พระครูสถิตศุภวัตร หรือครูบากองจันทร์ ดวงประทีปธรรมแห่งเมืองลับแลแม่แจ่ม
ครูบากองจันทร์ ท่านคือใคร?
หลวงปู่ครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร หรือ ท่านพระครูสถิตศุภวัตร ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธเอ้น / อดีต หรือ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เฃียงใหม่ (ในที่นี่ขอเรียกท่านพระครูสถิตศุภวัตร ว่า ครูบากองจันทร์) ปัจจุบันนับได้ว่า หลวงปู่ครูบากองจันทร์ เป็นพระเกจิ ที่มีอายุพรรษาสูงสุด ของอำเภอแม่แจ่ม ในขณะนี้กว่า ๖๘ พรรษา ในสมณเพศ สิริอายุได้ ๘๘ ปี ในปี ๒๕๕๗ นี้
และครูบากองจันทร์ ท่านได้เป็นทั้งศิษย์เอก และรับการอุปัชฌาย์จากหลวงปู่ครูบาอินไชย อินฺทวิชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดบนนา อ.แม่แจ่ม ต.ช่างเคิ่ง ซึ่งหลวงปู่ครูบาอินไชยนี้ ได้รับสมยานามว่าเป็นพระเกจิจอมขมังเวทย์ อีกรูปหนึ่งแห่งภาคเหนือในอดีต พระเกจิผู้เรืองเวทย์วิทยาคมแห่งอำเภอแม่แจ่มก่ว่าได้ (ฃึ่งชาวบ้านระแวกใกล้เคียงนี้ทราบกันดี)
และหลวงปู่ครูบาอินไชยยังเป็นสหายธรรม ของท่านพระครูปัญญาวรวัตร หรือ ครูบาผาผ่า ต๋นบุญแห่งแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พระครูบาผาผ่า ( พระครูปัญญาวรวัตร ) ตนบุญแห่งอำเภอแม่สะเรียง ผู้มีสมาธิจิตแก่กล้าแต่เยาว์วัย สามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่นและเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ผู้ถือมังสะวิรัติเคร่งครัดในพระกัมมัฎฐาน เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม เป็นพระภิกษุรูปเดียวที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย ยกย่องประกาศเกียรติคุณว่า มีบุญญาธิการบารมีแก่กล้า แต่ไม่ชอบแสดงตนและยอมรับว่าเป็น “ ตุ๊น้อง ” วัตถุมงคลของท่านครูบา เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทภัยอันตรายต่างๆ
ซึ่งแน่นอนว่า พระอาจารย์ของครูบากองจันทร์ คือ หลวงปู่ครูบาอินไชย นี้ท่านได้ถ่ายทอดศิลปวิทยา คาถาอาคมให้เก่งกล้าให้กับหลวงปู่ครูบากองจันทร์ ซึ่งปัจจุบันหลวงปู่ครูบากองจันทร์ ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธเอ้น เป็นที่นับถือและศรัทธาของชาวอำเภอแม่แจ่ม และอำเภอใกล้เคียง
(ตามประวัติเคยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เคยเสด็จมาแบบลับๆ มากราบท่านพระครูสถิตศุภวัตร หรือ หลวงปู่ครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร - (จะหาภาพหลักฐานมายืนยันในโอกาสต่อไป)
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร ครั้งยังทรงผนวช และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
ซึ่งตามชีวะประวัติของหลวงปู่ครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร หรือ ท่านพระครูสถิตศุภวัตร ชื่อ ด.ช.กองจันทร์ สนธิคุณ เป็นบุตร ของ พ่ออุ้ยปัน แม่อุ้ยอูป นามสกุล สนธิคุณ มีพี่น้อง ทั้งหมด ๕ คน มี ๓ คนแรก เป็นผู้หญิง ได้ เสียชีวิต เมื่อตอนยังเด็ก (จำชื่อไม่ได้) คนที่ ๔ คือ หลวงปู่ฯ.. คนที่ ๕ แม่สมศรี สายมาธิ ปัจจุบัน ยังมีชีวิตอยู่.. ท่านได้เริ่ม บรรพชา เป็นสามเณร เมื่อ อายุได้ ๑๕ ปี และอุปสมบท เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี โดยมี พระอธิการอินไชย อิฺนฺทวิชโย วัดบนนา เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้จำพรรษาอยู่ที่วัดพุทธเอ้นจนถึงปัจจุบัน
ประวัติวัดพุทธเอ้น ตำบลช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
