หลวงพ่อสุด วัดกาหลง:ภาค2ด้วยความรักจากความทรงจำของศิษย์(กาหลง81)
บทความพระเครื่อง เขียนโดย punch18
เรื่องที่ผม(หนึ่ง สมุทรสาคร) จะได้บันทึกไว้ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รวบรวมจากการพุดคุย ในกลุ่มเฟสบุค "กาหลง81" ซึ่งจะเป็นคำบอกเล่าของผู้ที่มีประสบการณ์ได้ใกล้ชิดกับ หลวงพ่อฯ ผมได้ขออนุญาติท่านแล้วนำมารวบรวมไว้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาและทราบในอรรถชีวประวัติของหลวงพ่อสุด วัดกาหลง ต่อไป ในแต่ละเรื่องจะไม่ได้เรียงตามวันเวลา แต่บันทึกตามที่ผู้เล่าได้เล่าไว้ ด้วยความรักจากความทรงจำของศิษย์(กาหลง81)
1.สิ้นร่มโพธิ์ วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ2526 ตรงกับขึ้น6ค่ำเดือน9ปีกุน เวลา13.15น เสียงกลองเสียงระฆังดังรัวขึ้นพร้อมกัน เสียงดังก้องกังวาลอยู่พักใหญ่แปลกใจมากชาวบ้าน ต.กาหลงทุกๆคนต่างพากันวิ่งไปที่วัดโดยมิได้นัดหมาย ส่วนผมก็วิ่งไปแต่ยังไม่ถึงวัดก็มีชาวบ้านวิ่งสวนมาตะโกนบอกว่า ล.ป มรณภาพแล้วใจแทบสลายเมื่อได้ยินคำๆนี้ ผมวิ่งไปร้องไห้ไปจนถึงวัดและมีชาวบ้านที่ไปถึงก่อนต่างพากันร้องไห้อย่างโศกเศร้าผมขึ้นไปถึงบนกุฎิ ล.ป ก้มลงกราบแทบเท้า ล.ป ส่วนชาวบ้านก็ยังมากันไม่ขาดสายทุกคนพากันร้องไห้แทบจะขาดใจเสียงดังระงมไปทั่ววัด สิ้นแล้ว ร่มโพธิ์ ร่มไทร พระภิกษุผู้เคร่งครัดพระธรรมวินัยพระภิกษุผู้อยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมยังมาซึ่งความโศกเศร้าอาลัยรักของศิษยานุศิษย์ และผู้ทีเคารพนับถือศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ล.ป สุดมรณภาพด้วยอาการสงบสิริรวมอายุได้ 81ปี 3เดือน7วัน จากวันนั้นมาถึงวันนี้14 สิงหาคม2557เป็นเวลา31ปีแห่งวันมรณภาพสิ่งที่ ล.ป ได้สั่งสอนศิษย์ทุกคนคือความกตัญญูสอนให้ทุกคนเป็นคนดี พระครูสมุทรธรรมสุนทร(สุด)สิริธโร สาธุๆ 2.สอนให้ศิษย์ได้ดี เมื่อครั้งที่ผมได้บวชเป็นสามเณรองค์เล็กๆองค์หนึ่งอยู่กับ ล.ป สุด มีสามเณรประมาณ.7-8องค์ทุกๆวันพระ15ค่ำตอนหัวค่ำ ล.ป จะเรียกเณรทุกองค์มาสวดมนต์ไหว้พระที่หน้ากุฎิ ล.ป ๆจะนั่งเป็นประธานเมื่อสวดมนต์เสร็จจะให้เณรทุกองค์ต่อศีล(รับศีล) ซึ่งเป็นศีล10ข้อจะได้มีศีลครบบริบูรณ์เสร็จแล้วก็จะให้เณรท่องสามเณรสิกขาก็คือศีล10ข้อ นั่นเอง ล.ป จะให้ท่องทีละองค์เณรบางองค์ ท่องได้บ้างบางองค์ท่องไม่ได้ส่วนผมท่องไม่ได้เพราะบวชใหม่ ท่านบอกว่าเอายังงี้ก็แล้วกันให้โอกาสวันพระหน้าถ้าใครท่องปากเปล่าไม่ได้ ให้เอาไม้เรียวมาด้วยแค่นั้นแหละพอลงมาจากกุฎิก็ท่องกันใหญ่เลยเพราะกลัวจะถูกตีพอมาถึงวันพระอีกที ล.