เรื่องของ พ่อท่านหมุน ยสโร วัดเขาแดงออก จ.พัทลุง - webpra

เรื่องของ พ่อท่านหมุน ยสโร วัดเขาแดงออก จ.พัทลุง

บทความพระเครื่อง เขียนโดย punch18

punch18
ผู้เขียน
บทความ : เรื่องของ พ่อท่านหมุน ยสโร วัดเขาแดงออก จ.พัทลุง
จำนวนชม : 18034
เขียนเมื่อวันที่ : จ. - 06 เม.ย. 2558 - 11:49.47
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : จ. - 06 เม.ย. 2558 - 12:41.08
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

   เรื่องราวต่อไปนี้เป็นการรวบรวมข้อเขียนจากศิษย์ท่านหนึ่ง ของพ่อท่านหมุน ที่ได้เขียนเอาไว้ในเฟสบุค กลุ่มพ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก

ซึ่งเขียนเล่าโดยคุณอาโสภน วงศ์เอื้อภักดีกุล ซึ่งเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์กับพ่อท่านฯ ตั้งแต่ก่อนปี2509 โดยในขณะนั้นมีอายุเพียง15ปี

 

และต่อมาก็ได้รับการสอนวิชาจากพ่อท่านฯ มาเรื่อยๆ ได้รับการแนะนำจากศิษย์รุ่นใหญ่บ้าง และได้สร้างพระไว้กับพ่อท่านฯ ถึง7รุ่นด้วยกัน

การที่ผม(หนึ่ง สมุทรสาคร)รวบรวมเรื่องที่ท่านเขียนมานี้ ก็ด้วยอยากจะรวบรวมเรื่องที่เขียนไว้ให้อ่านได้ง่าย ค้นเจอง่าย และอยากบันทึก


เรื่องราวที่เล่ามา จากถ้อยคำของผู้ที่สัมผัสพ่อท่านฯ มาเพื่อเป็นเครื่องเพิมศรัทธาในวัตรปฏิบัติ รวมถึงอุปนิสัย ความเมตตา และความเป็นพระที่แท้ อีกองค์หนึ่ง


ที่ท่านจะสัมผัสได้ผ่านบทความนี้ครับ ...

 

    พ่อท่านหมุนมีนามเดิมว่า หมุน วรรณศรี เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2440 ตรงกับวันเสาร์ แรม 8 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา (ร.ศ.116) ณ บ้านม่วง หมู่ที่ 6 ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง

ในช่วงวัยเยาว์ เมื่ออายุ 6 ขวบ โยมบิดามารดาได้นำไปฝากกับวัดเขาแดง มีหลวงพ่อเอียด เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เพื่อให้ ด.ช.หมุนได้ศึกษาเล่าเรียนและฝึกฝนการวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยความ

ตั้งใจ กระทั่งอายุ 17 ปี ด.ช.หมุนจึงได้บรรพชา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2457 ณ วัดปรางหมู่ใน อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระครูอินทโมฬี เป็นพระอุปัชฌาย์

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ สามเณรหมุนได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2460 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ พัทธสีมา วัดควนกรวด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระ

อธิการรอด วัดควนกรวด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ดิษฐ์ หรือพระครูเนกขัมมาภิมณฑ์ วัดปากสระ ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ยสโร

หลังจากที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาแดงตะวันออกโดยตลอด ต่อมาในปี พ.ศ.2471 ท่านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส และได้รับแต่งตั้งให้ดำรง

ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาแดง ในปี 2490

พ.ศ.2525 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่พระครูถาวรชัยคุณ

พ่อท่านหมุนได้ละสังขารจากไปอย่างสงบเมื่อวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2526 เวลา 02.00 น. สิริรวมอายุ 86 ปี พรรษา 65  (ข้อมูลส่วนนี้จากเวปitti-patihan.com)

 

ต่อไปนี้เป็นข้อเขียนของคุณอาโสภน ซึ่งผมขออนุญาติไม่แก้ไขการสะกดที่คุณอาพิมพ์ไว้เพื่อออกสำเนียงชาวใต้ เพื่อให้ได้อรรถรสเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ

 

-เริ่มสร้างพระ

ประมาณปี09 บรรดารุ่นพี่ มีพี่เกม  พิษณุเสนเป็นต้นได้ปรึกษากันว่า เราน่ามีหรือทำรูปพ่อท่านฯเอาไว้พกพาติดตัวไปไหนต่อไหน(ในสมัยนั้นยังไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลย)

แล้วโยนมาให้ผมทำ ตอนนั้นผมเรียนหนังสืออยู่ กทม.อายุประมาณ18ปี เมื่อบรรดาพี่ๆให้ทำผมก็ทำทำ คิดว่าจะทำอย่างไรเพราะไม่เคยทำและยังไม่เห็นใครทำมาก่อน

เหมือนพ่อท่านฯมาดลใจให้เห็นเป็นมโนภาพทำอย่างไร เริ่มทำลองผิดลองถูก(ต้องนั้นผมได้จีวรพ่อท่านฯแล้ว) ผมเป็นเด็กวัดศิริ (วัดศิริมาตยาราม)ริมคลองหลอด

ข้างกระทรวงยุติธรรม คืนนึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังสี มาเข้าฝันและบอกว่า รุ่งเช้าหลังพระทำวัตร์ในพระอุโบสถ์เสร็จ เข้าไปแล้วเอามือล้วงไปในกระถางธูป

พอพระทำวัตร์เสร็จท่าน พระมหากำลังปิดประตูผมขอนุญาติท่านมหาตามผมเข้ามาด้วย เห็นผมล้วงแล้วหยิบพระขึ้นมา เท่านั้นเรื่องใหญ่มากใครๆก็อยากดู

เจ้าคุณพระราชวรญาณนมุนี(เจ้าอาวาส) ทำไมฉันต์ปักไม่โดนพระสมเด็จ นั้นเป็นจุดเริ่มและข้อคิดในการพิจารณาเนื้อหาและมวลสารที่จะสร้างเสมือนพ่อท่านฯเป็นรุ่นแรก

ผมมาหาพ่อท่านฯขออนุญาติทำรูปพ่อท่านฯไว้พกติดตัวกัน พ่อท่านอนุญาติและพูดว่า รู้และเตรียมของเอาไว้ให้แล้ว ผงนั้นลักษณะสีเทาอมดำ

พ่อท่านฯสั่งว่า(เก็บเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเด็ดขาด) ผมถาม พ่อท่านฯว่าเป็นผงอะไร

พ่อท่านฯตอบผมว่าเป็นผงทะลุกระดาน อีกไม่นานรูปเสมือนพ่อท่านฯก็ออกมา

 

-สร้างพระพิมพ์สมเด็จหลังรูปพ่อท่านครึ่งองค์ ปี13

ผมมาหาพ่อท่านฯ พอผมลงจากรถเครื่องพ่อท่านฯก็จะเปิดประตูออกมาทุกครั้ง พ่อท่านฯนั่งผมก็จะกราบที่หัวเข่าพ่อท่านฯ

หลังจากฉันต์เช ้าแล้ว ผมเดินตามพ่อท่านฯมาที่กุฎิแล้วพูดกับผมว่าเดียวไปฉันต์ข้าวบ้านคูรจัน ไปถึงบ้านครูจันๆรีบออกมายกมือไหว้

นิมนต์เข้านั่งบ้านครับพ่อท่านฯพ่อท่านฯลงนั่งครูจันก็กราบพ่อท่านฯ(ครูจัน เป็นครูอายุมากแล้ว กินบำนาญ ชื่อเต็มก็คือ ครูจัน อุไรรัตน์)

