สูจิบัตร ประวัติพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา
บทความพระเครื่อง เขียนโดย เมล็ดพันธุ์พระเครื่อง
ตอนที่ ๑ ……เจตนาแห่งพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ที่รฤก สัมพุทธชยันตีฉัพพรรณรังสี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. งานบุญ สาครบุรี-ศรีนครพิงค์ พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๑ ( ปลุกเสก๓ปี ) วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร – สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ ธรรมแห่งพระบรมศาสดา คือธรรมเป็นธรรมชาติอันมหัศจรรย์ที่สุดแล้วแลครอบโลกธาตุสิ้น... "ด้วยกลางวันดุจดั่ง ดวงตะวัน และ กลางคืนนั้นดุจดั่ง จันทร์เพ็ญ ให้แสงสว่าง ทั่วทั้งโลกธาตุ ทุกทิวาแลราตรี" เอกอัจฉริยะบรมบุรุษ ...พระพุทธเจ้า ให้นิยาม “พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี” ไว้ดั่งนี้แล้ว ความเป็นธรรมดานี้แหละที่ครอบทั้งโลกธาตุ... พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล มีเหตุผลในการสร้างขึ้นมา ๓ เหตุผลใหญ่ๆก็คือ " ศรัทธา แล้ว ต้อง คู่ด้วย ปัญญา " ๑.เป็นพุทธานุสสติ ให้จิตจับอยู่กับพระ อาราธนาก่อนออกจากบ้านเช้า-เย็น ถ้าตายระหว่างนั้น จิตไปสุคติภูมิ ใครบูชาก็ขอให้ยึดในความดีของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นพุทธานุสติและการหมั่นทำความดี ๒.ป้องกันอุปฆาตกรรม บุคคลย่อมข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา ย่อมข้ามอรรณพได้ ด้วยความไม่ประมาท ย่อมล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ฯ ๓.สืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างบรรจุในอุโบสถ สร้างบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์, เก็บบนหลังคาโบสถ์ ฯลฯ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้มีไว้บูชาเพื่อสืบทอดพระศาสนา ปฐมเหตุแห่งพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี พระฉัพพรรณรังสี ฉัพพรรณรังสี นั้นมีมาแต่ครั้งพุทธกาลนานตราบเท่าพระศาสนาด้วยพระบรมมหาศาสดาแสดงไว้โดยประจักษ์.. ด้วย สติปัฏฐานและพระผู้ทรงญานสมาบัติ เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบายด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน) ปีตะ (เหลืองเหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ (ขาวเหมือนแผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ พื้นแห่งท้องฟ้า ได้เป็นราวกะว่า เต็มด้วยดอกอัญชันกระจายอยู่ทั่วไป เหมือนดารดาษด้วยดอกสามหาวหรือกลีบอุบลเขียว เหมือนขั้วตาลประดับด้วยแก้วมณีที่แกว่งไปมา และเหมือนแผ่นวัตถุสีเขียวเข้มที่ขึงออก ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีเขียวเหล่าใด พระรัศมีสีเขียวเหล่านั้น ออกไปแล้วจากพระเกศา แลพระมัสสุทั้งหลาย และจากที่สีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง ทศาภาคทั้งหลายย่อมรุ่งโรจน์ เหมือนโสรจสรง (ชำระ) ด้วยน้ำทองคำ เหมือนแผ่แผ่นทองคำออกไป เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งนกกดไฟ (น่าจะเป็นผงขมิ้น) และเหมือนเรียงรายด้วยดอกกรรณิการ์ ด้วยอำนาจแห่งรัศมีสีเหลืองเหล่าใด รัศมีสีเหลืองเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระฉวีวรรณ และจากที่สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง.ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งชาด เหมือนรดด้วยน้ำครั่งที่สุกดีแล้ว เหมือนคลุมด้วยผ้ากัมพลแดง เหมือนเรียงรายด้วยดอกชัยพฤกษ์ ยิ้มกวาว และดอกชบา ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีแดงเหล่าใด พระรัศมีสีแดงเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิตและที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง. ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนเกลื่อนกล่นด้วยขีรธาราที่เทออกจากหม้อเงิน เหมือนเพดานแผ่นเงินที่เขาขึงไว้ เหมือนขั้วตาลเงินที่แกว่งไปมา เหมือนดาดาษด้วยดอกคล้า ดอกโกมุท ดอกย่างทราย ดอกมะลิวัลย์ ดอกมะลิซ้อนเป็นต้น ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีขาวเหล่าใด รัศมีสีขาวเหล่านั้นซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และจากที่สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง. ส่วนพระรัศมีสีหงสบาทและเลื่อมประภัสสร ก็ซ่านออกจากส่วนแห่งพระสรีระนั้นๆ พระฉัพพรรณรังสีเหล่านั้นออกแล้วจับมหาปฐพีใหญ่อันหนาทึบ ด้วยประการฉะนี้ มหาปฐพีอันหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนก้อนทองคำที่เขาขจัดมลทินแล้ว พระรัศมีทั้งหลายเจาะทะลุแผ่นดินลงไปจับน้ำในภายใต้ น้ำซึ่งรองแผ่นดินหนาถึง ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนทองคำที่ไหลคว้างออกจากเบ้าทอง พระรัศมีเหล่านั้นเจาะน้ำลงไปจับลม ลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนแท่งทองคำที่ยกขึ้นแล้ว พระรัศมีทั้งหลายเจาะลมแล้วแล่นไปสู่อัชชฎากาศ ว่าด้วยส่วนเบื้องบน พระรัศมีทั้งหลาย แม้พุ่งขึ้นไปแล้วจับอยู่ที่จาตุมหาราชิกา เจาะแทงตลอดจาตุมหาราชิกาไปจับชั้นดาวดึงส์ จากนั้นก็ไปยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี จากนั้นก็ไปพรหมโลก ๙ ชั้น จากนั้นก็ไปเวหัปผลา จากนั้นก็ไปปัญจสุทธาวาส จับอรูปทั้ง ๔ เจาะ (แทงตลอด) อรูปทั้ง ๔ แล้วแล่นไปสู่อัชชฎากาศ โดยส่วนเบื้องขวางทั้งหลาย พระรัศมีแล่นไปสู่โลกธาตุทั้งหลายอันหาที่สุดมิได้ ในที่ทั้งหลายมีประมาณเท่านี้ ไม่มีรัศมีพระจันทร์ในพระจันทร์ ไม่มีรัศมีพระอาทิตย์ในพระอาทิตย์ ไม่มีรัศมีดวงดาวในดวงดาวทั้งหลาย ไม่มีรัศมีของเทวดาทั้งหลายในที่ทั้งปวง คือ ที่อุทยาน วิมาน ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย ที่สรีระทั้งหลาย ที่อาภรณ์ทั้งหลาย ถึงมหาพรหมผู้สามารถแผ่แสงสว่างไปสู่โลกธาตุติสหัสสี และมหาสหัสสี ก็ได้เป็นเหมือนหิ่งห้อยในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์ พระอาทิตย์ ดวงดาว อุทยานวิมาน ต้นไม้กัลปพฤกษ์ของเทพ ก็ปรากฏเพียงเป็นการกำหนดเท่านั้น. จริงอยู่ สถานที่มีประมาณเท่านี้ ได้เป็นที่ท่วมทับ (ปกคลุม) แล้วด้วยรัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น พระฤทธิ์แม้นี้มิใช่ฤทธิ์เกิดจากการอธิษฐาน มิใช่ฤทธิ์เกิดจากภาวนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่เมื่อพระโลกนารถทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุม พระโลหิตก็ผ่องใส วัตถุรูปก็ผ่องใส พระฉวีวรรณก็ผ่องใส วรรณธาตุมีจิตเป็นสมุฏฐาน ตั้งอยู่ไม่หวั่นไหวในประเทศประมาณ ๘๐ ศอกโดยรอบ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาธรรม โดยลักษณะนี้ ตลอด ๗ วัน. มีคำถามว่า ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาตลอด ๗ คืน ๗ วัน ได้มีประมาณเท่าไร? ตอบว่า หาประมาณมิได้. นี้ชื่อว่า เทศนาด้วยพระหฤทัยก่อน ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็ไม่พึงกล่าวได้ว่า ก็พระศาสดาเมื่อทรงเปล่งพระวาจาแสดงธรรมอันพระองค์คิดด้วยพระทัยตลอด ๗ วันอย่างนี้ โดยล่วงไปร้อยปีก็ดี พันปีก็ดี แสนปีก็ดี ก็ไม่สามารถเพื่อให้ถึงที่สุดได้ ดังนี้. จริงอยู่ ในกาลอันเป็นส่วนอื่น พระตถาคตเจ้าประทับนั่งท่ามกลางเหล่าเทพหมื่นจักรวาลเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ควงไม้ปาริชาต ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อทรงแสดงธรรมทรงทำพระพุทธมารดาให้เป็นกายสักขี ก็ทรงย่อแล้วๆ ซึ่งลำดับธรรมจากระหว่างธรรมแล้วแสดงโดยส่วนแห่งร้อย โดยส่วนแห่งพัน โดยส่วนแห่งแสน เทศนาที่พระองค์ให้เป็นไป ติดต่อกันสามเดือน เป็นอนันตเทศนาประมาณมิได้ ประดุจคงคาในอากาศที่ไหลลงมาอย่างเร็ว และประดุจสายน้ำที่ไหลออกจากหม้อน้ำที่คว่ำปาก ฉะนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์มหาปัฏฐานแล้วเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสี รัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้วยความบริสุทธิ์ การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ ๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีลวินัยดียอดเยี่ยม ๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง ๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ ๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็นจริง ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์ โดยความยากลำบาก แล้วทรงโปรดหมู่สัตว์ให้รู้ตาม พระธรรม คือคำสอนการปฏิบัติที่เห็นผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน รู้ในทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ ข้อปฏิบัติสายกลางเพื่อออกจากทุกข์ พระสงฆ์ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ คือพระอริยะ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง สมควรบูชา สัพพัญญู ผู้รู้สิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นพระนามประการหนึ่งของพระพุทธเจ้านั้นหมายความว่า พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาลทั้งเวลาหลับและเวลาตื่น "อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์" (แปลความหมายคือ หนึ่งจักรวาลในที่นี้ เท่ากับขอบเขตที่พระจันทร์และพระอาทิตย์โคจร นับเฉพาะส่วนนี้เป็นหนึ่งจักรวาลตามนัยของประโยค หรือหนึ่งระบบสุริยะจักรวาล ตามนัยวิทยาศาสตร์ อนุมานว่าเหตุที่ตรัสเพียงพระจันทร์และพระอาทิตย์ ก็เพื่อให้คนโบราณในยุคนั้นที่ยังไม่ทราบว่ามีดาวอื่น ๆ เช่นดาวพุธ ดาวเสาร์ เป็นต้น ได้กำหนดชัดพอรู้) "ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ" พญานาโคบุตรโคดม หรือ พญามุจลินทร์นาคราชพญานาคราชที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ซึ่งมีการกล่าวถึงในพุทธประวัติและกล่าวในพระไตรปิฎกหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว พระองค์ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ "มุจลินทร์" ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ ๗ วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตพรำๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด ๗ วัน ได้มีพญามุจลินทร์นาคราชเจ้าวสุทธิเทวา เข้ามาวงด้วยขด ๗ รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้วคลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า!!! พุทธธรรม อุเทติ ปุเรติ ขียติ จนฺโท. ดวงจันทร์อุทัยขึ้นเต็มดวง...แล้วก็แรมลับ อตฺถํ คเมตฺวา น ปาเลติ สุริโย. ดวงอาทิตย์ฉายแสงส่องโลก...อัสดง อุปชฺชิตตฺวา นิรุชฺฌนฺติ มรณ กาเลหิ ชีวิตํ. ชีวิตอุบัติขึ้น...ปลดปลงไปตามกาล... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ ๒ ……จำนวนสร้าง ......... พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ที่รฤก สัมพุทธชยันตีฉัพพรรณรังสี วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร – สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ พระทั้งหมดทุกองค์ ดูแลมวลสารและกดพิมพ์โดยหลวงพ่อดำและโดยพระสงฆ์วัดศรีสินมา กันภายในวัด ทั้งหมดทุกองค์ทุกแบบแล้วเสร็จในพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑. ชุดเจ้าภาพร่วมบุญใหญ่ ถวายหลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา และ ถวายพระครูบาพบ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น และ เจ้าภาพร่วมบุญจัดสร้างถวาย รวมจำนวน ๑๖ ชุด กดพิมพ์นำฤกษ์ ๒. ชุดถวายพระสงฆ์และแจกผู้ร่วมงานบุญ สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำหลังยันต์ฝังพระนาคปรก ชุดถวายพระสงฆ์และแจกผู้ร่วมบุญและเป็นที่ระลึกงานบุญทั้งสิ้น ๑๐๐ ชุด ประกอบด้วย -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำหลังยันต์ฝังพระนาคปรกรุ่นสอง วัดศรีสินมา พร้อมฝังมณีนิลตอกโค้ด "ศ ส ม" และ ด รัศมีโรยเกศาหลวงพ่อดำ -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีมหลังยันต์หลังฝังพระนาคปรกรุ่นแรกเนื้อทองแดง หลวงปู่ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน“บรรจุ ตามมาภรณ์" กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี โรยเกศาหลวงปู่ครูบาเจ้าตั๋น ๓.ชุดแจกงานบุญและบรรจุกรุ ทั้งหมด ๒,๖๐๐ องค์ แยกเป็น ... .***สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำ หลังยันต์ ***สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีม หลังยันต์ ถวาย สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน“ กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี จำนวน ๑,๐๐๐องค์ (แจกทานและงานบุญสำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน ) ***อีก ๖๐๐ องค์ เพื่อบรรจุกรุบรรจุกรุใต้ฐานพระประธานในโบสถ์วัดศรีสินมา เพื่อสืบทอดพระศาสนา *** ๔.ชุดสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีหลังเรียบ -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีมหลังเรียบถวาย สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน"กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี จำนวน ๒๒๗ องค์ ๕. ชุดพิเศษ ( ออกให้ร่วมทำบุญเพื่อนำปัจจัยทั้งหมดสบทบทุนร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร และ หล่อรูปเหมือนหลวงปู่ครูบาตั๋น ขนาดเท่าองค์จริง ไว้ณ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จังหวัดเชียงใหม่ ) ประกอบด้วย สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี และลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี จำนวน ๑๑๒ ชุด ประกอบด้วย **วัดศรีสินมา ๕๖ องค์ ** -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ด้านหน้าฝังตะกรุดเงิน ๒ ดอก หลังเรียบจารมือ "กดโค้ด "ศสม" และด รัศมี จำนวน ๕๖ องค์ **สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น ๕๖ องค์** -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ด้านหน้าฝังตะกรุดเงิน ๒ ดอก หลังเรียบจารมือ "กดโค้ด "มอป " แล ะด รัศมี จำนวน ๕๖องค์ รวมทั้งสิ้น โค้ดวัดศรีสินมา ทุกแบบ จำนวนทั้งหมด ๑,๖๙๙ องค์และ โค้ดสำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น ทุกแบบ จำนวนทั้งหมด ๑,๖๙๙ องค์ รวมทั้งหมดพระรุ่นนี้มีการสร้างรวมทั้งหมด ๓,๓๙๘ องค์ ลูกอมปั้นมือ (ลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี) ที่ระลึกงานบุญ สาครบุรี – ศรีนครพิงค์ ปั้นมือที่วัดศรีสินมาทั้งหมด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ตอนที่ ๓ …… “ มวลสารใครว่าไม่สำคัญ” พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี “ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์ โดยความยากลำบาก แล้วทรงโปรดหมู่สัตว์ให้รู้ตาม พระทั้งหมด ดูแลมวลสารและกดพิมพ์โดยหลวงพ่อดำและโดยพระสงฆ์วัดศรีสินมา กันภายในวัด ทั้งหมดทุกองค์ทุกแบบ ในพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มวลสารพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี -ผงอิทธิเจ กรุวัดสัมฤทธิ์ สมัยอยุธยา อายุ ๔๐๐กว่าปี จำนวนหนึ่งขัน ผงอิทธิเจ กรุวัดสัมฤทธิ์ ชื่อนี้ผมคุ้นเคยมากว่าสิบปี เคยดั้นด้นค้นหาเรื่องราว สุดอัศจรรย์พันลึก ของผงวัดสัมฤทธิ์ ในตำนาน จนวันหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ อันสุดแสนจะตื่นเต้น จะโดยบังเอิญหรือไม่บังเอิญก็ตาม แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังจะข้ามเวลาไปด้วยเหตุผลสำคัญบางประการ และด้วยคำรับรองจากหลวงพ่อ ที่ผมได้รับฟังจนแน่แท้แก่ใจจากพระผู้เป็นต้นเรื่องว่า " ผงนี้แม้เพียงธุลีหนึ่งก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระหนึ่งองค์นั่นเชียว เป็นไปในทางอิทธิโดยแท้ โดยไม่ต้องปลุกเสกใดๆอีกแล้ว" นี่คือคำรับรองและเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเดินทางทีผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้เพียงนี้ และคำรับรองอันสำคัญหลายสิ่งในต่างกรรมต่างวาระ แต่บรรจบกันในครั้งนี้ครับ พร้อมๆกับเรื่องราวต่อไป ที่เรากำลังเดินทางข้ามกาลเวลาไปด้วยกัน ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ได้ถูกค้นพบเมื่อประมาณ ๓๐-๔๐ ปีที่ผ่านมา โดยพบการผุดขึ้นของผงพุทธคุณดังกล่าวได้มีการพบที่บริเวณเนินดินที่เป็นรากฐานอุโบสถโบราณ ซึ่งอยู่กลางทุ่งนาในเขตอำเภอท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันนี้หาผงฯนี้เกือบจะหาอีกไม่ได้อีกแล้ว คงเหลืออยู่เล็กๆ น้อยๆ กับคนที่รู้จริงและบรรจุใส่ตลับบ้าง ใส่หลอดบ้างเอาไว้บูชากัน แต่ก็หวงแหนกันยิ่งชีวิต ประสิทธิผลในทางเมตตามหานิยมสูงสุดและมหาสำเร็จดังแก้วสารพัดนึก และมีประสบการณ์ในทางอุดหนุนค้ำชูดวงชะตาเป็นมหาสำเร็จสมปรารถนา ปาฏิหาริย์ในทางโชคลาภ ในทางมหาเสน่ห์ ในทางมหานิยม ในทางขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงการถอนคุณไสยต่างๆ ได้อย่างเป็นอัศจรรย์โดยการอาราธนานำพระแช่น้ำทำน้ำพระพุทธมนต์ ผงอิทธิเจนี้คือ ผงวิเศษ ๑ ใน ๕ ผงพุทธคุณตามตำราโบราณซึ่งผู้ที่เรียนพุทธาคมต้องเรียนและทำให้สำเร็จตามขั้นตอนของผงแต่ละชนิด ซึ่งผงอิทธิเจนั้นมีฤทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ใช้ได้สารพัดสุดแต่จะอธิษฐาน ปรารถนาสิ่งใดจะส่งผลให้สัมฤทธิ์ผลทุกถ้าใช้ในทางที่ถูกก็จะช่วยเหลือค้ำคูณผู้นั้นให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป จึงเป็นของสุดวิเศษที่ปรารถนาเป็นอย่างมาก - ผงพุทธคุณเก่าหลวงปู่ครูบาเจ้าตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จำนวนหนึ่งขัน พบโดยอัศจรรย์เป็นชุดสุดท้ายของวัด - ผงพุทธคุณเก่าหลวงปู่อินทร์ วัดหนองรี - ลูกอมผงพุทธคุณหลวงปู่บุญมาก วัดโพธิ์บางระมาด จำนวนมากประกอบด้วย ผงของเก่าของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ผงจากยันต์เกราะเพชร หลวงปู่นวล และหลวงพ่อบุญมากสัญญโม วัดโพธิ์ ทำขึ้นกับผงสมเด็จพระพุฒาจายร์ที่หักๆ ผงวัดพลับ ผงหลวงพ่อโชติวัดตะโน ผงพระวัดโมลี หลวงพ่อวัดไร่ขิง ผงถ้ำม้าร้อง จ.เพชรบุรี ผงหลวงปู่แก้ววัดช่องลม ท่าฉลอม ผงหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ผงหลวงพ่อโง่น วัดเขารวกจ.พิจิตร ผงหลวงพ่อผล วัดดักคะนน จ.ชัยนาท ผงกรุพระปรางค์เก่า วัดโพธิ์ตลิ่งชันกทม. ผงหลวงพ่อขอม จ.