ป ท่านไม่ถาม ท่านรู้ว่าท่องกันได้หมดแล้วเพราะไม่มีใครถือไม้เรียวมาเลยและหนึ่งในสามเณรน้อยๆในวันนั้นตอนนี้ท่านได้เป็นถึง พระเทพคุณาภรณ์(ป.ธ 9)เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร องค์ปัจจุบัน ท่านเป็นศิษย์ของ ล.ป สุด องค์หนึ่งที่ ล.ป ภูมิใจมาก และชาวบ้าน ต.กาหลง เคารพ รักและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก แม้ว่า ล.ป จะมรณภาพไปนานแล้วแต่คุณประโยชน์ที่ได้บำเพ็ญไว้ยังเป็นแบบอย่างให้ชนรุ่นหลังได้อย่างดี จึงนับว่าการเกิดมา ดำรงอยู่และจากไปของ ล.ป มีประโยชน์โดยแท้และความดีมีเมตตาจะอยู่ในความทรงจำของ ศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพ ศัทธา อย่างมิรู้ลืม ศิษย์บูชาคุณ สาธุๆ 3.เป็นเหมือนพ่อ เป็นที่พึ่ง ประมาณปี พ.ศ 2520-2525 สมัยนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากแวะเวียนมากราบสักการะ ล.ป สุดมิได้ขาดสายบางท่านมารอเป็นวันๆ เพื่อที่จะได้มากราบขอพร ล.ป มาบูชาวัตถุมงคลบ้างมาขอของดีบ้างเอารถมาเจิมบ้าง มาดูฤกษ์ ดูยามจะปลูกบ้านจะแต่งงานบ้าง หรือเจ็บป่วยก็จะมาให้ ล.ป. เจียดยาให้(ยาสมุนไพร) ใครที่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็จะมาให้ ล.ป ช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยให้ ล.ป เปรียบเสมือนพ่อเป็นที่พึ่งสำหรับลูกๆเมื่อมีญาติโยมมาหาไม่ว่าท่านจะเป็นใครล.ป ไม่เคยขัดมีความยินดี ยิ้ม ต้อนรับด้วยความเต็มใจ ผมเป็นสามเณรก็ต้องทำหน้าที่ต้มน้ำร้อนน้ำชาไว้คอยต้อนรับญาติโยมคอยเทกระโถน คอยช่วยอำนวยความสะดวกตามกาลเทศะ และบ่อยครั้งก็จะเห็นพวก ศิลปิน ดารานักร้องรักแสดงมากมายหลายท่านมาหา ล.ป ส่วนมากที่มาด็จะมาให้ ล.ป เจิมหน้าผากบ้าง ลงนะหน้าทองบ้างแล้ววิชาลงนะหน้าทองของ ล.ป ท่าน จะเอาทองปิดที่หน้าผากว่าพระคาถาเป่าลงไปทองที่หน้าผากจะหายเข้าไปเลยเป็น และที่เห็นอีกท่านนึงก็คือคุณคม อัคคเดช ผู้กำกับหนังบู้ชื่อดังเวลาสร้างหนังก็จะเอากล่องหนัง(แผ่นฟิมพ์)มาให้ ล.ป เจิม เอาฤกษ์ เอาชัยก่อนที่หนังจะเข้าโรงฉาย ผมขอจบไว้ก่อนโอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ ด้วยความเคารพ 4.คาถาองคุลีมาร เมื่อสมัยที่ ล.ป สุด ยังมีชีวิตอยู่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ใกล้ๆคลอดมักจะนำกล้วยน้ำว้าหนึ่งหวีมาให้ ล.