพ่อแดงมีจริง กับผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเพชรบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งจู่ ๆ ท่านก็มีนิมิตฝันเห็นบ่อน้ำโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ พอขุดก็พบบ่อน้ำนั้นจริงๆ บ่อน้ำแห่งนี้หลวงพ่อแดงเคยพูดไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่าเป็น "บ่อน้ำวิเศษ" และขณะที่ขุดยังพบ "หัวพญานาคสีขาว" แบบปูนปั้นอยู่ที่ก้นบ่อด้วย 1 หัว เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันแห่มาเพื่อจะตักน้ำเอาไปใช้กันแต่ปรากฏว่าพบงู ใหญ่ตัวหนึ่งนอนขดอยู่ใต้สังกะสีที่เอาไว้ปิดปากบ่อ ชาวบ้านที่เห็นบอกว่า ลักษณะงูที่เห็นนั้นมีหงอนที่หัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปตักน้ำที่บ่อนี้อีกเลย ที่น่าแปลกอีกก็คือ นายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเคยมาช่วยงานในวัดก็ฝันเห็นหลวงพ่อแดง ท่านมาต่อว่า "ทำอะไรทำไมไม่บอก" นายตำรวจก็ไปเล่าให้พระปลัดบุญส่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันฟัง ท่านก็ไม่เชื่อแล้วยังสั่งให้ย้ายศาลเก่า ๒ ศาล บริเวณเชิงเขาบันไดอิฐเพื่อปรับปรุงบริเวณ โดยไม่ยอมทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพราะท่านเป็นคนไม่เชื่อไสยศาสตร์ ปรากฏว่าพอตกเย็นก็เกิดอาการผิดปกติ อยู่ ๆ คอก็เริ่มบิดและตัวแข็งไปทั้งตัว ขยับไม่ได้ ชาวบ้านมาเยี่ยมเห็นว่าอาการหนักมากจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลเปาโล แต่พอถึงโรงพยาบาล อาการที่เป็นกลับหายราวปลิดทิ้ง และเมื่อเอ็กซเรย์พร้อมตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบว่าเป็นอะไรเลย และระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ ท่านก็พูดออกมาคนเดียวโดยไม่รู้ตัวว่า "ของดีมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาไม่ใช้ต้นก้ามปูตรงนั้นเป็นบ่อน้ำ ให้ขุดลงไปแล้วจะเจอ มีของดีทำไมไม่รักษา" ในภายหลังที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วพระปลัดบุญส่งก็ได้ฝันอีกครั้ง ในความฝันท่านเห็นคนนุ่งผ้าถกเขมรมาหา มาบอกว่าเขาเป็นคนมัดหลวงพ่อเอง พูดแล้วเขาก็เอามือรีดที่ตัวหลวงพ่อเหมือนรีดเอาไขมันออก ทั้งขาและแขน จนหลวงพ่อพระปลัดบุญส่งสะดุ้งตื่นและพอตื่นขึ้นมาก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ ในห้องพอถามชื่อ เขาก็ถอยออกไปแล้วตอบกลับมาว่า "เขาเป็นเปรต" จากนั้นก็หายวับกลายเป็นแสงไฟ พร้อมเสียง "วี๊ด" ดังมาก ซึ่งพระในวัดก็ได้ยินกันทั่ว เรื่องนี้ได้ทำให้ "พระปลัดบุญส่ง" เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐรูปปัจจุบัน ยังยอมรับว่าไสยศาสตร์และอภินิหารของหลวงพ่อแดงนั้นมีจริงเพราะเจอแล้วด้วย ตัวท่านเอง คัดลอกจาก นิตยสารหญิงไทย ฉบับที่ ๖๘๕ ปีที่ ๒๙ ปักษ์หลัง เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยคุณสายทิพย์ บนเวทีการประกวดนางงามระดับ ประเทศ ต้องยองรับว่านางงามจากค่ายของ "ป้าชุลี ใจยงค์" มักจะติดอันดับเสมอ เช่น เนาวรัตน์ วัชรา, ธารทิพย์ พงษ์สุข นางสาวไทย ๒๕๒๘ "เอ้" ชุติมา นัยนา (นางสาวไทย ๒๕๓๐) "กบ" ปภัสรา เตชะไพบูลย์, ฟ้ารุ่ง ชารีรักษ์, "ลูกตาล" จริญญา หาญณรงค์ "หนิง" กมลา กำภู ณ อยุธยา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้เอง "ป้าชุลี" จึงถูกขนานนามว่า "เจ้าแม่นางงาม" สำหรับมุมมองของการ ส่งสาวงามเข้าประกวดบนเวทีต่างๆ นั้น "ป้าชุลี" บอกว่า การประกวดนางงามเป็นเรื่องดี ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าจะเสื่อมเสียก็คงอยู่ที่ตัวเด็กเองมากกว่า คืออาจเป็นเด็กใจแตกมาแต่เดิมแล้ว เด็กที่มาประกวดยังบอกกับป้าเลย ว่า คนจะเสีย อยู่ไหนก็เสีย อยู่บ้านก็เสีย ถ้ามันจะเสีย ไม่ใช่ว่ามาประกวดแล้วจะทำให้เด็กเสียคน เรื่องปัญหากับสถานศึกษาก็ไม่มี เพราะเด็กเข้าประกวดที่มาอยู่กับป้า จะมีใบรับรองจากโรงเรียนมา บางมหาวิทยาลัยเขาก็ประกวดกันเป็นหน้าเป็นตา เด็กของป้าส่วนมากที่เข้าประกวดจะรักดี รักการศึกษา รู้จักแบ่งเวลา ถึงเวลาเรียนก็เรียน ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบ ถ้าจะประกวดก็ต้องรอให้สอบเสร็จก่อนแล้วถึงมา ไม่ให้เสียการเรียน