สุพรรณบุรี - ผงว่าน ๑๐๘ ผงพุทธคุณหลวงพ่อดำ อาทิ ว่านเทพรำพึง ว่านเทพประชุมพร ว่านนะหน้าทอง -ผงพระกรุเก่า พระบุเงิน พระกรุสมัยทราวดี อายุหลายร้อยปีจำนวนมากของหลวงพ่อดำ - ผง ๓๕๐ อาจารย์ ของ พระอาจารย์ตั้ว หลวงปู่หมุน - ตะกรุดเงินจารมือหลวงพ่อดำ ปลุกเสก 10 กว่าปี - พระนาคปรกรุ่น 1 – 2 หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา -พระนาคปรกรุ่นแรก หลวงปู่ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น และ อัญมณี และ ผงพุทธคุณเก่าอีกจำนวนมากล้วนแต่เป็นผงสำเร็จแล้วและศักดิ์สิทธิ์ด้วยอิทธิพุทธานุภาพทั้งสิ้น. สองแผ่นดิน วาระ สาครบุรี - ศรีนครพิงค์ สาครบุรี เข้าพิธีพร้อมเหรียญ รุ่นสร้างบารมี หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา พ.ศ.๒๕๕๘ พระเกจิอาจารย์เมตตานั่งภาวนาอธิฐานจิตโดยพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐ รูป ๑.หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ นพบุรีศรีนครพิงค์ เข้าพิธีพร้อมรุ่นพรหมล้านนา สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๕๘ ๑.หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ พุทธธรรม….. พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า "ไม่มีบุญใด ยิ่งใหญ่ไปกว่า การถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ ในวาระจิตเดียว...แม้ชั่วขณะอึดใจเดียว ก็มีค่ากว่าสร้างเจดีย์ทองคำจากมนุษย์ถึงพรหมโลก…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ ๔ ……ว่าด้วย พิธีปลุกเสก ๓ ปี ๓ ไตรมาส ...... พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี และลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี วัดศรีสินมา ( ฝ่ายสาครบุรี ) และนำเข้าพิธีต่างๆดังนี้ - พิธีมหาจันทร์เพ็ญ จันทร์ซ้อนจันทร์ พ.ศ.๒๕๕๙ หลวงพ่อดำปลุกเสกเดี่ยว ในกุฏิพร้อมตะกรุดจันทร์เพ็ญ - พิธีเสาร์ห้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ปลุกเสก ในกุฏิและ อุโบสถวัดศรีสินมา ๓ รอบ โดย หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา และ หลวงพ่อชาญ วัดน้อยนางหงษ์ จ.สมุทรสาคร - พิธีเลื่อนสมณศักดิ์ (หนุนดวง) พ.ศ. ๒๕๖๐ - พิธีรุ่น ยกช่อฟ้า พ.ศ. ๒๕๖๑ อุโบสถวัดศรีสินมา หลวงพ่อดำปลุกเดี่ยว ในกุฏิและในอุโบสถ พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่น ยกช่อฟ้า วัดศรีสินมา สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน ( ฝ่ายนพบุรีศรีนครพิงค์ ) นำไปขอเมตตาบารมีองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์สำคัญอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.หลวงปู่พ่อท่านผอม ถาวโร (พระไม่ทุกข์) วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช อายุ ๙๒ ปี (ปลุกเสกอธิษฐานจิตเดี่ยว ณ. จ.เชียงใหม่) - พิธีพุทธาภิเษกพิธีอธิฐานจิตปลุกเสก พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี . พระพุทธปางเปิดโลก , พระบูชาหลวงปู่ครูบาตั๋น ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รายนามพระเกจิอาจารย์ อธิษฐานจิตนั่งปรก - พระอาจารย์ธีรบูล วัดปากดุก จ.เพชรบูรณ์ ปลุกเสกอธิษฐานจิตเดี่ยว และอัญเชิญบารมีครูบาอาจารย์ต่างๆ มาร่วมพิธีเป็นวาระพิเศษ วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ( พระอาจารย์ธีรบูล ท่านเป็นศิษย์พุทธาคม สายในดง และเป็นศิษย์ยุคต้นผู้ถวายงานใกล้ชิดหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน พระมหาเถราจารย์ห้าแผ่นดิน ตั้งแต่ปี๔๑ เรื่อยมาและ ท่านเป็นศิษย์แห่งองค์หลวงพ่อครูบาลุ่น วัดปากดุก จ.เพชรบูรณ์ หลวงพ่อครูบาลุ่น ถ้าท่านที่สนใจติดตามประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร คงทราบกันดีว่าท่านหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่เคยเรียนวิชาและปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่เทพโลกอุดรภายในถ้ำวัวแดง ) - นำเข้าพิธีดวงเศรษฐี๓ ณ.วัดป่าหนองหล่ม ปลุกเสกคืนก่อนพิธีโดยหลวงพ่อดำ วัดศรีสินมาและ หลวงพ่อชาญ วัดน้อยนางหงษ์ จ.สมุทรสาคร ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ (คำสอนเป็นอัศจรรย์) เป็นคำสอนของบุคคลผู้ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก เพื่อที่จะตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง และไม่ใช่เพียงเพื่อตรัสรู้เฉพาะพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น แต่ทรงมีพระมหากรุณาที่จะทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจพระธรรมตามพระองค์ด้วย ดังนั้น พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงทำให้ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา จากที่เคยเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ดับกิเลสตามลำดับมรรค ได้ สูงสุดคือถึงความเป็นพระอรหันต์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง จะเห็นได้ว่าในชีวิตประจำวัน แต่ละคนก็มีกิเลสมากด้วยกันทั้งนั้น เพราะเคยได้สะสมมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ กิเลสเมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ และเกิดขึ้นบ่อยมากเกือบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ (เมื่อไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก กิริยา และ กุศล) เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ก็จะไม่รู้เลยว่า ตนเองเป็นผู้มีกิเลสมากน้อยแค่ไหน เมื่อไม่รู้กิเลสตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถละกิเลสใด ๆ ได้เลย การที่จะรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องฟังพระธรรม ขึ้นชื่อว่าสาวกแล้วต้องได้ฟังพระธรรม ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่ทุกคนจะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองให้เบาบางลงจนกว่าจะมีปัญญาคมกล้าสามารถดับกิเลสทั้งหลายได้ในที่สุด ซึ่งจะต้องเริ่มสะสมปัญญาตั้งแต่ในขณะนี้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวัน บุคคลผู้ที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะซาบซึ้งและได้รับประโยชน์จากอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์อันสุดยอดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง…….. