รูปถ่ายหลวงปู่ไสย์ เขมิโย วัดม่วงลาย สกลฯ
บทความพระเครื่อง เขียนโดย Kornsitpu
หลวงพ่อท่านได้ออกบรรพชาเป็นสามเณร พร้อมกันกับ ตาจัน ตาสิม ตาสอน พออายุครบอุปสมบทจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และได้ออกเดินทางไปยังอำเภอแก่งคอย เพื่อศึกษาพระธรรม การปฏิบัติกรรมฐานและรำเรียนวิชากับครูบาอาจารย์ที่นั้น เมื่อเวลาล่วงเลยไป พระภิกษุที่เคยบวชพร้อมกับท่าน ก็พากันลาสิกขา เพื่อออกมาช่วยงานทางบ้านกันบ้าง ล้มป่วยเสียชีวิตบ้างก็มี เพราะในสมัยนั้นทางการแพทย์ยังเข้าไปไม่ถึงหมู่บ้านมากนัก ทำให้วัดบ้านม่วงลาย กลายเป็นวัดที่รกร้างไป เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านถึงเรื่องผีสางภายในวัด แม้แต่ชาวบ้านยังไม่กล้าเดินผ่านในยามวิกาล พากันไปนิมนต์พระในพื้นที่ใกล้เคียง ก็ไม่มีพระรูปใดกล้าพอที่จะมาจำวัดม่วงลายนี้ได้เลย จึงได้ปรึกษาหารือเพื่อแก้ปัญหานี้ เมื่อได้ข้อสรุปก็ส่งตัวแทนออกเดินทางไปนิมนต์หลวงพ่อไสย์ฯที่อำเภอแก่งคอย กลับมาจำวัดม่วงลายเพื่อสืบทอดพระพุทธศานาและเป็นขวัญกำลังใจของชาวบ้าน ท่านฯจึงรับนิมนต์ที่จะกลับมายังวัดม่วงลายในครั้งนี้ หลังจากการเดินทางกลับมาของหลวงพ่อไสย์ฯ วันแรกที่ถึงหมู่บ้านม่วงลาย (ครั้นก่อนเรียกกันว่าบ้านม่วงหลาย เพราะมีต้นมะม่วงเยอะ)..... ท่านยังคงไม่เข้าวัดแต่หากท่านกลับไปปรักกรก และกรรมฐานอยู่ "ดอนปู่ตา " ซึ่งเป็นดอนหอ (ศาลประจำหมู่บ้าน) โดยอยู่หลังบ้านคุณตา (นายสีเมือง จันทรังษี) ท่านอยู่กรรมฐานเป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากหลวงพ่อไสย์ฯ ท่านเคร่งครัดในกรรมฐาน และฉันข้าวเวลาเดียว หลังผ่าน 7 วันไปแล้วหลวงพ่อไสยฯ ท่านจึงเริ่มเข้าจำวัด ชาวบ้านบางคนถึงกลับเอ่ยออกเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านกำลังแผ่จิตส่งอานิสงส์ ให้กับผีสางที่คอยวนเวียนอยู่ในวัดและดอนปู่ตาก่อน วันนั้นชาวบ้านทุกคนจึงร่วมกันนิมนต์หลวงพ่อไสย์ฯ ขึ้นกุฏิไม้หลังเล็กไปก่อน แล้วค่อยช่วยกันทำความสะอาดศาลาและถางตัดไม้ที่ขึ้นรกเต็มวัด จึงค่อยๆพัฒนาให้หลวงพ่อได้จำพรรษาอยู่ในวัดนี้คอยช่วยเหลือชาวบ้าน อบรมสั่งสอนพระพุทธศาสนาตลอดจนพิธีกรรมทางศาสนาเลยมาทำให้กำลังใจของคนในหมู่บ้านดีขึ้น ชาวบ้านคนใหนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็ทำการจัดสมุนไพรให้นำกลับไปต้มดื่ม คนใหนผีเข้าท่านก็ให้ด้ายสายสิญจน์ขาวนำกลับไปผูกคอผูกแขนอาการผีเข้าก็จะหาย ทุ กวันพระ หลวงพ่อไสย์ ท่านจะให้ชาวบ้านนำดอกไม้คู่เทียนคู่มาถวายพระที่วัด และนำด้ายสายสิญจน์ขาวกลับบ้านไปผูกให้ลูกให้หลาน เพื่อป้องกันภูตผีและคุณไสย์ ด้วยกิจวัตรเคร่งครัดในกรรมฐานของท่าน และอบรมสั่งสอนให้ชาวบ้านหันมาปฏิบัติกรรมฐานและรักษาศีล ดังจะเห็นได้จากคำพูดของคนผู้เฒ่าผู้แก่แซวกันว่า "เส้านิหน่าตาคือใส มื้อคืนเขากรรมมาเบาะ" (แปลได้ว่า "เช้านี้หน้าตาสดใส เมื้อคืนปฏิบัติกรรมฐานใช่ไหม") หลังจากการปฏิบัติกิจวัตรของท่านเคร่งครัดทำให้ชาวบ้านเคารพและศรัทธาท่านมาก ทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงและอำเภอใกล้เคียง รวมถึงพระที่อยู่ในพื้นที่ก็ขอมาเป็นศิษย์กับหลวงพ่อไสย์ฯ อาทิ ญาคูปาน (หลวงปู่ปาน) วัดกุดไผท, ญาคูนอ วัดกุดแข, ญาคูนวล วัดตองโขบ, ญาคูสาลี วัดโพนบก, ญาคูอ้วน วัดท่าวัด ฯลฯ ด้วยความที่หลวงพ่อไสย์ฯ ท่านพรรษาแก่กว่า และการปฏิบัติกิจอย่างเคร่งครัดที่พระสงฆ์ควรกระทำอยู่เป็นนิจ ฉันเวลาเดียว ทำให้ท่านมีชื่อเสียงกระฉ่อนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงและพื้นที่รอบนอก มีงานบุญประจำปีชาวบ้านและลูกศิษย์จะช่วยกันทำให้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี จะคอยแวะเวียนกันมาเพื่อสนทนาธรรมและปฏิบัติกรรมฐานกับหลวงพ่อไสย์ฯ และท่านจะคอยออกไปเยี่ยมเยือนเวลามีกิจนิมนต์ และหนึ่งในลูกศิษย์ที่ท่านไปหาและถ่ายทอดวิชาที่รำเรียนมาให้แก่ศิษย์เป็นประจำ คือ ญาคูปาน (หลวงปู่ปาน) วัดกุดไผท ต้นเสียงมาทางวัดม่วงลาย เป็นเหตุที่ชาวบ้านทุกคนสงสัยรีบพากันเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภายในวัด สืบสาวหาสาเหตุปรากฏด้วยสิ่งที่ชาวบ้านและศิษย์ต้องอาลัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียครูบาอาจารย์ ที่เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อไสย์ ท่านมรณะภาพจากไปอย่างสงบ ทำให้ชาวบ้านม่วงลายพากันเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียเสาหลักสำคัญ ชาวบ้านและศิษย์จึงช่วยกันตัดไม้ต่อโลงให้หลวงพ่อ และตั้งสวดอภิธรรมศพหลวงพ่อไสย์ฯ 7 วัน พร้อมกับตั้งบำเพ็ญครบ 100 วัน จึงทำพิธีประชุมเพลิง ปู่สังข์ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าในระหว่างที่เพลิงเผาศพหลวงพ่อไสย์ฯ อยู่นั้นมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ตาชอนซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อไสย์ฯ ยืนข้างกองเพลิงที่กำลังเผาไหม้ร่างของหลวงพ่อไสย์ฯ ปรากฏมีก้อนเหล็กเปียกที่หลวงพ่อไสยฯ ท่านฝังไว้ใต้แขน กระเด็นออกมาจากกองเพลิงตกใส่หลังเท้าตาชอน ทำให้ตกใจวิ่งรอบกองเพลิงอยู่นาน ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้นต่างพากันบอกว่าหลวงพ่อไสย์ฯ ท่านมีเจตนาต้องการมอบให้ลูกให้หลานไว้เก็บรักษา จึงเป็นวาระสุดท้ายที่ทุกคนเห็นเป็นครั้งสุดท้ายอาลัยยิ่ง ขอบคุณ หนุ่มกะเลิง ไทสกล เจ้าของข้อมูล ไว้ ณ ที่นี้ครับ วัตถุมงคล วัตถุมงคลของหลวงพ่อไสย์ วัดม่วงลาย ที่พอทราบข้อมูล คือ เป็นรูปถ่ายอัดกระจก ขนาดสูงประมาณ เกือบ ๆ สองนิ้ว ด้านหลังจาร ด้วยดินสอ ซึ่งจัดเป็นวัตถุมงคล ที่หาชมยาก มาก ๆ
|