เพราะป้าจะบอกก่อนเลยว่าให้คิดถึงเรื่องเรียนก่อน "เมื่อได้หลายตำแหน่ง ก็ได้รางวัล ได้สปอนเซอร์ ทำให้มีเงินส่งทางบ้าน ส่งน้องเรียน ส่งตัวเองเรียนหนังสือ จนจบปริญญาตรี ปริญญาโท ส่งตัวเองประกวด รับจ้างประกวด ได้ทั้งเงิน ทั้งรถ และอะไรอีกหลายอย่าง ได้งานการดีๆ มีงานโฆษณา มีงานถ่ายแบบ เล่นละคร บางคนก็ได้เป็นลูกดีเด่น เพราะกตัญญูต่อครอบครัว ได้เป็นคุณหญิงคุณนาย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในสังคม ความรู้สึกคิดว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือให้มีชีวิตที่ดี วันเกิดทุกปีบุคลลเหล่านี้จะมาอวยพร บางคนมาไม่ได้ก็โทรศัพท์มาอวยพร เพียงแค่นี้เราก็ชื่นใจแล้ว" เจ้าแม่นางงาม กล่าวอย่างภาคภูมิใจ สำหรับ พระเครื่องที่เจ้าแม่นางงามแขวนติดตัว คือ เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี รุ่นฉลองอายุ ๘ รอบ เหรียญนี้ได้รับมาจากมือหลวงพ่อแดงโดยตรง สมัยที่มีโอกาสไปกราบท่าน ป้าเล่าว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเกิดขึ้นเมื่อช่วง พ.ศ.๒๔๗๗-๒๔๘๐ เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง สัตว์ต่างๆ พากันล้มตายเป็นเบือ สัตวแพทย์ก็ไม่มี ต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ชาวบ้านจึงพากันไปหาหลวงพ่อแดง ให้ท่านช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้ด้วย หลวงพ่อแดงจึงปลุก เสกลงเลขยันต์บนผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควาย นำไปผูกปลายไม้ ปักไว้ที่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้ายันต์หลวงพ่อแดง ไม่มีสัตว์ตายเลย กระทั่งเกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒ สงครามมหาเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจกให้คุ้มครองป้องกันตัวเมืองเพชรบุรี เมื่อปี ๒๔๘๗ เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวัน ทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด ช่วงนั้นปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์ หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย หลวงพ่อแดงจึงเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไป นอกจากเหรียญหลวง พ่อแดงแล้ว "ป้าชุลี" ยังมีความศรัทธาใน องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่บูชามานานกว่า ๔๐ ปี พร้อมกับนำองค์ท่านมาแขวนติดตัวอยู่เสมอ และทำให้ไม่รับประทานเนื้อสัตว์มาตั้งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ ส่วน เหตุการณ์เฉียดตายนั้น ป้าชุลี เล่าว่า ครั้งหนึ่งเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินตกหลุมอากาศ ทำให้เครื่องบินสั่นไปทั้งลำ ช่วงเวลานั้นสิ่งที่ทำได้ คือ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อีกครั้งหนึ่ง ประมาณปี ๒๕๓๗ เดินสายส่งนางงามเข้าประกวด นางงามมิตรภาพไทย-ลาว ที่ จ.หนองคาย ระหว่างที่นั่งเครื่องบินไปถึงสนามบินแล้ว กลับลงจอดไม่ได้ เนื่องจากอากาศปิด ทำให้บางช่วงตัวลำของเครื่องบิน เด้งกระดอนอย่างแรง หลายคนเกิดอาการเมา อาเจียน หน้าซีดกันหมด แต่ตัวเองไม่มีอาการอะไรเลยเพราะนั่งสมาธิอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน http://www.komchadluek.net/2007/05/06/photo_19005.php |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 600 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | จ. - 13 ก.ย. 2553 - 20:41.46 |
วันปิดประมูล | อา. - 26 ก.ย. 2553 - 18:34.36 |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
100 บาท | ศ. - 17 ก.ย. 2553 - 07:48.52 | |
300 บาท | พ. - 22 ก.ย. 2553 - 19:30.34 | |
350 บาท | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:22.33 | |
400 บาท | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:22.37 | |
450 บาท | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:22.52 | |
500 บาท | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:22.55 | |
550 บาท | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:34.31 | |
600 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) | ส. - 25 ก.ย. 2553 - 18:34.36 |
กำลังโหลด...