ป ช่วยลงคาถาอาคมให้ ล.ป จะใช้เหล็กจารเขียนอักขระยันต์ที่กล้วยแต่ละใบเพื่อที่ผู้ตั้งครรภ์กินแล้วจะได้คลอดง่ายๆเสร็จแล้วก็จะวางไว้ รอให้เจ้าของมารับกลับไปเผอิญวันนั้นมีชาวบ้านมาช่วยงานบนกุฎิ ล.ป เกิดหิวมองไปเห็นกล้วยวางอยู่จึงหยิบขึ้นมากิน กินได้ไม่นานเท่าไรถ่ายท้องทั้งวันมารู้อีกทีเป็นกล้วยที่ ล.ป ลงคาถาไว้สำหรับคนตั้งครรภ์จะได้คลอดง่ายๆเคยมีคนถาม ล.ป ว่าใช้พระคาถาขององค์คุลิมาร 5.เสือยังไม่เต้น วัตถุมงคลของ ล.ป สุด ทุกรุ่นทุกพิมพ์ก่อนที่จะนำมาแจกญาติโยมต้องผ่านพิธีพุทธาภิเศกมาเป็นอย่างดีถึงจะนำมาให้ผู้ทีเคารพและศรัทธา ได้บูชาถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษา ล.ป จะตื่นประมาณตีสี่เพื่อปลุกเสกวัตถุมงคลจนถึงเวลาประมาณตีห้าก็จะนำพระภิกษุสวดมนต์จนถึงหกโมงเช้า เป็นเช่นนี้ทุกวันตลอดพรรษามีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณปี21หรือ22 หลวงตาเจือคือพระที่คอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ไกล้ชิด ล.ป ได้ไปนำเหรียญ ของ ล.ป มาเพื่อจะใส่ไว้ในตู้ทีสำหรับให้ญาติโยมบูชาแต่ ล.ป บอกหลวงตาเจือว่าอย่าเพิ่งเลยหลวงตาถามว่าทำไมครับ ล.ป เลยตอบว่าเสือมันยังไม่เต้นก็เลยต้องนำไปเก็บไว้ก่อนจึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าถ้าคุณมีวัตถุมงคลของ ล.ป สุด แล้ว จงจำไว้เลยนี่คือมรดกอันล้ำค่าที่ ล.ป ได้มอบไว้สามารถที่จะปกป้องคุ้มครองศิษย์และผู้ที่เคารพและศรัทธา สาธุ สิริธโร นามะ 6.สักยันต์ตะกร้อและพิธียกครู ถึงเรื่องการสักยันต์ตระกร้อของ ล.ป สุดวัดกาหลง/ราวปี พ.ศ 2522 เท่าที่พอจำได้ ขออนุญาติเอ่ยนามครับ คุณวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ได้มาสักยันต์ตระกร้อกับ ล.ป สุด เป็นการสักด้วยน้ำมันงาเพราะสมัยก่อนคนไทยเชื้อสายจีนจะไม่นิยมสักด้วยหมึก แล้วน้ำมันงาที่นำมาสักต้องทำเอง ล.ป.บอกว่าต้องใช้เด็กผู้หญิงที่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์(คือยังไม่มีประจำเดือน)เอางามาเคี่ยวๆ แล้วเอามาตำ เอามาคั้นกว่าจะได้น้ำมันออกมาทีละหยดต้องอดทนมาก มีความพยามสูงผู้ใหญ่ช่วยทำไม่ได้คอยบอกได้ ถึงจะถูกต้องตามตำราน้ำมันงาในวันนั้นทำกันที่บ้านกาหลงแล้วเวลาสักยันต์ตระกร้อต้องสักครั้งเดียวเสร็จคือเต็มๆเลย สักเสร็จน้ำมันจะเข้าไปอยู่ในเนื้อในหนังเลยจะมองไม่เห็นเมื่อแผลหาย คนที่สักน้ำมันเวลาหนาวจะหนาวมากเวลาร้อนจะร้อนมาก คุณวิรุฬ เตชะไพบูลย์นับได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของ ล.