ผมต้องขอโทษด้วยที่เอ๋ยนามโดยไม่ได้รับอนุญาติ ผมยกมือไหว้ครูจัน พ่อท่านฯแน่นำให้ครูจันรู้จัก นิมนต์พ่อท่านฯฉันต์เพลที่นี้ครับ

พ่อท่านฯก็ยักคอ หลังจากพ่อท่านฯฉันต์เพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประโยคเด็ดของครูจันถามพ่อท่านฯออกมา(ผมได้ยินแล้วเสียวเลย)

พ่อท่านฯครับโสภณนี้เป็นลูกศิษย์พ่อท่านฯหรือครับ

พ่อท่านฯยักคอแล้วตอบว่า"มั่น" เท่านั้นเองครูหันมาทางผมแล้วพูดว่า โสภณ ลูกเดือดร้อนไรให้บอก ถึงเงินทองมีไม่มาก ก็พอช่วยได้บ้าง

"ครับ" ผมก็ตอบบอกครูจัน ครูจันเดินไปเรียกลูกสาวลูกเขยก็ตามมาด้วย

ครูจันพูดขึ้นว่า "ลูกนี้โสภณลูกศิษย์พ่อท่านฯมีไรลูกช่วยเขานะ"ลูกเขยตอบรับทันที"ครับพ่อ"

ลูกๆก็มาถามสารสุกดิบผมให้ช่วยอะไร(พี่ๆหลานๆของครูจัน อุไรรัตน์ โปรดรับรู้ด้วยว่าในชีวิตผมไม่สามารถลืมความดีของครูจัน

พี่ๆในสมัยนั้นได้ ผมยังนึกถึงเสมอ พูดให้ใครฟังถึงคุณงามความดีของครูจันตลอด) พอกลับกันมาถึงวัดฯพ่อท่านฯก็เล่าอดีดให้ฟังระหว่างพ่อท่านฯกับครูจัน

 

วันนี้ดูพ่อท่านฯอารมย์ดีมาก วันนี้ดูเงียบกว่าทุกครั้งที่มา บ่ายวันนั้นผมเข้าไปนั่งคุยกับพ่อท่านฯได้บอกพ่อท่านฯว่า

พ่อท่านฯครับหอฉันต์ถ้าจะทำใหม่ได้มั้ยครับ ไม่ไหวมันหลายตางค์(หอฉันต์ตอนนั้นก้าวเดียวก็นั่งได้เลย)ไม่รู้จะหาตางค์ทางใหน

นี้ของที่มีคนทำให้ก็ต้องปลดหนี้ให้เขา(ประมาณปี13)ไม่รู้เมื่อไรหมด ถ้าพันนี้ได้มั้ยครับ (เวลาผมคุยกับพ่อท่านฯผมจะพนมยกมือไหว้ตลอด)

ผมขออนุญาติทำรูปพ่อท่านฯเพื่อหาเงินส่วนนี้มาทำหอฉันต์ได้มั้ยครับ ทำโรงหอฉันต์ต้องใช้เงินมาก ทำพระก็ต้องทำเป็นหมื่นๆต้องใช้เงินลงทุนมาก

เอาพันนี้ได้มั้ยครับ เหมือนว่าตีราคาหอฉันต์เท่าไร ก็ทำพระเท่านั้น ส่วนราคาทำบุญองค์ละเท่าไรใหนค่อยว่ากันทีหลัง

ผมอยากสร้างเพื่อพ่อท่านฯผมหาเงินสร้างหอฉันต์เองแต่ขออนุญาติพ่อท่านฯสร้างพระนะครับ เอาพันนั้นรึ ขออนุญาติพ่อท่านฯ

ผมว่าทำได้ครับ "ได้"แล้วใช้เงินเท่าไร ไม่ต้องครับพ่อท่านฯผมจะหาเงินสร้างพระเองครับพ่อท่านฯ ถ้าเราทำให้ชัดกว่านี้ได้มั้ย

พ่อท่านฯหมายถึงรูปพระหรือครับ "ใช่"พ่อท่านฯตอบผม"ได้ครับ"" ให้เห็นตา จมูก ปากชัดเจน"พ่อท่านฯบอก

"ถ้ามีเนื้อที่ทำได้ครับ"ผมแขวนรูปพ่อท่านฯอยู่ ผมล้วงออกมาให้พ่อท่านฯดู

พ่อท่านฯบอกว่าเอาตามภาพนี้ก็ได้(ในตอนนั้นภาพเต็มตัวพ่อท่านฯผมไม่มี มีแต่ภาพยืน และถ้าเป็นรูปเต็มตัว ต้องเป็นพิมพ์เหล็ก

และต้องใช้กำลังอัด ไม่นั้นก็ไม่ชัดอยู่ดี ต้องใช้เวลามากพอควร ผมได้อธิบายให้พ่อท่านฯฟัง

พ่อท่านฯบอกว่ามันยุ่งยากเอารูปนี้ก็ได้ ใช้จายเท่าไร คงไม่มีค่าใช้จายไร ถ้าพ่อท่านฯอนุญาติผมกลับกรุงเทพ

ผมก็จะได้เตรียมจัดการแล้วส่วนด้านหลังพ่อท่านจะให้ทำพรือ พ่อท่านกลับถามผม"เออ แล้วเอาพรือดี"

เอาพันนี้มั้ยด้านหลังเป็นพระพุทธ แล้วถ้าเป็นพระพุทธพ่อท่านฯจะเอาพระพุทธพันพรือขอฉานคิดก่อน ครับพ่อท่านฯแล้วกลับต่อไร

เมื่อไรก็ได้ครับพ่อท่านฯ ไม่รีบธุระรึ ไม่พรือครับพ่อท่านฯ ไป ไป พักผ่อน ครับผมกลับพ่อท่านฯ

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากพ่อท่านฯฉันต์อาหารเช้าแล้ว ผมเข้าไปนั่งคุยกับพ่อท่านฯ พ่อท่านบอกให้ผมไปคิดแบบเอาเองแต่ต้องเป็นพระพุทธ

ผมบอกกับพ่อท่านฯว่าคิดกี่แบบกี่พิมพ์แล้วผมจะเอามาให้พ่อท่านฯดูก่อน ถ้าพ่อท่านฯตกลงแล้วค่อยทำพิมพ์จริง พอกลับมากทม

ก็เตรียมคิดทำเครื่องมือๆที่แกะพิมพ์พ่อท่านนี้เป็นเครื่องมือทองเหลือง ซื้อมาเป็นเส้นแล้วตัดตามต้องการ

ดินไปขอซื้อที่เขารับแกะพระทั่วไปแล้วเอาผ้าขาวชุบน้ำแล้วห่อดินไม่ให้แห้งเก็บไว้ในโอ่งดิน ใช้เวลาวันหยุดเริ่มแกะที่พิมพ์พ่อท่านฯก่อน

ก่อนแกะก็ธูป9ดอกตามธรรมเนียม พอแกะได้ยืนดูหลายๆมุมเป็นที่พอใจแล้วก็หล่อแม่พิมพ์เลย

ในระหว่างแกะรูปพ่อท่านฯ ความคิดก็เกิด ว่าจะเอาพระพุทธพิมพ์อะไรบ้าง เสร็จเรียบร้อยเอารูปพิมพ์จำลองใส่กล่องพาไปให้พ่อท่านฯพิจารณา

พ่อท่านฯเห็นแล้วบอกว่าสวยมาก แล้วทำเนื้อพันพรือ ผมบอกพ่อท่านฯว่าต้องลองไปเลื่อยๆจนกว่าจะพอใจ พันนั้นเลยหรอ

ครับพ่อท่านฯเพราะการทำครั้งนี้เนื้อพระจะต้องสวยทุกอย่างจะต้องดี ฮือพ่อท่านฯฮือออกมา กลับมากทมก็คิดตลอดทั้งพิมพ์และเนื้อ