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่าน... ตอนที่ ๑ ……เจตนาแห่งพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ที่รฤก สัมพุทธชยันตีฉัพพรรณรังสี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. งานบุญ สาครบุรี-ศรีนครพิงค์ พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๑ ( ปลุกเสก๓ปี ) วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร – สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ ธรรมแห่งพระบรมศาสดา คือธรรมเป็นธรรมชาติอันมหัศจรรย์ที่สุดแล้วแลครอบโลกธาตุสิ้น... "ด้วยกลางวันดุจดั่ง ดวงตะวัน และ กลางคืนนั้นดุจดั่ง จันทร์เพ็ญ ให้แสงสว่าง ทั่วทั้งโลกธาตุ ทุกทิวาแลราตรี" เอกอัจฉริยะบรมบุรุษ ...พระพุทธเจ้า ให้นิยาม “พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี” ไว้ดั่งนี้แล้ว ความเป็นธรรมดานี้แหละที่ครอบทั้งโลกธาตุ... พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคล มีเหตุผลในการสร้างขึ้นมา ๓ เหตุผลใหญ่ๆก็คือ " ศรัทธา แล้ว ต้อง คู่ด้วย ปัญญา " ๑.เป็นพุทธานุสสติ ให้จิตจับอยู่กับพระ อาราธนาก่อนออกจากบ้านเช้า-เย็น ถ้าตายระหว่างนั้น จิตไปสุคติภูมิ ใครบูชาก็ขอให้ยึดในความดีของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นพุทธานุสติและการหมั่นทำความดี ๒.ป้องกันอุปฆาตกรรม บุคคลย่อมข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา ย่อมข้ามอรรณพได้ ด้วยความไม่ประมาท ย่อมล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ฯ ๓.สืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างบรรจุในอุโบสถ สร้างบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์, เก็บบนหลังคาโบสถ์ ฯลฯ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้มีไว้บูชาเพื่อสืบทอดพระศาสนา ปฐมเหตุแห่งพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี พระฉัพพรรณรังสี ฉัพพรรณรังสี นั้นมีมาแต่ครั้งพุทธกาลนานตราบเท่าพระศาสนาด้วยพระบรมมหาศาสดาแสดงไว้โดยประจักษ์.. ด้วย สติปัฏฐานและพระผู้ทรงญานสมาบัติ เมื่อพระศาสดาทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบายด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน) ปีตะ (เหลืองเหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ (ขาวเหมือนแผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ พื้นแห่งท้องฟ้า ได้เป็นราวกะว่า เต็มด้วยดอกอัญชันกระจายอยู่ทั่วไป เหมือนดารดาษด้วยดอกสามหาวหรือกลีบอุบลเขียว เหมือนขั้วตาลประดับด้วยแก้วมณีที่แกว่งไปมา และเหมือนแผ่นวัตถุสีเขียวเข้มที่ขึงออก ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีเขียวเหล่าใด พระรัศมีสีเขียวเหล่านั้น ออกไปแล้วจากพระเกศา แลพระมัสสุทั้งหลาย และจากที่สีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง ทศาภาคทั้งหลายย่อมรุ่งโรจน์ เหมือนโสรจสรง (ชำระ) ด้วยน้ำทองคำ เหมือนแผ่แผ่นทองคำออกไป เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งนกกดไฟ (น่าจะเป็นผงขมิ้น) และเหมือนเรียงรายด้วยดอกกรรณิการ์ ด้วยอำนาจแห่งรัศมีสีเหลืองเหล่าใด รัศมีสีเหลืองเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระฉวีวรรณ และจากที่สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง.ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งชาด เหมือนรดด้วยน้ำครั่งที่สุกดีแล้ว เหมือนคลุมด้วยผ้ากัมพลแดง เหมือนเรียงรายด้วยดอกชัยพฤกษ์ ยิ้มกวาว และดอกชบา ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีแดงเหล่าใด พระรัศมีสีแดงเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิตและที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง. ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนเกลื่อนกล่นด้วยขีรธาราที่เทออกจากหม้อเงิน เหมือนเพดานแผ่นเงินที่เขาขึงไว้ เหมือนขั้วตาลเงินที่แกว่งไปมา เหมือนดาดาษด้วยดอกคล้า ดอกโกมุท ดอกย่างทราย ดอกมะลิวัลย์ ดอกมะลิซ้อนเป็นต้น ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีขาวเหล่าใด รัศมีสีขาวเหล่านั้นซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และจากที่สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง. ส่วนพระรัศมีสีหงสบาทและเลื่อมประภัสสร ก็ซ่านออกจากส่วนแห่งพระสรีระนั้นๆ พระฉัพพรรณรังสีเหล่านั้นออกแล้วจับมหาปฐพีใหญ่อันหนาทึบ ด้วยประการฉะนี้ มหาปฐพีอันหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนก้อนทองคำที่เขาขจัดมลทินแล้ว พระรัศมีทั้งหลายเจาะทะลุแผ่นดินลงไปจับน้ำในภายใต้ น้ำซึ่งรองแผ่นดินหนาถึง ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนทองคำที่ไหลคว้างออกจากเบ้าทอง พระรัศมีเหล่านั้นเจาะน้ำลงไปจับลม ลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์ ได้เป็นเหมือนแท่งทองคำที่ยกขึ้นแล้ว พระรัศมีทั้งหลายเจาะลมแล้วแล่นไปสู่อัชชฎากาศ ว่าด้วยส่วนเบื้องบน พระรัศมีทั้งหลาย แม้พุ่งขึ้นไปแล้วจับอยู่ที่จาตุมหาราชิกา เจาะแทงตลอดจาตุมหาราชิกาไปจับชั้นดาวดึงส์ จากนั้นก็ไปยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี จากนั้นก็ไปพรหมโลก ๙ ชั้น จากนั้นก็ไปเวหัปผลา จากนั้นก็ไปปัญจสุทธาวาส จับอรูปทั้ง ๔ เจาะ (แทงตลอด) อรูปทั้ง ๔ แล้วแล่นไปสู่อัชชฎากาศ โดยส่วนเบื้องขวางทั้งหลาย พระรัศมีแล่นไปสู่โลกธาตุทั้งหลายอันหาที่สุดมิได้ ในที่ทั้งหลายมีประมาณเท่านี้ ไม่มีรัศมีพระจันทร์ในพระจันทร์ ไม่มีรัศมีพระอาทิตย์ในพระอาทิตย์ ไม่มีรัศมีดวงดาวในดวงดาวทั้งหลาย ไม่มีรัศมีของเทวดาทั้งหลายในที่ทั้งปวง คือ ที่อุทยาน วิมาน ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย ที่สรีระทั้งหลาย ที่อาภรณ์ทั้งหลาย ถึงมหาพรหมผู้สามารถแผ่แสงสว่างไปสู่โลกธาตุติสหัสสี และมหาสหัสสี ก็ได้เป็นเหมือนหิ่งห้อยในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์ พระอาทิตย์ ดวงดาว อุทยานวิมาน ต้นไม้กัลปพฤกษ์ของเทพ ก็ปรากฏเพียงเป็นการกำหนดเท่านั้น. จริงอยู่ สถานที่มีประมาณเท่านี้ ได้เป็นที่ท่วมทับ (ปกคลุม) แล้วด้วยรัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น พระฤทธิ์แม้นี้มิใช่ฤทธิ์เกิดจากการอธิษฐาน มิใช่ฤทธิ์เกิดจากภาวนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่เมื่อพระโลกนารถทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุม พระโลหิตก็ผ่องใส วัตถุรูปก็ผ่องใส พระฉวีวรรณก็ผ่องใส วรรณธาตุมีจิตเป็นสมุฏฐาน ตั้งอยู่ไม่หวั่นไหวในประเทศประมาณ ๘๐ ศอกโดยรอบ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาธรรม โดยลักษณะนี้ ตลอด ๗ วัน. มีคำถามว่า ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาตลอด ๗ คืน ๗ วัน ได้มีประมาณเท่าไร? ตอบว่า หาประมาณมิได้. นี้ชื่อว่า เทศนาด้วยพระหฤทัยก่อน ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็ไม่พึงกล่าวได้ว่า ก็พระศาสดาเมื่อทรงเปล่งพระวาจาแสดงธรรมอันพระองค์คิดด้วยพระทัยตลอด ๗ วันอย่างนี้ โดยล่วงไปร้อยปีก็ดี พันปีก็ดี แสนปีก็ดี ก็ไม่สามารถเพื่อให้ถึงที่สุดได้ ดังนี้. จริงอยู่ ในกาลอันเป็นส่วนอื่น พระตถาคตเจ้าประทับนั่งท่ามกลางเหล่าเทพหมื่นจักรวาลเหนือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ควงไม้ปาริชาต ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อทรงแสดงธรรมทรงทำพระพุทธมารดาให้เป็นกายสักขี ก็ทรงย่อแล้วๆ ซึ่งลำดับธรรมจากระหว่างธรรมแล้วแสดงโดยส่วนแห่งร้อย โดยส่วนแห่งพัน โดยส่วนแห่งแสน เทศนาที่พระองค์ให้เป็นไป ติดต่อกันสามเดือน เป็นอนันตเทศนาประมาณมิได้ ประดุจคงคาในอากาศที่ไหลลงมาอย่างเร็ว และประดุจสายน้ำที่ไหลออกจากหม้อน้ำที่คว่ำปาก ฉะนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์มหาปัฏฐานแล้วเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสี รัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้วยความบริสุทธิ์ การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ ๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีลวินัยดียอดเยี่ยม ๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง ๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ ๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็นจริง ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์ โดยความยากลำบาก แล้วทรงโปรดหมู่สัตว์ให้รู้ตาม พระธรรม คือคำสอนการปฏิบัติที่เห็นผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน รู้ในทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ ข้อปฏิบัติสายกลางเพื่อออกจากทุกข์ พระสงฆ์ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ คือพระอริยะ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง สมควรบูชา สัพพัญญู ผู้รู้สิ่งทั้งปวง ซึ่งเป็นพระนามประการหนึ่งของพระพุทธเจ้านั้นหมายความว่า พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาลทั้งเวลาหลับและเวลาตื่น "อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์" (แปลความหมายคือ หนึ่งจักรวาลในที่นี้ เท่ากับขอบเขตที่พระจันทร์และพระอาทิตย์โคจร นับเฉพาะส่วนนี้เป็นหนึ่งจักรวาลตามนัยของประโยค หรือหนึ่งระบบสุริยะจักรวาล ตามนัยวิทยาศาสตร์ อนุมานว่าเหตุที่ตรัสเพียงพระจันทร์และพระอาทิตย์ ก็เพื่อให้คนโบราณในยุคนั้นที่ยังไม่ทราบว่ามีดาวอื่น ๆ เช่นดาวพุธ ดาวเสาร์ เป็นต้น ได้กำหนดชัดพอรู้) "ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ" พญานาโคบุตรโคดม หรือ พญามุจลินทร์นาคราชพญานาคราชที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ซึ่งมีการกล่าวถึงในพุทธประวัติและกล่าวในพระไตรปิฎกหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว พระองค์ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ "มุจลินทร์" ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ ๗ วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตพรำๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด ๗ วัน ได้มีพญามุจลินทร์นาคราชเจ้าวสุทธิเทวา เข้ามาวงด้วยขด ๗ รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้วคลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า!!! พุทธธรรม อุเทติ ปุเรติ ขียติ จนฺโท. ดวงจันทร์อุทัยขึ้นเต็มดวง...แล้วก็แรมลับ อตฺถํ คเมตฺวา น ปาเลติ สุริโย. ดวงอาทิตย์ฉายแสงส่องโลก...อัสดง อุปชฺชิตตฺวา นิรุชฺฌนฺติ มรณ กาเลหิ ชีวิตํ. ชีวิตอุบัติขึ้น...ปลดปลงไปตามกาล... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ ๒ ……จำนวนสร้าง ......... พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ที่รฤก สัมพุทธชยันตีฉัพพรรณรังสี วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร – สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ พระทั้งหมดทุกองค์ ดูแลมวลสารและกดพิมพ์โดยหลวงพ่อดำและโดยพระสงฆ์วัดศรีสินมา กันภายในวัด ทั้งหมดทุกองค์ทุกแบบแล้วเสร็จในพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑. ชุดเจ้าภาพร่วมบุญใหญ่ ถวายหลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา และ ถวายพระครูบาพบ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น และ เจ้าภาพร่วมบุญจัดสร้างถวาย รวมจำนวน ๑๖ ชุด กดพิมพ์นำฤกษ์ ๒. ชุดถวายพระสงฆ์และแจกผู้ร่วมงานบุญ สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำหลังยันต์ฝังพระนาคปรก ชุดถวายพระสงฆ์และแจกผู้ร่วมบุญและเป็นที่ระลึกงานบุญทั้งสิ้น ๑๐๐ ชุด ประกอบด้วย -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำหลังยันต์ฝังพระนาคปรกรุ่นสอง วัดศรีสินมา พร้อมฝังมณีนิลตอกโค้ด "ศ ส ม" และ ด รัศมีโรยเกศาหลวงพ่อดำ -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีมหลังยันต์หลังฝังพระนาคปรกรุ่นแรกเนื้อทองแดง หลวงปู่ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน“บรรจุ ตามมาภรณ์" กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี โรยเกศาหลวงปู่ครูบาเจ้าตั๋น ๓.ชุดแจกงานบุญและบรรจุกรุ ทั้งหมด ๒,๖๐๐ องค์ แยกเป็น ... .***สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนดำ หลังยันต์ ***สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีม หลังยันต์ ถวาย สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน“ กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี จำนวน ๑,๐๐๐องค์ (แจกทานและงานบุญสำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน ) ***อีก ๖๐๐ องค์ เพื่อบรรจุกรุบรรจุกรุใต้ฐานพระประธานในโบสถ์วัดศรีสินมา เพื่อสืบทอดพระศาสนา *** ๔.ชุดสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีหลังเรียบ -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสีเนื้อโทนครีมหลังเรียบถวาย สำนักสงฆ์ ม่อนปู่อิน"กดโค้ด "ม ป อ" และ ด รัศมี จำนวน ๒๒๗ องค์ ๕. ชุดพิเศษ ( ออกให้ร่วมทำบุญเพื่อนำปัจจัยทั้งหมดสบทบทุนร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ วัดศรีสินมา จ.สมุทรสาคร และ หล่อรูปเหมือนหลวงปู่ครูบาตั๋น ขนาดเท่าองค์จริง ไว้ณ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จังหวัดเชียงใหม่ ) ประกอบด้วย สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี และลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี จำนวน ๑๑๒ ชุด ประกอบด้วย **วัดศรีสินมา ๕๖ องค์ ** -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ด้านหน้าฝังตะกรุดเงิน ๒ ดอก หลังเรียบจารมือ "กดโค้ด "ศสม" และด รัศมี จำนวน ๕๖ องค์ **สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น ๕๖ องค์** -สมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี ด้านหน้าฝังตะกรุดเงิน ๒ ดอก หลังเรียบจารมือ "กดโค้ด "มอป " แล ะด รัศมี จำนวน ๕๖องค์ รวมทั้งสิ้น โค้ดวัดศรีสินมา ทุกแบบ จำนวนทั้งหมด ๑,๖๙๙ องค์และ โค้ดสำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น ทุกแบบ จำนวนทั้งหมด ๑,๖๙๙ องค์ รวมทั้งหมดพระรุ่นนี้มีการสร้างรวมทั้งหมด ๓,๓๙๘ องค์ ลูกอมปั้นมือ (ลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี) ที่ระลึกงานบุญ สาครบุรี – ศรีนครพิงค์ ปั้นมือที่วัดศรีสินมาทั้งหมด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ตอนที่ ๓ …… “ มวลสารใครว่าไม่สำคัญ” พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี “ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์ โดยความยากลำบาก แล้วทรงโปรดหมู่สัตว์ให้รู้ตาม พระทั้งหมด ดูแลมวลสารและกดพิมพ์โดยหลวงพ่อดำและโดยพระสงฆ์วัดศรีสินมา กันภายในวัด ทั้งหมดทุกองค์ทุกแบบ ในพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มวลสารพระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี -ผงอิทธิเจ กรุวัดสัมฤทธิ์ สมัยอยุธยา อายุ ๔๐๐กว่าปี จำนวนหนึ่งขัน ผงอิทธิเจ กรุวัดสัมฤทธิ์ ชื่อนี้ผมคุ้นเคยมากว่าสิบปี เคยดั้นด้นค้นหาเรื่องราว สุดอัศจรรย์พันลึก ของผงวัดสัมฤทธิ์ ในตำนาน จนวันหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ อันสุดแสนจะตื่นเต้น จะโดยบังเอิญหรือไม่บังเอิญก็ตาม แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังจะข้ามเวลาไปด้วยเหตุผลสำคัญบางประการ และด้วยคำรับรองจากหลวงพ่อ ที่ผมได้รับฟังจนแน่แท้แก่ใจจากพระผู้เป็นต้นเรื่องว่า " ผงนี้แม้เพียงธุลีหนึ่งก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระหนึ่งองค์นั่นเชียว เป็นไปในทางอิทธิโดยแท้ โดยไม่ต้องปลุกเสกใดๆอีกแล้ว" นี่คือคำรับรองและเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเดินทางทีผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้เพียงนี้ และคำรับรองอันสำคัญหลายสิ่งในต่างกรรมต่างวาระ แต่บรรจบกันในครั้งนี้ครับ พร้อมๆกับเรื่องราวต่อไป ที่เรากำลังเดินทางข้ามกาลเวลาไปด้วยกัน ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ได้ถูกค้นพบเมื่อประมาณ ๓๐-๔๐ ปีที่ผ่านมา โดยพบการผุดขึ้นของผงพุทธคุณดังกล่าวได้มีการพบที่บริเวณเนินดินที่เป็นรากฐานอุโบสถโบราณ ซึ่งอยู่กลางทุ่งนาในเขตอำเภอท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันนี้หาผงฯนี้เกือบจะหาอีกไม่ได้อีกแล้ว คงเหลืออยู่เล็กๆ น้อยๆ กับคนที่รู้จริงและบรรจุใส่ตลับบ้าง ใส่หลอดบ้างเอาไว้บูชากัน แต่ก็หวงแหนกันยิ่งชีวิต ประสิทธิผลในทางเมตตามหานิยมสูงสุดและมหาสำเร็จดังแก้วสารพัดนึก และมีประสบการณ์ในทางอุดหนุนค้ำชูดวงชะตาเป็นมหาสำเร็จสมปรารถนา ปาฏิหาริย์ในทางโชคลาภ ในทางมหาเสน่ห์ ในทางมหานิยม ในทางขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงการถอนคุณไสยต่างๆ ได้อย่างเป็นอัศจรรย์โดยการอาราธนานำพระแช่น้ำทำน้ำพระพุทธมนต์ ผงอิทธิเจนี้คือ ผงวิเศษ ๑ ใน ๕ ผงพุทธคุณตามตำราโบราณซึ่งผู้ที่เรียนพุทธาคมต้องเรียนและทำให้สำเร็จตามขั้นตอนของผงแต่ละชนิด ซึ่งผงอิทธิเจนั้นมีฤทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ใช้ได้สารพัดสุดแต่จะอธิษฐาน ปรารถนาสิ่งใดจะส่งผลให้สัมฤทธิ์ผลทุกถ้าใช้ในทางที่ถูกก็จะช่วยเหลือค้ำคูณผู้นั้นให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป จึงเป็นของสุดวิเศษที่ปรารถนาเป็นอย่างมาก - ผงพุทธคุณเก่าหลวงปู่ครูบาเจ้าตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จำนวนหนึ่งขัน พบโดยอัศจรรย์เป็นชุดสุดท้ายของวัด - ผงพุทธคุณเก่าหลวงปู่อินทร์ วัดหนองรี - ลูกอมผงพุทธคุณหลวงปู่บุญมาก วัดโพธิ์บางระมาด จำนวนมากประกอบด้วย ผงของเก่าของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ผงจากยันต์เกราะเพชร หลวงปู่นวล และหลวงพ่อบุญมากสัญญโม วัดโพธิ์ ทำขึ้นกับผงสมเด็จพระพุฒาจายร์ที่หักๆ ผงวัดพลับ ผงหลวงพ่อโชติวัดตะโน ผงพระวัดโมลี หลวงพ่อวัดไร่ขิง ผงถ้ำม้าร้อง จ.เพชรบุรี ผงหลวงปู่แก้ววัดช่องลม ท่าฉลอม ผงหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ผงหลวงพ่อโง่น วัดเขารวกจ.พิจิตร ผงหลวงพ่อผล วัดดักคะนน จ.ชัยนาท ผงกรุพระปรางค์เก่า วัดโพธิ์ตลิ่งชันกทม. ผงหลวงพ่อขอม จ.