วัดนี้มีชื่อเดิมว่า “วัดศรีสุทธาวาสเอิ้นมงกุฎ” สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ก็คืออุโบสถที่สร้างขึ้นกลางสระน้ำ หรือที่เรียกว่าอุทกสีมา สร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ อุทกสีมานั้นก็คืออุโบสถที่ใช้น้ำเป็นสิ่งแสดงอาณาเขตในการทำสังฆกรรม ตัวอุโบสถเป็นไม้ทั้งหลัง หลังคามุงด้วยแป้นเกล็ดไม้ มีขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างขึ้นในสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง ภายในโบสถ์ห้ามผู้หญิงเข้าเหมือนกับหลายๆ วัดในล้านนา
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพุทธเอ้น
ส่วนจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้ นั่นก็คือ ภายในวัดจะมี “บ่อน้ำพุทธเอ้น” ซึ่งมีน้ำใสไหลเย็นไหลออกมาจากพื้นดินตลอดเวลา ตามตำนานของวัดแห่งนี้เล่ากันมาว่า เมื่อสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดเวไนยสัตว์ผ่านมาบริเวณนี้ และได้หยุดพักผ่อนที่ดอนสกานต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดในปัจจุบัน และได้ทรงตรัสเรียกหาพระอานนท์ พระพุทธอุปัฏฐากให้หาน้ำมาเสวย เสร็จแล้วทรงบ้วนพระโอษฐ์ลง ณ บริเวณที่เป็นบ่อน้ำในปัจจุบัน ซึ่งบ่อน้ำนี้มีลักษณะเป็นน้ำผุดออกจากใต้พื้นดิน และไหลออกมาไม่ขาดสายไม่ว่าบ้านเมืองจะแล้งเพียงใด และต่อมาได้มีภิกษุสองรูปคือพระติวิทวังโส และพระชมภูวิทโยได้ธุดงค์ผ่านมาจึงได้ร่วมมือกับชาวบ้านละแวกนั้นสร้างวัดขึ้นตรงบริเวณที่น้ำผุดขึ้นนี้ “บ่อน้ำพุทธเอ้น” นี้ชาวแม่แจ่มถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านต่างพากันนำน้ำจากบ่อแห่งนี้ไปใช้เป็นน้ำดื่มน้ำกิน โดยในแต่ละวันชาวบ้านก็จะนำภาชนะใส่น้ำมารองน้ำในบ่อแห่งนี้กลับไปใช้ดื่มที่บ้าน จนทางวัดต้องติดป้ายข้อกำหนดในการรองน้ำใช้ไว้ว่าให้รองน้ำตามลำดับก่อน-หลัง และควรนำภาชนะที่มีขนาด 5 ลิตรขึ้นไปมาใช้รองน้ำ ไม่ควรใช้ขวดน้ำขนาดเล็กมารองเพื่อความรวดเร็ว รวมไปถึงห้ามทิ้งขยะ อาบน้ำ และซักผ้าบริเวณนี้โดยเด็ดขาด อีกทั้งน้ำจากบ่อบริเวณนี้ก็ได้ต่อท่อลงไปที่สระซึ่งเป็นที่ตั้งของอุโบสถ ก็ทำให้น้ำเต็มสระอยู่ตลอดปีอีกด้วย
ความน่าสนใจของวัดนี้ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น แต่บริเวณด้านหลังอุโบสถก็ยังมีวิหารไม้สักเก่าแก่ ซึ่งภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ว่ากันว่างดงาม แต่น่าเสียดายว่าภาพเหล่านั้นเลือนลางไปมากแล้ว ภายในวิหารยังมีพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ให้กราบไหว้กัน ส่วนด้านหลังวิหารก็เป็นที่ประดิษฐานเจดีย์องค์ใหญ่ นอกจากนั้น คนที่มาที่วัดก็ยังสามารถมากราบพระเจ้าทันใจซึ่งทำจากไม้จัน พระเจ้าทันใจจะพบเห็นได้ตามวัดล้านนา เป็นพระพุทธรูปที่ต้องสร้างให้เสร็จภายในหนึ่งวัน เชื่อกันว่าใครที่ไปกราบขอพร ก็จะได้สมประสงค์สัมฤทธิ์ผลได้เร็วทันใจด้วยเช่นเดียวกัน
พระกริ่งกองจันทร์ รุ่น๑ -เหรียญกองจันทร์รุ่นแรก
วัตถุประสงค์
การจัดสร้าง วัตถุมงคล ครั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมประกาศเกียรติคุณ ชื่อเสียงของวัดพุทธเอ้น และคุณงามความดี ของท่านพระครู...ให้เป็นที่รู้จัก กว้างไกล ออกไป สู่สาธารณะชน และเพื่อร่วมสมทบทุนถวายปัจจัย ในการร่มสร้าง ศาสนสถานของวัดพุทธเอ้น และให้ผู้ที่ศรัทธานับถือท่านพระครู..มีวัตถุมงคล ท่านเป็นที่ระลึก..อีกทั้งยังเป็นการส่งเสิมด้านการท่องเที่ยว ในอำเภอแม่แจ่มให้เป็นที่รู้จักอีกทางหนึ่งด้วย
จำนวนการสร้าง
1. พระกริ่งกองจันทร์ เนื้อเงิน สร้าง 20 องค์ (ถวายเลข ๒๐ ให้ครูบากองจันทร์) 2. พระกริ่งเนื้อสัมฤทธิ์ สร้าง 488 องค์ (เลขท้ายปีเกิดของครูบา ปี2488)-100 องค์แรก นำไปเข้าชุดกรรมการ(ข้อ4) 3. เหรียญกองจันทร์ รุ่นแรก สร้างเพียง 2600 องค์ 4. ชุดกรรมการ สร้างเพียง 100 ชุด
หมายเหตุ / ชุด เหรียญ -พระกริ่ง ต๊อกโค๊ต - เลข เท่าจำนวนการสร้างจริง
พระกริ่งกองจันทร์เนื้อเงิน และพระกริ่งกองจันทร์เนื้อสัมฤทธิ์