จนเป็นเอกฉันท์แล้ว มีกี่พิมพ์ จำนวนเท่าไรใส่กล่องพาไปให้พ่อท่านฯดู พ่อท่านฯพิจารณาแล้วพูดว่า"พอใจ"

พ่อท่านพาเข้าห้องบอกผมว่าก่อนหลบมาเอาไป บ่ายวันนั้นพ่อท่านฯเอาแม่พิมพ์ส่งให้ผมกับผงอีกหนึ่งถังสี

แล้วพ่อท่านฯสั่งกำชับว่า"ห้ามใช้ทางอื่นเด็ดขาด มันแก้ยาก"

 

ที่พักกทมตอนนี้คิดว่าจะทำเนื้อพระออกมาอย่างไร ใช้เวลาเป็นเดือนผลเนื้อพระก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

เริ่มทำพระกันแต่ปี13เสร็จปี15และขนมาให้พ่อท่านฯปี16(หลังจากเสร็จพิธีพุทธาพิเศก)ไปถึงเช้าผมกับคุณสุชิน

พ่อท่านฯให้เอาไปไว้ที่เขื่อน (อยู่ติดกับกุฎิพ่อท่านฯ)พอเย็นนั้นเราสองคนก็ลาพ่อท่านฯกลับ พอมาถึงช่วงเดือนตุลาคม

เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น(วันมหาวิปโยค)พอเดือนธันวาคมผมก็ทำเรื่องขอบวช ผมมาอยู่ที่วัดเขาแดงฯได้ใกล้ชิดพ่อท่านฯมากขึ้น

ถ้าจำไม่ผิดต้นปี17หลังจากฉันต์ข้าวเช้าแล้วพ่อท่านฯและพระที่วัดฯไปขนดินปนหินที่ภูเขาทางเข้าวัดฯเอาไปถมถนนที่เป็นหลุม

พอใกล้เวลาฉันต์เพลพ่อท่านฯให้พระกลับไปฉันต์เพล พ่อท่านฯบอกว่าเดียวฉานตามไป กำลังฉันต์เพลกันอยู่

เกิดชุลมุนมีเสียงตะโกนว่า "ตาหลวงเป็นลม" พ่อท่านฯไม่สบายอยู่หลายวัน คืนนั้นคนไปกันหมดแล้วผมเข้าไปนวดพ่อท่านฯจนพ่อท่านฯหลับ

หลับอยู่นานผมห่มผ้าให้พ่อท่านฯ พ่อท่านฯบอกว่า "คุณกลับไปจำวัดไป" คืนนั้นผมนอนดึกมาก เช้าวันรุ่นขึ้นหลังจากบินฑบาตรแล้วกลับกุฎิ

พอได้เวลาฉันต์เช้า ผมเดินผ่านไปดูพ่อท่านฯ พ่อท่านฯเรียกผมเข้าไป"ขอบใจมาก ไม่มีใครที่ไปจากฉาน แล้วกลับมารักษาฉานได้

ไป ไปฉันต์ข้าว เดียวมาหาฉานกัน" "ครับ" ผมตอบพ่อท่านฯ หลังจากฉันต์ข้าวแล้วผมก็เดินมาหาพ่อท่านฯตามที่พ่อท่านฯสั่ง "นั่ง"

พ่อท่านฯลุกขึ้นนั่งบนตั้ง "วันนี้คุณจะถามไรฉานได้ทั้งเพ่"ผมกำลังคิดว่าจะถามอะไรพ่อท่านฯ พ่อท่านเอามือล้วงลงไปในย่าม

แล้วถามผมว่า"เนี้ยทำพันพรือ" "เนื้อจึงได้ออกมาสวยพันนี้"พ่อท่านฯพริกกลับไปกลับมาพระสมเด็จฯ "เนื้อพันนี้ฉานทำไม่ได้

ของฉานเนื้อร่วน หักง่าย แก้พันพรือก็แก้ไม่ถูก ฉานยากได้เนื้อพันนี้ ต่อไปฉานกลัวว่าคนที่นี้ไม่ได้ใช้" "ครับ พ่อท่านฯครับ

ผมขอพระลีลาสักองค์ครับ"พ่อท่านฯพูดขึ้นว่า"ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว มีนี้แล้วไม่จำเป็น นี้ดีกว่าใหนๆ"ผมมึนเลย

พ่อท่านฯพูดต่อ"เหตุที่พันนี้ เพราะตอนทำพระลีลาก็ต้องใช้ผงนี้เหมือนกัน เวลาใช้ผงต้องเอาน้ำมันชันคลุกให้เป็นก้อนเท่าหัวแม่มือ

เวลาใช้บีบให้แตกใส่ไว้ในพิมพ์เพื่อว่าเวลาที่เราเทโลหะเนื้อผงได้ปนไปในเนื้อโลหะ เข้าใจมั้ยทีนี้"พ่อท่านฯถามผม

"ครับ เข้าใจครับ พ่อท่านฯเคยให้ผงฯกับใครหรือวัดใหนบ้างครับ" "ไม่เคยให้ใคร แล้วไม่เคยบอกให้ใครรู้ว่าฉานทำผงได้

เมื่อหลายปีก่อนไปทำพิธีหลวงปูทวดที่ชุมพร ที่วัดนวลฯให้ทั้งพระหลวงปูทวดและเป็นก้อนๆเท่าๆนิ้วกลายบาง หัวแม่มือบาง

ให้ฉานมาอยู่ในห้อง และที่หลังสวนฉานก็ไปทำพิธีเหมือน ที่วัดก็ให้พระมากัน หลวงปูทวดที่ชุมพรเนื้อก็ไม่แข็งพันนี้

แต่ที่หลังสวนไม่รู้เขาทำพรือ พาไปโยนเล แต่พระกลับมา""แต่สองวัดนี้พ่อท่านฯได้ให้ผงไปมั้ย" "มั้ย ไม่ได้ให้ใคร"

 

ในเดือนธันวาคมปี16ผมได้พานายช่างประหยัด คุ้มภัย คุณธรรมนูญ คุ้มภัย คุณสุชิน โสภณพงษ์ และน้องชายของผม

พาไปกราบพ่อท่านฯและมอบตัวให้พ่อท่านฯได้รู้จักส่วนจะเป็นศิษย์ได้หรือไม่อยู่ที่ดุลย์พินิจของพ่อท่านฯเอง

ช่วงที่ผมบวชอยู่ที่วัดเขาแดงฯ เวลาที่คุยกับพ่อท่านฯก็จะเป็นช่วงเวลา2ทุ่มถึง4ทุ่มเป็นหลักเพราะเป็นเวลาที่คนไม่มี

จึงเหมาะที่จะคุยกับพ่อท่านฯโดยไม่มีใครมาขัดจังหวะ บางคืนพ่อท่านฯจะท่องคาถาให้ฟังและสอนไปด้วย

การเรียนวิชาควรปฎิบัติตัวอย่างไร และอะไรที่ไม่ควรปฎิบัติ สำคัญที่สุดคือบุญคุณของพ่อแม่ ห้ามด่าเด็ดขาด ของดีก็ไม่อยู่กับเราถือของก็ไม่ขึ้น

บทใหนที่พ่อท่านให้เรียนพ่อท่านฯก็จะจดให้ ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมงผมก็ท่องให้พ่อท่านฯฟัง พ่อท่านฯบอกว่าความจำดี ประมาณเดือนกุมภาพันธ์จำวันที่ไม่ได้

ผมออกเดินธุดงค์ อุปกรณ์บางอย่างลูกของครูจันเป็นผู้ซื้อให้

ผมมาอยู่วัดศิริฯที่กทมซึ่งเป็นวัดที่เคยให้อยู่สมัยเรียนหนังสือฯแต่ผมก็ยังไปหาพ่อท่านเสมอ ก่อนเข้าพรรษาผมได้

เอาพระไปให้พ่อท่านฯหนึ่งฟิลม์ประมาณ100กว่าองค์โดยบอกพ่อท่านฯว่าเอาไปแจกงานฉลองพระ พ่อท่านฯถามผมว่าเป็นพระอะไร

ผมบอกพ่อท่านว่า"พระสมเด็จพุทโธ" พ่อท่านฯก็เมตตาทำให้โดยพ่อท่านฯไม่ได้ขอเอาไว้เลย เป็นรุ่นสุดท้ายของผม และผงทะลุกระดานก็หมด

พระสมเด็จพุทโธ มีเส้นผมของพ่อท่านฯด้วย

ที่มีเส้นผมของพ่อท่านฯมีรุ่นนี้ รุ่นเดียว

พระสมเด็จพุทโธมีที่กทม แจกที่กรุงเทพ ด้านหลังออกตามคำของพ่อท่านฯ

 

ผมสร้างพระในรูปของพ่อท่านโดยศิษย์รุ่นพี่ๆและได้ไปขออนุญาตพ่อท่านฯทุกรุ่นทุกพิมพ์ รวมทั้งหมด7พิมพ์

พิมพ์นี้ เป็นรุ่นแรก(รุ่น1) ผมเอามาให้พ่อท่านฯประมาณ9องค์ ในขณะที่พ่อท่านฯทำพิธีปลุกเสก พ่อท่านทุบทำลายทิ้งไป4องค์

ตามที่ท่านได้เห็นว่ามีน้ำหมาก มีทอง มีผงธูปนั้น พ่อท่านฯทำเองทั้งหมด พ่อท่านฯส่งกลับมาให้ผม3องค์ ผมให้คุณทวีศักดิ์ เลิศพิเชษ 1องค์

ส่วนที่พ่อท่านฯให้ใครนั้นผมไม่ทราบ

รูปนี้เป็นรุ่นที่2 เป็นรูปพ่อท่านฯ ข้างบนเป็นรูปพระพุท ส่วนสามเหลี่ยมไม่มีพระพุทประมาณพิมพ์ละ15องค์รวมแล้ว2พิมพ์ประมาณ30องค์

พ่อท่านฯให้ผมไม่กีองค์ อยุ่ที่วัด20กว่าองค์ รุ่นนี้พ่อท่านฯบอกทำได้ดีไม่มีทุบทิ้ง

ลงรักษ์ปิดทอง ใช้รักษ์แท้และแผ่นทองคำเปลวแท้ตราช้าง(หมายถึงรุ่น2...หนึ่ง)ผมลงรักษ์ปิดทองเองทุกองค์

ข้างๆขององค์ใหญ่ ด้านขวาชื่อพ่อท่านฯ ด้านซ้ายบอกวัดเขาแดง พัทลุง

พ่อท่านฯให้เหตุผลว่า ที่ฉานเก็บเอาไว้เพื่อว่ามีใครอยากได้ จะได้แจกให้เขา

 

เมื่อมีโอกาศผมก็จะนั่งคุยกับพ่อท่านฯเป็นประจำ ก็นั้นแหละ1ทุ่มขึ้นไป พ่อท่านฯเขียนไว้ที่กระดาก มีใจความว่า

"สอนไม่จำ ทำไม่ดู เรียนรู้แล้วไม่ปฎิบัติ ที่สุดก็เป็นสัตว์วัวควาย" พ่อท่านฯสั่งให้ผมท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ จนทุกวันนี้ผมยังไม่ลืมเลย

และต้องให้คำมั้นสัญญากับพ่อท่านฯ "ห้ามเอาวิชาที่เรียนเนี้ยไปรังแก่คนอื่น(กินใจกว้างมาก) ถ้าเลือดไม่ออก ยางไม่ไหล น้ำตาไม่ตก"ห้ามเด็ดขาด"

ผมรับปากพ่อท่านฯ พ่อท่านฯเมตตาผมมาก พ่อท่านฯบอกว่าคุณไม่กินเหล้า ไม่จีบผู้หญิง คุณจะทำอะไรก็ได้ ทำให้นึกถึง ตอนที่พี่เกม

พาผมมาพบพ่อท่านฯครั้งแรก พ่อท่านฯส่งเทียนให้ ผมมองพ่อท่านฯ พ่อท่านฯบอกว่าจุดแล้วเพ่งที่เปลวเทียน ห้ามกระพริบตา

หัดไปเลือยๆ(ตอนนั้นผมเองก็สงสัยว่า หัดทำอะไร)แล้วอยู่ๆพ่อท่านฯก็ส่งแก้วน้ำที่เราดื่มกินนี้แหละ"ไปหาน้ำค้างให้เต็มแก้วนี้"เอาแล้วสิ

หายังงัยนี้น้ำค้างเต็มแก้ว"ให้เวลา 3วัน"ทำพรือนี้ แล้วพ่อท่านฯก็ไล่ให้ไปหา มันเกือบเทียงแล้ว แล้วไปหาพรือ ทั้งเขาทั้งขาอ่อนไปหมด

แล้วนี้ถ้าหาให้พ่อท่านฯไม่ได้พ่อท่านฯจะทำพรือ พันพรือวันนี้ไม่มีทางแน่เพราะไม่มีน้ำค้างสักนิด เดินหาลูทางในวันต่อไปว่าจะทำพรือ

ป้าชีแดงเดินมาหาผม"น้องจะทำพรือ" "ไม่รู้กันครับ"ผมตอบป้าชี "ฉานคิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำพรือ"ป้าชีพูด คืนนั้นผมนอนไม่หลับคิดตลอด

ตื่นแต่เช้าออกมาจากที่นอนเพื่อหาน้ำค้าง ผมไม่ได้ยินเสียงน้ำค้างตกเลย กลัวผีก็กลัว กลับเข้าที่นอน พอฟ้าแจ้งก็เดินออกมา มือถือแก้วน้ำใบนั้น

หวังหาน้ำค้างให้เต็มแก้ว เห็นตามสังกะสีก็เอาไม่ได้ เดินไปในก่อหญัาขานี้เปืยกไปหมด ในใจคิดว่าคงมีหวังแล้วเรา ผมเอาแก้วน้ำค้างไปถวายพ่อท่านฯ

พ่อท่านฯรับแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย "ใช้ได้ ใช้ได้"

 

รูปนี้เป็นพระพ่อท่านฯรุ่นที่3พิมพ์ปรกโพธ์ พ่อท่านฯชอบมากมีตามีจมูกปากชัดขึ้น ไม่มีชื่อ มีประมาณ30องค์ พ่อท่านฯให้ผมกลับมาไม่กีองค์   เป็นภาพนั่งลอยองค์ ไม่มีลงรักษ์ปิดทอง ทำสมัยเป็นเด็กวัดศิริฯกทม

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่4ลงรักษ์ปิดทอง

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่4ไม่ลงรักษ์

หลังพ่อท่านฯทำพิธีแล้วส่งให้ผมทั้งหมด ผมก็เก็บตั้งแต่ปี11-12แต่นั้นมาและมาเปิดแจกตอนงานศพแม่ผมปี39 เสร็จงานศพแล้วยังมีคนมาขอแต่ผมไม่ได้ให้ เก็บต่อ

 

พิมพ์นี้เป็นรุ่นที่5 พระปิดตา มีใหญ่ กลาง เล็ก เนื้อเกสรกับผงทะลุกระดานเอาไปให้พ่อท่านฯสองกล่องฟิลม์ พ่อท่านฯเก็บไว้หนึ่งกล่อง