ป คนสำคัญท่านหนึ่งที่ได้สักยันต์ตระกร้อแบบเต็มๆด้วยน้ำมัน/.. และต่อมาอีกไม่นานคุณวิรุฬก็ได้มาขอยกครู ล.ป สุด จะยกครูเฉพาะวันพฤหัสบดีเท่านั้นส่วนของที่จะต้องเตรียมมา เช่น บายศรี หัวหมู ขนมต้ม แดง-ขาว ดอกไม้ธูป เทียน ฯ แล้ววันนั้นผมซึ่งบวชเป็นสามเณร คือหลวงตาเจือได้ไช้ให้ผมไปเอา ต้นไอ้เหนียวมาด้วยเพราะว่าต้องใช้ขาดไม่ได้ถือเป็นเคล็ดวิชาต้องเอาชื่อไอ้เหนียว ที่วัดกาหลงไม่มีต้องนั่งรถไปเอาที่ วัดนาขวางเอามาเข้าร่วมพิธี/ พิธียกครูจะทำในพระอุโบสถ คุณวิรุฬมากับคนขับรถเปิดท้ายรถออกมามีอาวุธนาๆชนิดทั้งหนักและเบามากมาย ช่วยกันขนเข้าไปในโบสถ์ เวลายกครู ล.ป จะนำเอาอาวุธแต่ละชนิดจุ่มลงไปในขันน้ำมนต์ ล.ป บอกว่าต้องลบคมให้หมด อาวุธทั้งหลายจะ ทำอันตรายต่อเราไม่ได้เพราะเหตนี้ลูกศิยษ์ของ ล.ปจึงอยู่ยงคงกระพันทุกๆคน ..ผมขอจบไว้เพียงแค่นี้ก่อนคราวหน้าจะมาพูดถึง พระคาถา ไหว้ครู คาถาเรียกครู คาถาปลุกพญามนต์ และคาถาเสกยันต์ กราบ ล.ป สุด ศิษย์ บูชาคุณ สาธุๆ 7.คาถาไหว้ครู จุดเทียนและธูป บูชาคุณพระรัตนตรัย ตั้งนะโม(3จบ) รำลึกนึกถึง ล.ป.สุด สิริธโร และครูบาอาจารย์ บิดา มารดา ผู้ประสิทธิประสาทวิชา คาถาไหว้ครู ●อมสิท อมทง กูบ่ได้องอาจ กูบ่ได้ประมาทพ่อครู เห็นรอยพ่อก้มดู เห็นรอยครูก้มกราบ● 8.คาถาเรียกครู ●อมคลุกคลุก กูจักปลุกพ่อครูให้ลุกก็ลุก กูจักปลุกพ่อให้ตื่นก็ตื่น ตื่นมาแล้วมาเล่นหอกคมขาว มาเล่นตาวคมกล้า มาเล่นพร้าดวงคม อมสะหับพับพับคงคง● 9.คาถาปลุกพญามนต์ ● อมคลุกคลุก กูจักปลุกพญามนต์ให้ลุกก็ลุก ก็จักปลุกพญามนต์ให้ตื่นก็ตื่น สามสิบหมื่นมาสิมาทง มาคงตนกู ตนกูมั่น ตนกูคง ตนกูมั่นเหมือนศิลาแรงตนกูแข็งดั่งกำแพงเจ็ดชั้น อมสะหับตับกูเป็นหิน ตีนกูเป็นทองแดง กระน่องกูเป็นเหล็ก อมเท็กปัตตุ สูเข้ามิได้ อัง อะ รา ยะ● ผมขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนยังมีพระคาถาเสกยันต์อีกเอาไว้คราวหน้าจะนำมาเผยแพร่อีกครั้ง คุณพ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่าตอนพ่อ ไปยกครูเห็น ล.ป เอามีโกนผมสมัยเก่าที่มีด้ามจุ่มไปในบาตรน้ำมนต์แล้ว ล.ป ก็เอามากำไว้แล้วก็ดึงไปดึงมามีดโกนที่ว่าคมมากไม่ระคายต่อผิวหนังเลยศิษย์บูชาคุณ สาธุๆ 10.คาถาประจำวัน พระคาถาอีกบทหนึ่งของ ล.ป สุด สิริธโร ☆ขอมอบให้กับท่านที่เคารพนับถือและศรัทธาต่อองค์ ล.