พระกริ่งกองจันทร์ และมวลสารปรอทดิบ แร่เหล็กไหล ก่อนการบรรจุฐานพระกริ่งกองจันทร์ แล้วนำไปแช่ในบาตรที่มีน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์จากน้ำบ่อทิพย์ ของวัดพุทธเอ้น โดยใช่ระยะเวลาในการแช่น้ำมนต์ประมาณ 12 เดือน ซึ่งก่อนแช่น้ำมนต์ มีพุทธลักษณะดังนี้
และได้นำไปให้พระเกจิ ที่มีมนต์วิชาของภาพเหนือปลุกเสก ในระยะที่อยู่ในบาตรน้ำมนต์มากมาย ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เกือบทุกงานที่มีงานบุญ ปลุกเสกทั้งอธิษฐานพุทธาภิเษก หรืออธิษฐานจิตปลุกเสกเดียว ขอยกตัวอย่าง ตามภาพและข้อมูลดังต่อไปนี้
ปลุกเสกเมื่อวันที่ 15 ค่ำ เดือนยี่เป็ง วันลอยกระทง ตรงกับวันอาทิตย์ 17 พฤศจิกายน 2556
ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน ปลุกเสกในคืนเดือนยี่เป็ง อาทิตย์ ในวาระนี้ได้แช่น้ำมนต์คือนำ้มนต์จันทร์เพ็ญ แช่ในบาตรน้ำมนต์ โดยพระกริ่งกองจันทร์ รุ่นมหาบารมี มงคลมหาลาภ เริ่มมีความงดงามเห็นปรอทได้ชัดเจนมากที่สุดคือ พระกริ่งเนื่อเงิน (สร้างตามจำนวนสั่งจอง) และเหรียญกองจันทร์รุ่นแรก ครูบากองจันทร์ (ในภาพปลุกเสกพร้อมกับเหรียญนเรศวร หลังครูบาออ เมืองนะ) ในคืนจันทร์เพ็ญเต็มดวงอันเป็นมงคล
วาระเข้าร่วมปลุกเสกเนื่องในงานพิธี มหาพุทธาภิเษกสมโภช อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย
เข้าร่วมปลุกเสกเนื่องในงานพิธี มหาพุทธาภิเษกสมโภช อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย และ พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลครูบาเจ้าศรีวิชัย พร้อม พระกริ่งกองจันทร์ - เหรียญรุ่นแรกครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร หรือ พระครูสถิตศุภวัตร เจ้าอาวาสวัดพุทธเอ้น ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม โดย.. ในงานนี้ หลวงปู่ฯได้มาร่วมงาน และมีพระเกจิฯ คณาจารย์ ที่มาร่วมงานหลายรูป ณ ลานอนุสาวรีย์ รูปปั้นเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย หน้าพระอุโบสถริมน้ำปิง วัดสบสอย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ในงานพิธีมหาพุทธาภิเษก ตั้งแต่ คืนวันเสาร์ ที่ ๑๕ - วันอาทิตย์ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ รายนามพระเถราจารย์ - พระคณาจารย์ ที่เดินทางมาร่วมในงานในพิธี พระธรรมมังคลาจารย์ ( หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็น ประธาน ในพิธี..พระครูถาวรมงคลวัตร (หลวงปู่ครูบาอินถา ฐิตธมฺโม) วัดยั้งเมิน อ.สะเมิง และ พระครูโสภณสารคุณ ( หลวงปู่ครูบาบุญมา ตโมนุโท) วัดศิริชัยนิมิตร อ.แม่วาง ได้เดินทางมาร่วมงาน ณ วัดสบสอย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ด้วย
ฤกษ์อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว เมื่อ วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2557 เวลา 14:00-14:45 น. ลัคนาสถิตย์ราศีพิจิก ประกอบด้วยราชาฤกษ์ ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 9 ปี มะเมีย พระครูปภากรพิสุทธิ์ ( หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น ปภากโร ) วัดป่าแดด อ.แม่วาง
ฤกษ์อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2557
เวลา 13:24-14:24 น. ลัคนาสถิตย์ราศีพิจิก ประกอบด้วยราชาฤกษ์ ตรงกับขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปี มะเมีย
โดย ท่านพระครูสุภัทรรัตนโชติ ( หลวงปู่ครูบาอิ่นแก้ว อติภทฺโท ) วัดศรีโขง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ฤกษ์อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2557 ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเมีย
ฤกษ์วันนี้ : ดีเยี่ยม ฤกษ์ล่าง เป็นวันมหาสิทธิโชค (ความสำเร็จสมปรารถนาอย่างยิ่งใหญ่) ลอย (ทำอะไรก็จะสะดวกรวดเร็ว ไม่มีอะไรติดขัด) และทางกาลโยคก็เป็นวันธงชัย (วันแห่งชัยชนะ) ดังนั้น วันนี้จึงสามารถประกอบการมงคลต่างๆ ได้