ให้ผมกลับมาหนึ่งกล่องรวมทั้งหมด100กว่าองค์ ส่วนที่ผมมีพระจากอ่างทองหรือชัยนาทจำไม่ได้ บอกว่ากำลังสร้างอุโบสถไม่มีไรแจก

จึงมาขอพระจากโยม ผมเก็บไว้ไม่กีองค์นอกนั้นผมให้ท่านไปหมด

ส่วนพิมพ์นี้ชื่อว่า"รุ่นบูชาครู"ทำรวมกับท่านขุนฯไม่ได้เข้าร่วมรุ่น

รุ่นที่6อกร่องหูใบสีมี1000กว่ารูป

รุ่นที่6พิมพ์สมาธิ(พิมพ์ใหญ่)มี1000กว่ารูป

รุ่นที่6พิมพ์ปรกโพธ์มี1000กว่ารูป

รุ่นที่6พิมพ์แหวกม่านมีไม่กีองค์ แต่มีทุกกล่อง

รุ่นที่6พิมพ์รัศมี มีไม่กีองค์

รวมทั้งหมดมี9999องค์

รุ่นที่6พระคะแนนร้อย มีไม่กีองค์

 

ตั้งแต่รุ่น6เนี้ยแม่พิมพ์ไม่เหมือนกับรุ่นก่อนๆ เพราะรุ่น6เนี้ยแม่พิมพ์ ใช้ที่เขาทำฟัน มีความชัดและคมมาก ตามที่ต้องการ

รุ่น6ยังมีพิมพ์พิเศษ ด้านหน้าเป็นรูปพ่อท่านฯด้านหลังเป็นยันต์อุนาโลม3ตัวและมีชื่อพ่อท่านฯ มี2พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง

รูปเหมือนกันต่างกันที่ขนาดส่วนพิมพเล็กจะต่างกันออกไป เป็นรูปกลมหรือเรียกว่า งบน้ำอ้อย วันนี้ผมให้ดูพิมพ์ใหญ่

ส่วนพิมพ์กลางเอาไว้วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ผมจะลงให้ชมกันเพราะตอนนี้ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ

หลังจากพ่อท่านฯทำพิธีเสร็จ คือพระรุ่นนี้ทำพิธีนานมาก เวลาพ่อท่านฯทำพิธีในกล่องพระจะได้ยินเสียงกุกกักทุกกล่อง

ผมได้ยินทุกครั้ง พิมพ์พิเศษทั้ง3พิมพ์ ผมขอจากพ่อท่านฯทั้งกล่อง(เพราะอยู่ในกล่องเดียว)พ่อท่านฯก็อนุญาตและมอบให้ผม 

 

เมื่อพ่อท่านฯว่างไม่รีบเข้าห้อง ผมก็จะเข้าไปนั่งคุยกับพ่อท่าน คืนวันหนึ่งพ่อท่านฯท่องคาถาให้ผมฟัง

ผมล้วงกระดาษและปากกาออกมาพ่อท่านฯเห็นถามว่า"ไร"ดาษปากกาครับพ่อท่านฯ "เอามาทำไร" เอามาจดที่พ่อท่านฯท่อง

"อ๋อไม่ได้" แล้วพ่อท่านฯก็ไม่ได้ท่องให้ฟังอีก พูดเรื่องอื่นต่อไป มีอยู่ช่วงหนึ่งผมถามพ่อท่านขึ้นว่า

พ่อท่านฯครับจะบอกว่าผมอยากรู้ก็ไม่ไช่ แต่เป็นการอยากรู้เพื่อคนอื่นในเวลาต่อไปเมื่อถ้ามีใครอยากรู้จะได้บอกถูก

ขอพ่อท่านฯอนุเคราะห์ให้กันครับ"ได้ อยากถามไร ถามมา" เป็นพระคุณครับพ่อท่านฯ พ่อท่านฯครับการที่เราจะทำไรให้ขลังประสิทธ์

มาจากไรครับ" มาจากการฝึก พยายามฝึกให้สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ฝึกให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เมื่อก้าวแรกแล้วเราต้องก้าวที่สอง

ที่สามต่อไปเรือยๆ ถ้าเราอ่อนแอเมื่อไร ความเสี่อมก็เกิดขึ้นได้" แสดงว่าเราต้องท่องหรือฝึกฝนตลอดหรือครับ"ใช่"

พันนี้จะทำให้เราบ้า หรือของขึ้นได้มั้ยครับ" มันจะบ้าได้พรือ แล้วว่าของขึ้น ขึ้นพันพรือ" ว่าของขึ้นอาจหมายถึง วันๆไม่ได้ทำไร เอาแต่ท่องวิชา

"พันนั้นเขาเรียกว่าขี้ค่าน"พ่อท่านฯครับ ที่ทางพระเรียกว่า

พระโสดาบัน,พระสทินาคา,พระอนาคามี,พระอรหันต์,พ่อท่านฯเพื่อความรู้ในอนาคตข้างหน้า

เพราะที่ผมมาหาพ่อท่านฯำม่มีครั้งใหนที่ไม่พบพ่อท่านฯแถมพ่อท่านฯยังรู้อีกว่าผมต้องการไร"ต้องการอยากรู้ใช่มั้ยว่าฉานถึงใหน"

สุดแล้วแต่พ่อท่านฯนะครับ พ่อท่านฯตอบผมก็ได้ไม่ตอบก็ได้ผมเกรงใจพ่อท่าน

"ไม่พรือ ทุกอย่างที่เห็นนี้มาจากการฝึกฝนบวกกับการฝึกจิตที่ทำมาตลอด ถ้าไม่เจอปัญหาเรื่องที่ถามก็อยู่ไม่ไกล ทุกอย่างต้องรอเวลา

ถ้าฉานพันพรือก็บอกใครๆเขากันว่าฉานอยู่ที่รูปปั้นนี้นะ จำไว้อย่าลืม

 

ตอนนี้ก็เป็นว่า ผมอยู่ที่วัดศิริฯกทม แต่ก็มาหาพ่อท่านฯบ่อยๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่กทมอยากให้ผมได้ฉลองในการบวช

อยากเลี้ยงฉลองให้โดยผมไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ ผมไปหาพ่อท่านฯและได้ปรึกษาพ่อท่านฯๆก็เห็นด้วย

และได้ขออนุญาตสร้างพระเท่าที่ผงยังเหลือได้เอาแบบพระพุทธไปให้พ่อท่านฯดู

พ่อท่านฯก็ให้ข้อคิดด้านหลังให้ทำตามที่พิมพ์ออกมา อีกไม่นานพอทำพระเสร็จเรียบร้อยผมก็พาไปให้พ่อท่านฯ 1กล่องฟิลม์

พ่อท่านฯเปิดกล่องและหยิบพระออกมาดู"สวย สวยมาก ดี ดี"แล้วหันมาทางผม"หลบวันใหน" ต่อเช้าครับพ่อท่านฯ

"ได้" พอฉันต์เพลเรียบร้อยพ่อท่านฯเรียกผม ผมก็ตามพ่อท่านฯพ่อท่านเปิดประตูไปหยิบกล่องพระมาส่งให้ผม

ผมไม่ได้เปิดดู "แล้วเมื่อไรมาเล่า"ยังไม่แน่ใจครับพ่อท่านฯ พ่อท่านฯมีไรมั้ยครับ"มั้ย"

 

ผมอยู่กทมจิตใจไม่สงบเลย มีหลายเรื่องที่เข้ามาให้ขบคิด บ้างก็ให้สึกไปทำงาน บ้างก็ไปเป็นทหาร

เมื่อก่อนที่ผมจะบวช ผมทำบัญชีวัดบวรนิเวศ เป็นอาจารย์ เป็นที่ปรึกษา งานมาเสนอรอให้ทำ ผมไปปรึกษาพ่อท่านฯ

พ่อท่านฯบอกว่าอยากเห็นผมเป็นชาวไร่ชาวนา และที่สุดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็มาถึงพอออกพรรษาผมลาสึกในเดือนพฤศจิกายน

ผมไปกราบพ่อท่านฯ พ่อท่านฯบอกว่า"เสียดาย"เพื่อนๆรวบรวมเงินให้ก่อนหนึ่งเอาไว้ใช้ ผมไปซื้อที่ดินทำสวนกาแฟ

ทั้งที่ไม่มีความรู้เลย มรสุมชีวิตไม่ได้อย่างที่คิด เจอปัญหาตลอด พอเข้าน่าแล้งไฟก็ติดสวน แตครั้งที่7ไฟติดสวนชนิดไม่มีอะไรเหลือเลย

ข้าวสารที่พึ่งซื้อมา1ถังก็ไปกับไฟ เสื้อผ้าเหลือชุดที่สวมใส่ ไฟติดขนำ ทุกสิ่งที่อยู่ในขนำไปกับไฟหมด รวมทั้งพระผงพิมพ์พิเศษพ่อท่านฯด้วย

กว่าไฟจะสงบใช้เวลาหลายชั่วโมง แล้วเย็นนี้เราจะกินข้าวที่ใหน เพลียก็เพลีย ขนำและสวนไฟกินเรียบ ยางพารา1000กว่าต้น

พูดได้ว่าไม่มีอะไรเหลือ คืนทั้งคืนคิดถึงว่าเราจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป กลับกทมหางานทำหรือจะเริ่มต้นทำสวนต่อ

แต่ไฟติดมาตั้ง7ครั้งแล้วหมดตัวทุกที เช้าวันรุ่นขึ้นเข้าไปเก็บพระผงพิมพ์พิเศษเรียบร้อยแล้ว

หันมาทบทวนไฟมันมาจากใหนเอาเราหมดตัว จะเริ่มต้นได้ก็อีกนาน

ไฟติดสวนประมาณปี23 พอปี24-25ผมก็พากล่องที่ใส่พระพิมพ์พิเศษไปหาพ่อท่านฯที่วัด พ่อท่านเห็นผมแล้วยิ้มให้เล็กน้อย

"ครบแล้ว ทีนี้ครบเลย มา เมื่อพามาแล้วเอามา" พ่อท่านฯครับผมกลับต่อเช้า"กลับ วันนี้เลย"แล้วพ่อท่านฯก็เดินเข้าห้องไป

พอเลยเที่ยงผมก็ไปนั่งรอเอาของ พ่อท่านฯเปิดประตูออกมา ส่งของให้ผม และมีอีกหนึ่งถุง"เอานี้ไปด้วย" ผมรู้ว่าอะไร

พอขึ้นปี2526ได้ไม่นาน ก็ได้ข่าวพ่อท่านฯเสีย เป็นธรรมดาเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ อยู่หลายวันผมมากราบพ่อท่านฯที่เขื่อน

ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสุดทัายของร่มโพธิ์ที่เคยให้ความปกป้องร่มเย็นแต่ก่อนเก่ามาตลอด วันพระราชเพลิงศพพ่อท่านฯ

ก็มาร่วมส่งพ่อท่านฯให้ถึงจุดหมายปลายทางตามที่ได้ตั้ง พระราชเพลิงฯทั้งโลงแก้ว จุดพลุหลายลูกด้วย

ผมเข้าไปดูเกือบถึงร่างของพ่อท่านฯ โดยพระต้อยอยู่ไม่ห่างผม บ่ายของวันรุ่นขึ้น ผมขึ้นรถไฟกลับบ้านกับอัฐิพ่อท่านฯ1ชิ้น

 

การสร้างพระสมเด็จพ่อท่านฯ(หรือรุ่น๖)ผมเป็นคนขออนุญาตพ่อท่านฯเอง ออกแบบเองและแกะพิมพ์เอง

(เหตุที่ได้รู้จักกับคุณประหยัด ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กวัดศิริฯคุณประหยัดได้ไปหาท่านพระครูปลัดเสริม(เดิมท่านเป็นคนสงขลา)

มีลูกศิษย์ลูกหามากให้ช่วยเรื่องสุขภาพร่างการหลังจากลองผิดลองถูกแล้วก็ไม่ดีขึ้น จึงให้มาหาผม

หลังจากนั้นก็นับถือพ่อท่านฯแต่ยังไม่เห็นตัวพ่อท่าน มาพบพ่อท่านฯหลังจากทำพระสมเด็จเสร็จแล้ว

ปลายปี๒๖ผมบวชอยู่ที่วัดเดงแดงออก ก็เดือนธันวาคม ผมก็พาคุณประหยัดฯคุณสุชินฯคุณธรรมนูญฯน้องชายผมอีก๑คน

ไปกราบพ่อท่านฯสุดแต่พ่อท่านฯจะรับอย่างไร มันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติตามแต่รุ่นพี่ๆที่ทำกันมา)

เรื่องผงนี้เป็นผงอะไรในสมัยนั้นผมไม่ได้บอกให้ใครรู้และมีอะไรบ้างมีผมกับพ่อท่านฯเท่านั้นที่รู้ ผมยังมีชีวิตอยู่ถามได้ตลอด

 

ผมออกจากวัดศิริฯด้วยหลายสาเหตุ แล้วก็มาเช่าห้องเดือนละ๒๕๐บาทตรอกตึกดินหน้ากทม

สถานที่เป็นที่แกะพิมพ์พระสมเด็จรุ่น๖ตอนที่แกะแม่พิมพ์ครั้งแรก ช่างแกะพระอาชีพเห็นเขาว่าน้องไปทำงานกับพี่ดีกว่าพอผมให้เหตุผล

นายช่างแกะพระคนนั้นเขาบอกว่างั่น น้องเอาหินเลยต้องการอะไรไปที่พี่ คนที่ไปๆมาๆเอาของคุณทวีศักดิ์ เลิศพิเชษ(ชื่อเล่น เย็น)

ตอนนี้อยู่ที่สงขลาบ้านอยู่ไม่ไกลจากหาดสมิหลา

เป็นเพื่อนรักที่อยู่กันมานานตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ลุยทุกทีเป็นร่างแปลพาไปหาพ่อท่านฯก่อนบวชอีกลูกๆให้ความเคารพ

เมื่อเป็นครอบครัวเดี่ยวกัน ตอนนี้เพื่อนไม่สบายอยากให้เพื่อนหายวันหายคืนก็ทำไม่ได้

เราสองคนทำให้คนรู้จักพ่อท่านฯหลายประเทศ ถึงอเมริกา(ข้อความที่ผมพิมพ์ลงผมรับผิดชอบทุกประการ)

 

ผมไม่ทราบว่าใครพูดเป็นคนแรกเรื่องผงทะลุกระดาน เพราะคณะลานโพธิ์ที่มาพบผมที่บ้านก็ได้ถามเรื่องผงทะลุกระดานกับผม

คงจะลองถามดูว่าทางผมจะตอบว่าพรือ และคณะจะถามเรื่องอะไรบ้างก็ไม่ได้ให้คำถามมา พอนั่งลงก็ถามก็ถามเลย"หลวงพ่อหมุนเข้าทรงด้วยใช่มั้ย"

ผมก็ตอบทันที"ครับ"แล้วเรื่องผงที่คุณโสภณเอาามาสร้างพระหลวงพ่อหมุนเป็นผงทะลุกระดานหรือเปล่า" ผมตอบว่า"ใช่ครับ"

เรื่องผงทะลุกระดานนั้น บางท่านอาจแปลกใจว่าตอนนั้นผมเองอายุก็ยังไม่ถึง๒๐ปี แต่เรื่องผงทะลุกระดานนี้ผมเคยเห็นลุงของผม