ป สุด ทุกๆท่าน ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกนึกถึง บิดามารดา ครู อาจารย์ ผู้ประสิทธิประสาทวิชา อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี องค์พฤหัสเรืองศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ ถ้าเป็นวันพรุ่งนี้ก็ต้องเปลี่ยนเป็น องค์พระศุกร์เรืองศรี สวัสดีลาโภนะโมพุทธายะ ☆ ขึ้นด้วย อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี องค์พระ.... เปลี่ยนไปตามวันนั้นๆ พระคาถานี่ไม่ต้องจดก็ได้ให้ครูพักลักจำจะขลังมาก 11.รู้ล่างหน้า ประมาณปีพ.ศ 2522 ตอนบ่ายๆของวันหนึ่ง ล.ป สุด อยู่ในห้องบนกุฎิหลังเก่าเปิดประตูห้องออกมา บอกว่าให้พวกเราเตรียมไปจัดสถานที่ในพระอุโบสถ บอกว่า ล.ป โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีท่านจะมา เมื่อได้รับคำสั่งแล้วพระเณรในวัดก็รีบจัดเตรียมอาสนะปูพรหมไว้ต้อนรับอย่างดี ล.ป สุด ก็ได้ครองจีวร อีกสักพักไม่นาน ล.ปโต๊ะ ก็เดินทางมาถึง ล.ป สุด ออกไปต้อนรับกราบนิมนต์ ล.ปโต๊ะไปที่พระอุโบสถ ล.ป สุด ได้สนทนากับ ล.ปโต๊ะอยู่นานพอสมควรเพียงสองรูป ส่วนผู้ติดตามรออยู่ด้านนอกแล้ว ล.ปโต๊ะ ก็ได้เดินทางกลับ/ ไม่ทราบว่า ล.ป สุด ท่าน รู้ได้อย่างไรว่า ล.ป โต๊ะ ท่านจะมาเพราะสมัยนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก โทรศัพท์ก็ยังไม่มีซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก(เอาไปคิดกันเอาเอง)เมื่อ ล.ปโต๊ะท่านกลับไปแล้ว มีพระรูปหนึ่งไปถาม ล.ป สุด ว่า ล.ป รู้ได้อย่างไรว่า ล.ป โต๊ะท่านจะมา ล.ป.สุด ไม่ตอบแต่กลับบอกว่า ล.ป โต๊ะท่านจะไปถ้ำสิงห์โตทองผ่านมาเลยแวะสนทนาธรรม/ ล.ป สุด ท่านเป็นเป็นศิษย์ได้ไปศึกษาวิชา กรรมฐาน กับ ล.ปโต๊ะ อยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่ ล.ป สุด ให้ความเคารพมากอีกรูปหนึ่ง สาธุ ศิษย์บูชาคุณ ... การปฎิบัติธรรมนั้นไม่ยาก♡แต่มันจะยากสำหรับผู้ไม่ปฎิบัติ♡ 12.ไม่ใช่ของๆเอ็งๆเอาของเขาไปไม่ได้ กลางดึกของคืนวันหนึ่งประมาณปี2540 มีผู้ไม่หวังดี(ขโมย)มาวัดกาหลงแล้วได้ขึ้นไปที่ศาลาหอฉัน ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูปเก่าโบราณอันเป็นสมบัติของวัด ขโมยมาด้วยกันประมาณ3คนเอารถมาจอดไว้ที่ข้างโรงครัวห่างจาก ศาลาหอฉันประมาณ50เมตรแล้วอันดับแรกได้วางยาสุนัข แล้วก็ขึ้นไปที่เก็บพระพุทธรูปใช้คีมตัดเหล็กที่เตรียมมาตัดกุญแจ แล้วช่วยกันลำเรียงพระพุทธรูปทีละองค์สององค์ไปเก็บที่รถ/ แต่หารู้ไม่ว่าในการกระทำครั้งนี้หาได้รอดสายตาของเด็กวัดคนหนึ่งสมมุติว่าชื่อนายแวม นายแวม มองเห็นว่ามีคนมาขโมยพระก็เลยไปปลุกพระที่กำลังจำวัดอยู่ตามห้องอีกหลายองค์ หัวขโมยก็ขนพระไส่รถได้ประมาณ 10กว่าองค์แล้วเมื่อพระในวัดพร้อมก็เลยแสดงตัวช่วยกันจับ ขโมยหนีได้ทัน2คนรีบขึ้นรถที่เตรียมมาขับออกไปอย่างเร็ว ทิ้งเพื่อนที่หนีไม่ทันไว้1คนพระและเด็กวัดวิ่งไล่จับขโมยวิ่งไปทางแม่น้ำแล้วลงน้ำไป ข่าวแพร่กระจายชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ตามล่าขโมยที่ลงน้ำคาดว่าไปได้ไม่ไกลจนสุดท้ายไปเจอช่วงเช้าเพราะตัวเปียกน้ำเปื้อนโคลนแถวๆวัดบางพลีก็เลยจับส่งตำรวจ ท่านเจ้าหน้าที่ก็เข้ากระบวนการสอบสวนจนได้ความจริงแล้วในวันเดียวกันก็ตามไปจับได้อีก2คนแถวๆปทุม/ ย้อนกลับมาช่วงเช้าได้มีคนไปพบพระพุทธรูปประมาณ10กว่าองค์ถูกทิ้งอยู่ในร่องน้ำข้างถนนพระราม2 ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ200เมตร ก็เลยไปแจ้งให้ตำรวจทราบคุณตำรวจก็เลยมาเก็บพระไว้ที่โรงพักทั้งหมดและได้ สอบปากคำหัวขโมย2คนที่ขับรถหนีมาได้ว่า ทำไมถึงเอาพระพุทธรูปมาโยนทิ้งไว้ หัวขโมยเล่าให้คุณตำรวจฟังว่าขับรถออกมาจากวัดกาหลงได้สักระยะนึ่ง ก็ได้มีพระภิกษุรูปหนึ่งแก่ๆผมขาวห่มจีวรสีเหลืองมานั่งอยู่ที่หน้ารถกับเขาแล้วบอกว่า พวกเอ็งเอาของเขาไปไม่ได้มันไม่ไช่ของเอ็งคืนเขาไป/ หัวขโมยตกใจรีบจอดรถแล้วช่วยกันโยนพระพุทธรูปลงในล่องน้ำข้างทางดังที่กล่าวมาแล้ว♡ พอตอนบ่ายๆชาวบ้านกาหลงก็พร้อมใจกันอันเชิญพระพุทธรูปกลับวัดอีกครั้งเป็นที่ปราบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านก็พูดคุยกันต่างๆนาๆเกี่ยวกับปาฎิหารย์ครั้งนี้♡และอีกไม่กี่วันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวหัวขโมยมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชาวบ้านมาดูกันมากมายตำรวจรีบนำตัวผู้ต้องหากลับกลัวโดนรุมประชาฑันณ์เรื่องนี้ชาวบ้านกาหลงยังจำกันได้ดี ผมต้องขออภัยถ้าเล่าเรื่องนี้ตกหล่นไปบ้างเพราะจำได้แค่นี้ และตอนที่นำพระพุทธรูปทั้งหมดกลับวัดก็ได้ใช้รถยนต์กระบะของผม นำท่านกลับมาวัดกาหลงอีกครั้ง♡♡ศิษย์บูชาคุณ สาธุ♡♡
ต้องขอขอบพระคุณพี่นาวิน อินรวม ที่ได้อนุญาติ ให้นำข้อเขียนของท่านมาเผยแพร่ครับ รวมถึงรูปประกอบบทความจากพี่นพดล ศรีงามผ่อง ด้วยครับ
รวมบทความของผมครับ http://www.web-pra.com/Shop/NhungSamut/Article
|