หลวงปุ่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ ( ดอยธาตุเมืองนะ ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ชมวีดีโอการปลุกเสกคาถา ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ
วาระท้ายสุดนี้ พิธีอธิษฐานปลุกเสกเดี่ยว โดย ครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร หรือ พระครูสถิตศุภวัตร เจ้าอาวาสวัดพุทธเอ้น ณ บริเวณพิธี อุโบสถกลางน้ำวัดพุทธเอ้น อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
ชมวีดีโอ การอธิษฐานจิตปลุกเสกคาถา หลวงปู่ครูบากองจันทร์ ฐานงฺกโร
รายละเอียดพระกริ่งกองจันทร์ รุ่นแรก
พระกริงกองจันทร์ วัดพุทธเอ้น แม่แจ่ม เชียงใหม่ รุ่นแรก พระกริ่งอุดปรอทธาตุอาถรรพ์แช่น้ำมนต์ 12 เดือน บรรจุมวลสารด้วยผงเหล็กไหล แร่เหล็กน้ำพี้ และแร่ธาตุกายสิทธิ์ ว่านมงคล 108 ชนิด และอาบแสงจันทร์ 3 วาระ เช่น วันจันทร์ดับ วันจันทร์เพ็ญ วัดจันทรุปราคา จนกำเนิดเป็นเพระเครื่องอัศจรรย์แห่งปี รุ่นมหาบารมี มงคลมหาลาภ เพื่อสมทบทุน ทำนุบำรุงศาสนสถาน วัดพุทธเอ้น อ.แม่แจ่ม
พระกริ่งกองจันทร์ บรรจุอุดมวลสารดังต่อไปนี้
1. ปรอทธาตุกายสิทธิ์ ตั้งแต่โบราณกาลความมหัศจรรย์ของปรอท ว่าปรอทเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง ที่มีจิตดูแลอยู่ มีฤทธิ์ในตัวเอง อยู่ในรูปของเหลว ที่สามารถเคลื่อนตัวกลิ้งไปมาได้ มีอิทธิพลานุภาพ ดั่งเช่น กายสิทธิ์ คือ การคุ้มครองป้องกัน การเตือนภัย การป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสย มนต์ดำ และที่สำคัญ ปรอท สามารถรักษาโรคได้ ผู้ที่พกปรอทติดตัวจะได้รับการคุ้มครอง ให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยอันตรายทั้งหลาย แต่ด้วยปรอท เป็นธาตุอ่อน อยู่ในรูปของเหลว ความมหัศจรรย์ของปรอท อีกอย่างคือ ปรอทจะไม่รวมตัวกับธาตุใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นธาตุที่บริสุทธิ์ แต่ลักษณะของปรอท จะดูดสารพิษเข้าตัว จะอยู่ในบริเวณที่มีสารพิษอยู่เสมอ ผู้มีภูมิรู้ในเรื่อง ปรอท เห็นในลักษณะเช่นนี้ จึงได้หาวิธีไล่โทษหรือฆ่าพิษปรอท ก็จะนำปรอทมาใช้ในการรักษาโรคได้ ในตำราการแพทย์แผนโบราณ ได้นำปรอทมาเป็นยาถ่าย ยาขับน้ำดี ยาบำรุงกำลัง ยาแก้ปวด ยาขับปัสสาวะ ยาฆ่าเชื้อ แก้หนอง แก้แผล แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ไข้ แก้หวัด รักษาโรคผิวหนังทุกชนิด โรคเรื้อน แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ถูกของมีคมเป็นแผล ดับพิษไฟ อัมพฤกต์ อัมพาต ปรอทสามารถรักษาได้หลายโรค
2.เหล็กไหลเจ้าป่า จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยทั่วไปจะพบเหล็กไหลเจ้าป่าในป่าลึกตามถ้ำที่มี ธารน้ำลอดตลอดสาย และเป็นถ้ำที่มีความเย็นมาก ๆ เหล็กไหล เจ้าป่าจะฝังตัวอยู่ในหินตามถ้ำ มีลักษณะเป็นดอกบัวตูมที่มีรูปพรรณ สัณฐานทั่วไปเป็นสีดำสนิทเหมือนกับนิลหรือยางตังเมที่ข้นจัด มีอิทธิพลานุภาพ อิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลเจ้าป่า คือ สามารถกินดินปืน กินฟอสฟอรัส ระงับพิษร้อนจากไฟและน้ำกรด ทั้งปวงได้ ทำให้ใม้ขีดจุดไฟไม่ติดทั้ง ๆ ที่หัวไม้ขีดยังแห้ง ๆ ไม่ได้ชื้นแต่อย่างใด อีกทั้งตัวของเหล็กไหลเจ้าป่าเองยังสามารถล่องหนหายตัว จากไปได้ จึงนับได้ว่าเหล็กไหลเจ้าป่าเป็นอีกหนึ่งของศักดื้สิทธิ์ตาม ธรรมชาติ 3.