สุพรรณบุรี - ผงว่าน ๑๐๘ ผงพุทธคุณหลวงพ่อดำ อาทิ ว่านเทพรำพึง ว่านเทพประชุมพร ว่านนะหน้าทอง -ผงพระกรุเก่า พระบุเงิน พระกรุสมัยทราวดี อายุหลายร้อยปีจำนวนมากของหลวงพ่อดำ - ผง ๓๕๐ อาจารย์ ของ พระอาจารย์ตั้ว หลวงปู่หมุน - ตะกรุดเงินจารมือหลวงพ่อดำ ปลุกเสก 10 กว่าปี - พระนาคปรกรุ่น 1 – 2 หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา -พระนาคปรกรุ่นแรก หลวงปู่ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น และ อัญมณี และ ผงพุทธคุณเก่าอีกจำนวนมากล้วนแต่เป็นผงสำเร็จแล้วและศักดิ์สิทธิ์ด้วยอิทธิพุทธานุภาพทั้งสิ้น. สองแผ่นดิน วาระ สาครบุรี - ศรีนครพิงค์ สาครบุรี เข้าพิธีพร้อมเหรียญ รุ่นสร้างบารมี หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา พ.ศ.๒๕๕๘ พระเกจิอาจารย์เมตตานั่งภาวนาอธิฐานจิตโดยพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐ รูป ๑.หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ นพบุรีศรีนครพิงค์ เข้าพิธีพร้อมรุ่นพรหมล้านนา สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๕๘ ๑.หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ พุทธธรรม….. พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า "ไม่มีบุญใด ยิ่งใหญ่ไปกว่า การถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ ในวาระจิตเดียว...แม้ชั่วขณะอึดใจเดียว ก็มีค่ากว่าสร้างเจดีย์ทองคำจากมนุษย์ถึงพรหมโลก…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนที่ ๔ ……ว่าด้วย พิธีปลุกเสก ๓ ปี ๓ ไตรมาส ...... พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี และลูกอมสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี วัดศรีสินมา ( ฝ่ายสาครบุรี ) และนำเข้าพิธีต่างๆดังนี้ - พิธีมหาจันทร์เพ็ญ จันทร์ซ้อนจันทร์ พ.ศ.๒๕๕๙ หลวงพ่อดำปลุกเสกเดี่ยว ในกุฏิพร้อมตะกรุดจันทร์เพ็ญ - พิธีเสาร์ห้า พ.ศ. ๒๕๖๐ ปลุกเสก ในกุฏิและ อุโบสถวัดศรีสินมา ๓ รอบ โดย หลวงพ่อดำ วัดศรีสินมา และ หลวงพ่อชาญ วัดน้อยนางหงษ์ จ.สมุทรสาคร - พิธีเลื่อนสมณศักดิ์ (หนุนดวง) พ.ศ. ๒๕๖๐ - พิธีรุ่น ยกช่อฟ้า พ.ศ. ๒๕๖๑ อุโบสถวัดศรีสินมา หลวงพ่อดำปลุกเดี่ยว ในกุฏิและในอุโบสถ พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่น ยกช่อฟ้า วัดศรีสินมา สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน ( ฝ่ายนพบุรีศรีนครพิงค์ ) นำไปขอเมตตาบารมีองค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์สำคัญอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวหลายวาระ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.หลวงปู่พ่อท่านผอม ถาวโร (พระไม่ทุกข์) วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช อายุ ๙๒ ปี (ปลุกเสกอธิษฐานจิตเดี่ยว ณ. จ.เชียงใหม่) - พิธีพุทธาภิเษกพิธีอธิฐานจิตปลุกเสก พระสมเด็จสำเร็จสัมฤทธิ์ฉัพพรรณรังสี . พระพุทธปางเปิดโลก , พระบูชาหลวงปู่ครูบาตั๋น ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ รายนามพระเกจิอาจารย์ อธิษฐานจิตนั่งปรก - พระอาจารย์ธีรบูล วัดปากดุก จ.เพชรบูรณ์ ปลุกเสกอธิษฐานจิตเดี่ยว และอัญเชิญบารมีครูบาอาจารย์ต่างๆ มาร่วมพิธีเป็นวาระพิเศษ วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ( พระอาจารย์ธีรบูล ท่านเป็นศิษย์พุทธาคม สายในดง และเป็นศิษย์ยุคต้นผู้ถวายงานใกล้ชิดหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน พระมหาเถราจารย์ห้าแผ่นดิน ตั้งแต่ปี๔๑ เรื่อยมาและ ท่านเป็นศิษย์แห่งองค์หลวงพ่อครูบาลุ่น วัดปากดุก จ.เพชรบูรณ์ หลวงพ่อครูบาลุ่น ถ้าท่านที่สนใจติดตามประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร คงทราบกันดีว่าท่านหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่เคยเรียนวิชาและปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่เทพโลกอุดรภายในถ้ำวัวแดง ) - นำเข้าพิธีดวงเศรษฐี๓ ณ.วัดป่าหนองหล่ม ปลุกเสกคืนก่อนพิธีโดยหลวงพ่อดำ วัดศรีสินมาและ หลวงพ่อชาญ วัดน้อยนางหงษ์ จ.สมุทรสาคร ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ (คำสอนเป็นอัศจรรย์) เป็นคำสอนของบุคคลผู้ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก เพื่อที่จะตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง และไม่ใช่เพียงเพื่อตรัสรู้เฉพาะพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น แต่ทรงมีพระมหากรุณาที่จะทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจพระธรรมตามพระองค์ด้วย ดังนั้น พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงทำให้ผู้ได้ฟัง ได้ศึกษา จากที่เคยเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล ดับกิเลสตามลำดับมรรค ได้ สูงสุดคือถึงความเป็นพระอรหันต์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง จะเห็นได้ว่าในชีวิตประจำวัน แต่ละคนก็มีกิเลสมากด้วยกันทั้งนั้น เพราะเคยได้สะสมมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ กิเลสเมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ และเกิดขึ้นบ่อยมากเกือบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ (เมื่อไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก กิริยา และ กุศล) เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ก็จะไม่รู้เลยว่า ตนเองเป็นผู้มีกิเลสมากน้อยแค่ไหน เมื่อไม่รู้กิเลสตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถละกิเลสใด ๆ ได้เลย การที่จะรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องฟังพระธรรม ขึ้นชื่อว่าสาวกแล้วต้องได้ฟังพระธรรม ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่ทุกคนจะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองให้เบาบางลงจนกว่าจะมีปัญญาคมกล้าสามารถดับกิเลสทั้งหลายได้ในที่สุด ซึ่งจะต้องเริ่มสะสมปัญญาตั้งแต่ในขณะนี้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวัน บุคคลผู้ที่มีปัญญาเท่านั้นที่จะซาบซึ้งและได้รับประโยชน์จากอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์อันสุดยอดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง…….. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่าน...
*** ข้อมูลจากจากเพจคณะศิษย์พระอาจารย์ดำ วัดศรีสินมา ***
|