ตอนนั้นอายุประมาณ๑๕ปี ทำให้ดู ลุงบอกว่าพระอาจารย์ของลุงชื่อ พระอาจารย์แดง นะโม ลุงผมมีความสามารถทำน้ำเปล่าๆให้หวานหรือขมก็ได้

พิสูจน์ได้ แต่ตอนนี้ลุงผมก็เสียชีวิตแล้ว คนที่สองที่ทำผงทะลุกระดานก็คือพ่อท่านฯจนมาถึงตอนนี้ผมยังไม่เห็นท่านใดทำผงทะลุกระดานได้เลย

มีแต่พูดหรือเขียนถึงแต่ไม่ทำให้ดู พอถามถึงวิธีในการเริ่มต้นก็พูดไม่ถูก ลุงผมกับพ่อท่านฯที่ทำให้ผมดูเหมือนกัน

ทั้งวิธีเริ่มต้นจากผงต่างๆเอามารวมกันให้สำเร็จก่อนจึงเอามาเขียนเป็นผงทะลุกระดาน ส่วนใหญ่ใช้วิธีลบผง บางท่านยังไม่เข้าใจเรื่องผงทะลุกระดาน

ครั้งที่พ่อท่านฯมาพุทธาพิเสกที่วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน ลุงผมเองก็ได้ไปนั่งคุยกับพ่อท่านฯ(ลุงผมเล่าให้ผมฟัง)เรื่องที่วัดถ้ำเขาเงิน

พ่อท่านฯก็เล่าให้ผมฟังเหมือนกัน ว่ามีคนหนึ่งมานั่งคุยด้วย ลุงผมเป็นเพื่อนรักกับเสือวิลัย ก่อนมาเป็นเพื่อนรักกันลองของต่างๆนาๆจนไม่มีใครชนะ

ก็เลยเป็นเพื่อนรักตั้งแต่นั้นมา แต่ละปีมีพระมาปักกลดในสวนเพื่อขอเรียนวิชากับลุงผม ฉนั้นเรื่องผงทะลุกระดานตอนพ่อท่านฯส่งให้ผม

ผมถามพ่อท่านฯว่ากะไร พ่อท่านฯบอกว่าผงทะลุกระดานเอาไปทำพระและเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ผมไม่ได้บอกให้ใครรู้เลย

พึ่งมาบอกตอนคณะลานโพธิ์มาถาม(ปี๒๕๕๘)ผมเก็บเงียบแม้นแต่คนที่สนิทใกล้ชิดผมก็ไม่บอกเพราะพ่อท่านฯสั่งมา

ผมเห็นพ่อท่านฯทำให้ดู เห็นกับตาตัวเองมาแล้ว การทำผงทะลุกระดาน

ในความรู้สึกของผม ผมว่าไม่ธรรมดา ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆกับใครก็ได้(พูดได้แต่ทำไม่ได้ ต้องทำให้ดู จึงจะเชื่อได้)

ผมจึงกล้าพูดได้เลยว่า ชั่วอายุผม๖๐กว่าปี มีพระองค์เดียวที่ผมมั่นใจที่สุด พระทุกรุ่นที่ทำออกมามีประสบการณ์ทุกรุ่นทุกองค์

เพราะอะไร เพราะพ่อท่านฯทำด้วยใจ ไม่พูดถึงเงิน คุณเป็นใครมาจากใหนพ่อท่านฯไม่เลือกชั้นวรรณะ พูดทุกคน ให้ความเมตตาทุกคน

ส่วนตัวพ่อท่านฯเองไม่ขอร้องให้ใครช่วย พ่อท่านฯยังเป็นที่เคารพรักของผมตลอดไป

 

ตอนผมเป็นพระอยู่ที่วัดเขาแดงตะวันออก บ่ายแล้วผมนั่งคุยอยู่กับพ่อท่านฯวันนี้ไม่มีชาวบ้านมานั่งคุยด้วยเลย

ผมจึงมานั่งคุยแทน มีชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่พ่อท่านฯแล้วยกมือไหว้ พ่อท่านครับผมมาเช่าเหรียญ

พ่อท่านฯก็ยกแขน ชี้มือไปที่ตู้พระเครื่อง ชายคนนั้นรูปร่างผิวดำแดงผอมใบหน้ารูปไข่ปลอบนิดๆนุ่งกางเกงขาสั้นสีคล้ำๆ

เสื้อคอฮาวายสีขาวลุกขึ้นเดินไปตามมือที่พ่อท่านฯชี้ สักพักหนึ่งชายผู้นั้น พูดขึ้นว่า พ่อท่านฯครับมีให้เลือกอีกมั้ยครับ

พ่อท่านฯตอบว่าเท่านั้นแหละ ครับ ครับชายผู้นั้นตอบ คู่นึ่งชายผู้นั้นในมือมีเหรียญอยู่หลายเหรียญเดินมาหาพ่อท่านฯ

พ่อท่านฯครับช่วยจานให้ผมทีผมจะพาไปฝากลูกหลาน พ่อท่านฯตอบชายผู้นั้นต่อหน้าผม" ไม่มีจาน พรือต้องจาน

"ชายผู้นั้นพูดว่า"มันดูขลังดี"พูดพร้อมกับอมยิ้มนิดนึง พ่อท่านฯก็ตอบชายผู้นั้นทั้งน้ำเสียงและอาการปกติ

"ถ้าไม่มั้นใจก็ไม่ต้องเอาไป ของฉานทำดีแล้ว"ชายผู้นั้นยังขออีก"ถ้าพันนั้นพ่อท่าน มอบให้กัน

"พ่อท่านฯก็ตอบชายผู้นั้นอีกว่า"ไม่ต้องเลย ฉานไม่จาน ไม่มอบให้ใคร ในเมื่อของมันดีแล้วทำไม่ต้องทำให้มันเขอะ

"ชายผู้นั้นก็ไม่ว่าอะไร"ครับ ครับพ่อท่านฯ" ชายผู้นั้นเดินออกไปแล้วพ่อท่านฯหันมาพูดกับผมว่า

"จำไว้ ทำไรเราต้องทำใด้ดีที่สุด ไม่เทียวต้องมาทำซ่ำสอง ดูแล้วมันพรือโจ้ และจำไว้จะทำของหรือให้วิชากับใครดูให้มันดี อย่าให้ง่ายๆ

 

เริ่มต้นจากขออนุญาติพ่อท่านฯในปี๑๓ คิดสร้างแบบ(ออกแบบไม่เป็น เพราะไม่ได้จบจากเพาะช่าง)

มีบางเนตเอาผมไปลงว่าจบเพาะช่างไปรู้มาจากใหน พอเริ่มแกะแม่พิมพ์ ตอนแรกแกะพ่อท่านฯทรงตื่น

แต่พอเสร็จแล้วมานั่งดูหลายๆมุม ดูแล้วดูอีกก็ไม่สวย เวลาก็มีน้อย เพราะตอนนั้นผมทำงานหลายแห่ง

เช่าห้องแบ่งห้องที่ซอยตึกดินหน้าเทศบาลกทม ถนนดินสอ แต่พอมาแกะพิมพ์ลึก ดูสวยทุกมุม

แล้วมาแกะพิมพ์พระสมเด็จ๕พิมพ์ พิมพ์พิเศษอีก๒พิมพ์คือพิมพ์แหวกม่านและพิมพ์รัศมี

หลังจากพิจารณาแล้วจึงเทพิมพ์ทั้งหมดร่วม๒๐พิมพ์และยังมีพิมพ์พิเศษเป็นรูปพ่อท่านฯด้านหลังมียันต์อุนาโลม๓พิมพ์

มีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก(งบน้ำอ้อย) พอเทพิมพ์ก็มาตรวจแม่พิมพ์อีก ดูความเรียบร้อย เสร็จพามากาพ่อท่านฯ

เอาดินน้ำมันกดแม่พิมพ์ให้พ่อท่านฯดู พ่อท่านฯพอใจมาก น่าจะเริ่มทำปี๑๔ ครั้งแรกทำที่ผม(เช่าบ้านใหม่ที่สามแยกเตาปูน)

เป็นทุกข์เพราะเวลาทำมีวันเดียว วันหนึ่งทำได้ไม่กีองค์ ก็เลยไปทำที่บ้านคุณประหยัดฯเพราะคุณประหยัดฯว่าง

มาเสร็จเอาประมาณต้นปี๑๖ ผมไปทำแผ่นโรเนียวที่ทำงานตัดแล้วเอามาห่อใส่ถุงนับจำนวนเตรียมกำหนดไปหาพ่อท่านฯ

ตอนที่เอาไปให้พ่อท่านฯหลังจากพิธีพุทธาพิเษกเหรียญเสร็ญแล้ว

 

วันนี้ขอพูดถึง ความเป็นศิษย์พ่อท่านฯนั้นง่ายมั้ย ศิษย์บางคนไม่ได้ผ่านขั้นตอนอะไรก็มี ได้ของ๑ชิ้น

ก็กระโดดโลดเต้นในวงนักเลงได้แล้ว บางคนผ่านหลายขั้นตอน ทั้งรุ่นพี่หลายคนแล้วมาถึงพ่อท่านฯ แต่ถ้าพ่อท่านฯแค่รับรู้

แล้วก็ไม่มีพิธีรับ อาจได้รับน้ำมนต์ ตบหัว ลงนะหน้าทองที่หน้าผาก เท่านี้รุ่นพี่ที่พามาฝากก็รู้แล้ว

พ่อท่านฯแค่รับรู้แต่ไม่ยอมรับเป็นศิษย์ ถึงจะไปใหนด้วยกันกับพ่อท่านฯหลายปี นวดพ่อท่านฯ จัดทำธุระให้ ปลุกเสกของให้

ถึงเค้าจะพูดเป็นศิษย์เอก ศิษย์โท ศิษย์ขีปะนาวุธ ก็ไม่มีโอกาศขยับเป็นศิษย์ เพียรแต่พ่อท่านฯรักษาน้ำใจเอาไว้(จิตวิทยาพ่อท่านฯไม่ธรรมดา)

ศิษย์รุ่นพี่ที่เอามามอบหรือฝากพ่อท่านฯนั้น ถ้าพ่อท่านพอใจ พ่อท่านฯก็จะมีของผูกรับขัวญทันที พ่อท่านฯจะให้อะไร

พ่อท่านฯจะเฉยอยู่พักหนึ่ง ตาไม่หลับไม่พูดไม่จา(เหมือนกำลังดูวาระจิตศิษย์คนใหม่) พอพ่อท่านฯขยัยตัวก็หยิบของมอบรับขวัญ

ศิษย์รุ่นพี่ก็จะพลอยยินดีไปด้วย แล้วพ่อท่านฯก็จะบอกว่าให้ไปศึกษากับรุ่นพี่(รุ่นพี่ก็จะเป็นอาจารย์)

รุ่นพี่จะพาไปฝึกฝนตามแบบฉบับของตัวเอง(ก็เรียนมาจากพ่อท่านฯนั้นแหละ) ถ้ามีโอกาสไปหาพ่อท่านฯครั้งที่๒

พ่อท่านฯก็จะบอกให้จัดพิธีรับท่านเป็นพ่อท่านฯศิษย์บางคนไม่มีพิธีครั้งที่๒ แล้วพ่อท่านฯก็จะสอนให้รู้จักการจัดการ

การใช้ของและสิ่งที่ห้าม อะไรที่ควรและไม่ควร(ศิษย์บางคนมีลุงถั่งเป็นอาจารย์(เช่นผม)เสริมอีกด้วยซึ่งลุงถั่งนี้เป็นศิษย์พ่อท่านฯยุคแรกๆ

รักน้องๆทุกคน ถ้าศิษย์คนใหนบวชแล้วมาอยู่วัดเขาแดงตะวันออก ลุงถั่งจะสอนวิชาให้ด้วยความเต็มใจ

แต่ถ้าไม่บวชหรือมาอยู่วัดเขาแดงตะวันออก บอกว่ายากครับ ลุงถั่งไม่สอนให้

ทำพิธีครั้งที่๒และพ่อท่านฯสอนเคล็ดวิชาแล้วพ่อท่านฯอาจให้อยู่ต่อหรือให้กลับก็ได้

แต่พอครั่งที่๓ ศิษย์บางคนพ่อท่านฯอาจพูดว่า"ต่อไปห้ามมาเหยีบที่นี้อีก" ไม่มีใครโกรธพ่อท่านฯ ศิษย์เหล่านี้เป็นลักษณะกายหยาบ

ส่วนศิษย์กายทิพย์หรือกายละเอืยดนี้น สามารถอัญเชิญหรือทรงพ่อท่านฯได้ พ่อท่านฯจะเรียกศิษย์ที่อัญเชิญได้ว่า"ศิษย์"

มี๒คน พ่อท่านฯให้วิชาอัญเชิญ ปิดประตู เรียกเข้าทรง ให้เฉพาะเจาะจงศิษย์ๆไปศิษย์ที่อัญเชิญพ่อท่านฯได้

พ่อท่านถือว่า ศิษย์คนนั้นได้ทุกอย่างแล้ว ผมเคยถามพ่อท่านฯถึงคำนี้ พ่อท่านฯก็ยังตอบคำเดิมอีกว่า"

ได้ครบหมดแล้ว"ขออะไรพ่อท่านฯจะไม่ให้ แต่ศิษย์กายทิพย์นี้มีอภิสิทธิ์มากจะขอหรือให้พ่อท่านฯทำอะไรเพื่อส่วนรวม

พ่อท่านฯไม่ขัดข้องเลยยกเว้นเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่บรรดาศิษย์กายทิพย์กับกายหยาบนั้นไม่มีปัญหาอยู่และคบกันได้

พวกเราดีใจที่มีคนนับถือพ่อท่านฯ พ่อท่านมีศิษย์ทั่วไป ไม่เฉพาะที่พัทลุง

นี้คือสมัยที่พ่อท่านฯยังมีชีวิตอยู่ท่านอ่านแล้วอาจเข้าใจข้อความนี้มากขึ้น โดยไม่เจาะจง

 

มีหลายท่านที่ส่งข้อความมาทางผมขอเช่าพระพ่อท่านฯ-และขอเบอร์โทร ผมขอเรียนให้ท่านทราบว่า

ผมไม่มีให้เช่านะครับ อย่าน้อยใจนะครับเรื่องจริงครับ ยุคผมมีคนละองค์เท่านั้น แล้วก็มีพ่อท่านฯอยู่ในหัวใจทุกคนครับ

 

...................................................บทความอยู่ในระหว่างการปรับปรุง............................

 

 

 

สำหรับรูปประกอบบทความในเรื่องพระพิมพ์ทั้ง7รุ่นนั้น ผมยังไม่สามารถนำมาลงได้ด้วยปัญหาทางด้านกราฟฟิค

ข้อเขียนทั้งหมดนี้ ผมได้ขออนุญาติทำการเผยแพร่จากคุณอาโสภน วงศ์เอื้อภักดีกุล เรีบร้อยแล้วครับ ขอกราบขอบพระคุณฯ

เรื่องของ พ่อท่านหมุน ยสโร วัดเขาแดงออก จ.พัทลุง
Top