เหล็กไหลน้ำ หรือเหล็กไหลตาน้ำ ถ้ำสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เหล็กไหลน้ำชนิดนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บปวดของร่างกายได้ เช่น ปวดหัว ปวดตามจุดต่างๆของร่างกาย ให้นำเหล็กไหลน้ำนี้ไปวางไว้ตรงจุดที่ปวด และให้นำน้ำมะพร้าวเทราดไปตรงเหล็กไหลน้ำที่วางตรงจุดที่เจ็บปวดของร่างกายจุดนั้น ปรากฎว่าจะหายจากอาการเจ็บปวด ประสบการณ์ทดสอบจึงนำไปให้ผู้ใหญ่บ้านแม่หอพระที่เจ็บปวดตามข้อตามกระดูกทดสอบดู โดยเอาเหล็กไหลน้ำวางจุดที่ปวดของร่างกาย และนำน้ำมะพร้าวราดลงไป ปรากฎว่า อาการปวดตามข้อกระดูกของคนเจ็บท่านนั้นหาย ตรงนี้ทางเราก็แนะนำว่าสิ่งนี้เป็นความเชื่อที่ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ศาสตร์ลี้ลับมีอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถค้นพบได้ในปัจจุบัน สรุป มีอิทธิพลานุภาพ แก้คุณไสย์ แก้ปวดตามร่างกาย แก้อาถรรพ์สิ่งที่มองไม่เห็น สลายพลังอาถรรพ์ที่ไม่ดีแฝงในร่างกายคนออกไปได้ และยังให้โชคลาภ แก่ผู้บูชาอยู่เสมอด้วย 4.เหล็กไหลแร่ทองคำดำพบได้ในเขตประเทศลาว อาศัยอยู่ใต้ดินลึก เจอได้ยาก มีคุณสมบัติเด่นคือแม่เหล็กดูดติด เมื่ออัญเชิญขึ้นมาจากใต้ดินใหม่ๆ จะมีวรรณะเหมือนทองคำ แต่พอโดนลมได้สัก 5 นาทีวรรณะจะเปลี่ยนกลายเป็นดำ มีอิทธิพลานุภาพเป็นเหนียว คงกระพันชาตรี มหาลาภ มหาราช กล่าวกันว่าเมื่อผู้ครอบครอบมีภัยถึงตัวเหล็กไหลสามารถสร้างมายาภาพอำพรางให้ผู้ประสงค์ร้ายเห็นเป็นอื่นได้ 5. เหล็กไหล 7 สี (ก้อนสีดำมี7สี) มีอิทธิพลานุภาพ ป้องกันผีทุกชนิด ป้องกันคุณไสย์ ลมเพลมพัด มนต์ดำต่างๆ ป้องกันทั้งสิ่งที่มองเห็น และมองไม่เห็นได้ชงัด ทั้งยังให้โชค ลาภ แก่ผู้บูชาอยู่เสมอ นักปฎิบัติธรรมมักนำธาตุกายสิทธิ์เอาไว้ฝึกสมาธิสร้างญาณบารมี
6. เหล็กน้ำพี้ (ก้อนสีน้ำตาล แม่เหล็กดูดติด) เหล็กน้ำพี้ จากตำราพิชัยสงคราม มีอิทธิพลานุภาพ กล่าวไว้ดังนี้ เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง , เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู , ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด , เหล็กน้ำพี้ป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้ , เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้
7. สะเก็ดดาว หินเสริมมงคลที่ช่วยในการปกป้องคุ้มครอง ป้องกันคุณไสย ปรับความสมดุลทางด้านจิตใจเท็กไทต์ คือ สะเก็ดดาว หรือแร่ของดาวที่ตกลงมาถึงพื้นดิน หินชนิดนี้ตามตำนานก็ถูกกล่าวขานว่ามีคุณสมบัติเช่นเดียวกับนิลหรืออ็อบซีเดียน เพราะเป็นหินสีดำเช่นเดียวกัน คนส่วนใหญ่จะเชื่อถือในแนวทางของการเป็นเครื่องราง ของขลังที่พกติดตัว มีอิทธิพลานุภาพ ในเรื่องของการปกป้องคุ้มครองเราจากอำนาจในด้านมืดหรือ คุณไสยต่าง ๆ บางคนเชื่อว่าหินชนิดนี้จะเป็นตัวประสานเชื่อมต่อความสัมพันธ์ ระหว่างสวรรค์และผืนดิน ทำให้เราเข้าใจโลกและวิถีธรรมชาติได้มากขึ้นอีกด้วย
8. พระเจ้า 5 พระองค์ (ก้อนสีดำมีรูปพระ5องค์) เป็นเมล็ดแห้งตัน มีร่องขรุขระ ผิวเปลือกนูน ลักษณะคล้ายองค์พระพุทธรูปหรือพระเครื่อง ห้าร่อง หันพระเศียรชนกันที่ตรงศูนย์กลาง จึงเรียกว่า "พระเจ้าห้าองค์" บางคนก็นำเมล็ด พระเจ้าห้าพระองค์ ไปเข้า พิธีปลุกเสกเพิ่มอิทธิฤทธิ์ในทางอยู่ยงคงกระพัน ผลพระเจ้าห้าพระองค์เกิดจากผลบุญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในกัปป์นี้ ดังนี้จึงเป็นผลไม้ที่มีดีทางธรรมชาติ ปกติจะมีเทวดาคุ้มครองเสมอ การนำมาปลูกในบ้านเรือน ต้องนิมนต์พระมาชยันโตด้วย ตาดีๆลองหาลูกที่มี 6 หรือ 4 ตา หายากดี คนสมัยก่อนเวลาออกศึกสงคราม นักรบไทยมักจะพกติดตัวเสมอ มีความเชื่อว่าพระเจ้า 5 พระองค์เมื่อบูชาติดตัวแล้วจะทำให้ฟันแทงไม่เข้า ถือเป็นของขลังที่มีอิทธิพลานุภาพ โดเด่นทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีโชคลาภและโภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายต่าง ๆ ทำให้แคล้วคลาดจากอันตราย 9. ไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ (ท่อนไม้สีดำ) ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ ตามความเชื่อของเรื่องลึกลับ ไสยศาสตร์ คนเล่นของเล่ากันว่าต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้วิเศษมีเทพธิดารักษา ต้นไม้งิ้วดำไม้พญางิ้วดำนี้จะเกิดยืนต้นอยู่ในป่าลึกโดยเฉพาะป่าที่มีอาถรรพ์เร้นลับยากที่มนุษย์จะเข้าไปถึงได้ง่ายๆ เนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมากโบราณจารย์เล่าว่าหลายร้อยปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง จัดเป็นของทนสิทธิ์มหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ที่ปกปักรักษาดูแลจะพลีต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์เพื่อพระศาสนายิ่งหากกลายสภาพเป็นหิน (คด) เมื่อใดก็ยิ่งมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ อานุภาพดีเด่นทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชค ลาภ เมตตามหานิยมป้องกันคุณไสยมนต์ดำได้สารพัด เหมาะสำหรับทำมีดหมอ ดาบ ไว้สำหรับล้างอาถรรพ์ มนต์ดำต่างๆดีนัก หรือเอาไว้ปราบผี วิญญาณร้ายเข้าสิงสู่คนได้ชงักนักแล 10. ข้าวตอกพระร่วง (ก้อนสีเหลี่ยมสีน้ำตาล) จากจังหวัดสุโขทัย จากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา บนหิ้งหรือพกติดตัวจะอยู่ดีกินดีมีความสุขความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเงินทองและโชคดี มีโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยและยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาว ใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย
11. เหล็กไหลเพลิง มาจากถ้ำภูเขาควาย จากประเทศลาว เป็นเหล็กไหลที่มีอานุภาพใกล้เคียงกับ เหล็กไหลโกฏิปี เช่นกัน แต่มีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีแดงเพลิง เนื่องจาก เหล็กไหลเพลิงถือว่าเป็นเหล็กไหลที่มีเตโชธาตุในตัวมากที่สุด ในบรรดาเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ โดยทั่วไป และหาก เป็นเหล็กไหลเพลิง ชั้นสุดยอดจะมีสีแดงคล้ายสีเลือด เนื้อใสคล้ายเนื้อแก้ว ส่วนเหล็กไหล เพลิงชั้นรองๆ ลงไปเนื้อจะมีสีแดงแบบอิฐมอญ ส่วนผิวจะคล้ายโลหะ เหล็กไหลเพลิงมีอิทธิพลานุภาพแปลกไปกว่าเหล็กไหลเจ้าป่า คือเหล็กไหลเพลิงมีความสามารถในการสร้างมายาภาพเพื่อป้องกัน ตัวเอง ตามตำราได้กล่าวไว้ว่าเหล็กไหลเพลิงจะแสดงมายาให้แก่ผู้ ที่พกพาในยามเมื่อถูกศัตรูทำร้าย เช่นว่าทำให้ศัตรูเห็นว่ามีเลือดออก หรือมีเลือดสาดตามร่างกายอย่างน่ากลัว จนศัตรูเข้าใจว่าตายไปแล้ว เพื่อที่ศัตรูจะได้ไม่หวนกลับมาทำร้ายอีก 12. แก้วโป่งข่าม (ก้อนสีขาวใสเหมือนแก้ว) ความเชื้อนั้นมีมาแต่โบราณ แก้วโป่งข่ามนั้น ใช้ป้องกันภัย แก้ของร้อน แก้คุณไสย์ แก้พิษ ป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็นได้ทุกชนิด แก้สถานที่อาถรรพ์จากดำกลายเป็นขาว แก้วโป่งข่ามมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าแช่ในน้ำจะใส่ขึ้นทันที และภูเขาลูกใดมีแก้วโป่งข่าม วันพระ วันเข้าพรรษา จะเห็นแก้วโป่งข่ามมีสีขาวออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ คนไปขุดแก้วโป่งข่ามมากมายเวลาจะไปขุดจะไปแอบซุ่มดูตอนกลางคืน ถ้าแก้วโป่งข่ามลอยขึ้นมา มีแสงสว่างลองขึ้น ตกลงจุดใด ตอนเช้าก็จะเข้าไปขุดกัน 13.เหล็กไหลเงินยวง หรือ เหล็กไหลชีปะขาว ( เหล็กไหลน้ำหนึ่ง) เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีสูงสุด จะเรียกว่าดีที่สุดก็ว่าได้ เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ป้องกันได้คลอบจักวารมักอยู่ตามที่ๆมีอากาศเย็นมาก พบมากในแถบเนปาล ธิเบต และแถบที่มีหิมะปกคลุมตลอดเหล็กไหลชนิดนี้ มีสีเงินขาวเป็นยวงคล้ายกับปรอทมีความแวววาวเหมือนโลหะ มีฤาษีชั้นพรหมดูแลรักษาอยู่ มีอานุภาพทางแคล้วคลาดล่องหนหายตัวได้ชั่วคราว ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้คาถาอาคมยืดได้ มีมายาในตัว งอกขึ้นได้เล็กลงได้ ถ้าจะนำไปสร้างพระเครื่องจะต้องใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุบังคับ หากพลังจิตไม่แก่กล้าพอก็ทำไม่ได้ เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ป้องกันได้คลอบจักวาร มีพลังทางร้อนแรง ทำลายอวิชาต่างๆได้ดี สร้างภาพลวงตา และปรับ อุณหภูมิภายในร่างกายให้กับเจ้าของ ล่องหนหายตัวได้ ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค ป้องกันคุณผี คุณคน เป็นมหาอุด และเสริมดวงฯลฯ 14. เพชรหน้าทั่ง (ก้อนสีเหลี่ยมเงินทองฝังในหินสีเทา) จากจังหวัดพัทลุง เพชรหน้าทั่ง เพชรหน้าทั่งจะไปดังที่ภาคใต้ แต่จริงๆแล้วเพชรหน้าทั่งมีทุกภาคในประเทศไทย เพชรหน้าทั่ง มีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมฝังอยู่ในเนื้อหิน ประกอบด้วยธาตุที่เป็นแร่ทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทองอมเงิน มีฤทธิ์อำนาจในตนเอง ด้วยจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในธาตุโลหะ โบราณเชื่อกันว่าเพชรหน้าทั่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของ ที่ได้ไปบูชาด้วยความศรัทธาและขยันทำมาหากินย่อมทำให้เกิดโชคลาภร่ำรวยขึ้นเร็ว สรรพคุณ 108 ทั้งป้องกันภัยผู้บูชา เรียก ลม เรียกฝน เรียกน้ำ ป้องกันสิ่งที่มองเห็น และสิ่งที่มองไม่เห็นได้ทุกชนิด ธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์เป็นรองเฉพาะเหล็กไหล 15. แร่เจ้าน้ำเงิน(แร่บอร์ไนต์) มาจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีรูปทรงหลายแบบ บ้างเป็นทรงลูกบาศก์ บ้างคล้ายทรงสีเหลี่ยมขนมเปียกปูน บ้างมี 12 ด้าน สีน้ำเงินอมม่วง บ้างก็มีสีทองปะปน เชื่อกันว่าช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น นำสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ช่วยให้เรามีความสุข ณ ชั่วขณะได้มากขึ้น ช่วยจัดระเบียบอารมณ์ความรู้สึกที่สับสนยุ่งเหยิง ขจัดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ออกไปจากชีวิต เป็นหินแห่งความสุข ทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ปกป้องผู้ครอบครองจากพลังด้านลบและเปลี่ยน พลังในด้านลบให้กลายเป็นพลังบริสุทธิ์ ทางเอเชียบ้านเราถือเป็นเครื่องรางหายากชนิดหนึ่ง บ้านเรามักรู้จักกันในชื่อ”แร่เจ้าน้ำเงิน” เชื่อว่ามีพลังในการปกป้องอันตรายที่เกี่ยวกับไสยเวท มนต์ดำ คุณไสย และยังนำโชคเรื่องการเงิน มาแก่ผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย แร่ชนิดนี้จึงถูกใช้ในการเป็นส่วนผสมของวัตถุมงคลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการหล่อองค์พระ หรือการสร้างเครื่องรางของคลังต่างๆ เป็นของหายากส่วนมากมักต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ หมายเหตุ ไหลศักดิ์สิทธิ์ ห้ามวางไว้ในที่ต่ำ ห้ามเดินข้าม ห้ามไว้ต่ำกว่าเอว เพราะในเม็ดไหลจะมีเจ้าพ่อไหลท่านดูแลอยู่ จึงแนะนำว่าท่านที่บูชาไปแล้ว ถ้าบูชาดี บูชาจริง จะได้ผลตอบกลับมาดีมากทีเดียว
พระกริ่งกองจันทร์ นี้ อาบแสงจจันทร์ 3 วาระ
คือ วาระหนึ่่ง วันอมาวสี เป็น วันพระจันทร์ดับ หรือ วันขอเงินจากพระจันทร์ นั้น เป็นวันที่ฟ้า หมายถึง สวรรค์ และพื้นภพของมนุษย์ พื้นภพของนาคา พื้นภพของนรก ประตูทุกแดนภูมิจะเปิด และเป็นวันที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ทำมุมที่เอื้อประโยชน์ ต่อมวลมนุษยชน และประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งวันฟ้าเปิดนั้น จะมีเพียงเดือนละ 1 วันเท่านั้น แต่ในวันที่ดีอย่างนี้ เราจะต้องทำอย่างไรให้วันนั้นเกิดประโยชน์ เกิดโชคลาภ หรือมีความสำเร็จเกิดขึ้น วันอมาวสีหรือวันจันทร์ดับ นั้นมีความเชื่อเรื่องการ ;ขอพร-ขอเงิน;ในขณะที่วันปุรณมีก็มีความเชื่อเรื่องของ ;มงคลชีวิต;กับความเชื่อที่เกี่ยวกับวันเกิดจุดจันทร์เพ็ญ วันจันทร์เพ็ญ หรือ "วันปุรณมี ในมุมของ พิธีกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลนั้นวันปุรณมี ก็ควรสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมงคลคนไทยแต่โบราณเชื่อว่า หากได้ทำน้ำมนต์ในคืนจันทร์เพ็ญ จะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เกิดสิริมงคล ทำการใดก็สำเร็จสมความปรารถนา มีโชคชัยมงคล ประสบชัยชนะ เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย รอดพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ เพราะโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ โคจรมากุมกันและเล็งกัน
วาระที่สอง คือ วันจันทร์เพ็ญนั้น ใช้ดื่มกินก็ได้ อาบก็ได้ รดศีรษะก็ได้ ประพรมก็ดี แต่ควรทำทันทีหลังพิธีการเสร็จสิ้น แล้วทำน้ำมนต์ใหม่ในวันเพ็ญเดือนต่อไป ถ้าเป็นน้ำมนต์จันทร์เพ็ญเดือน 12 นั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำไว้ดื่มกินก็ได้ อาบก็ได้ ประพรมศีรษะร่างกายก็ได้ ช่วยเรื่องบรรเทายามเจ็บไข้ ป้องกันอันตรายจากการเดินทาง เป็น สิริสวัสดิมงคลแก่ชีวิต ส่วนที่เหลือนิยมเก็บไว้ใช้ตลอดทั้งปี รอจนกระทั่งถึงวันเพ็ญเดือน 12 ปีต่อไปแล้วค่อยทำน้ำมนต์จันทร์เพ็ญเดือน 12 อีกครั้ง นี่ก็เป็นพิธีทำ น้ำมนต์กับความเชื่อเรื่องวันปุรณมีรวมถึงเรื่องการ ขอเงินจันทร์ขอพรจันทร์ก็ทำในวันนี้ได้เช่นกัน
วาระที่สาม จะออกมาอาบน้ำ วันเดือนตือ หรือ เรียกว่า จันทรุปราคา ราหูอมจันทร์ ดีทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุด และป้องกันภูตผีปีศาจ ในตำราทักษามหาพยากรณ์นั้นกล่าวว่า เมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุแล้ว ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อนมีเคาระห์ต่าง ๆ เพราะพระหูนั้นเป็นความมืด เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นจากการเสวยอายุไปก็ยังแผลงฤทธิ์ถีบเท้าจากอีกด้วยจึงกำหนดเอาไว้ว่าเมื่อพระราหูเสวยอายุจักต้องทำพิธีต้อนรับพระราหู หาไม่จะเดือนร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ พระราหูเป็นเทพที่อมตะหรือไม่ตายเหตุเพราะตอนที่เทพยดาทำพิธีกวนน้ำอมฤตในเกษียรสมุทรนั้น พระราหูซึ่งเป็นอสูรได้แฝงกายเร้นอยู่ในกลุ่มเมฆ ครั้นเมื่อน้ำอมฤตขึ้นจากสะดือทะเลแล้วพระราหูก็ลอบเข้าไปกินน้ำอมฤตพอกลืนล่วงลงลำคอไปพระนารายณ์ก็เล็งฌานเห็นจึงขว้างจักรกลดไปตัดร่างพระราหูขาดกลางตัว น้ำอมฤตแล่นไป ถึงเอวพอดี ส่วนบนจึงกลายเป็นอมตะไม่รู้จักตายส่วนท่อนล่างนั้นพินาศไปในเกษียรสมุทร
จนกลายมาเป็น พระกริ่งกองจันทร์ รุ่น๑ ครุบากองจันทร์
ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามดั่งภาพต่อไปนี้
องค์ซ้ายมือคือตนแบบ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น Original องค์ขวามือจากจอ คือ ด้านหลังองค์พระกริ่งเนื้อสัมฤทธิ์ ดูตาเปล่าเกือบกลายเป็นเหมือนทองคำ เนื้อสัมฤทธิ์หายไปเกือบหมดเลย
น่าจับตองมองอีกรุ่นหนึ่งของพระกริ่งเมืองไทย ที่น่าจะกระแสแรงในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งในด้านพุทธคุณพระกริ่ง และพิธีการ วิธีการ บรรจุปรอท เพื่อให้กินเนื้อพระกริ่ง เกิดเป็นพุทธลักษณะที่โดดเด่น หรือแม่กระทั่งแร่เหล็กไหล แร่ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ แล้ว ไม่นานคงได้ชมราคาที่หยุดไม่อยู่ ของพระกริ่งกองจันทร์(นามมงคล) ของหลวงปู่ครูบากองจันทร์ (พระครูสถิตศุภวัตร) แห่งวัดพุทธเอ้น อันมีพุทธประวัติ และบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ที่คนอำเภอแม่แจ่ม อำเภอใกล้เคียงรู้จักถึงพุทธคุณของน้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ (ดังมีภาพหลังเหรียญกองจันทร์ รุ่นแรก)
ติดต่อผู้เขียนบทความ 084-73-94-789 (montrakrit)
|