วัตถุมงคลหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ พ.ศ. 2533 (เกร็ดพิธีปลุกเสก)
บทความพระเครื่อง เขียนโดย punch18
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ไปสอบถามผู้ที่ทันหลวงพ่อรุ่ง ทันมากบ้างน้อยบ้าง เป็นเรื่องเล่าที่ผู้อาวุโสเล่าให้ผู้เยาว์อย่างผมฟัง ผมได้รวบรวมและคัดกรอง และนำมาบันทึกไว้หวังว่าจะเป็นอนุสรณ์ และเผยแผ่เรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หากข้อความบันทึกเรื่องใด ผิดพลาดไปกระผมขออภัยและได้โปรดแนะนำด้วยเทอญ ในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ที่สร้างภายหลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเริ่มแรกที่วัตถุมงคลปี2533 ได้รับความนิยมมานานแล้ว เพราะมีประสบการณ์กล่าวถึงกันมากหลาย โดยเฉพาะตั้งแต่การปลุกเสก ผมเองจะได้เห็นได้ฟังผู้ที่มาสะสมวัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลายๆท่าน มักจะถามกันว่า พิธีปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อรุ่ง ปี2533 มีฟ้าผ่าจริงไหม ฟ้าลงโบสถ์ ผ่าลงในพิธี ฯลฯ ตามแต่จะสงสัยกันไป และคำตอบที่ผมได้ฟังก็ไม่ค่อยจะตรงกัน บ้างก็ว่ามี บ้างก็ว่าไม่มี บ้างก็ว่าแค่ฟ้าแล่บ ฯลฯ วันนี้เรามาอ่านเรื่องเล่า จากผู้ที่มีส่วนสร้าง ผู้ที่ร่วมพิธีในตอนนั้นกันครับ เรื่องนี้ผม หนึ่ง สมุทรสาคร ได้รับความกรุณาจากคุณลุงสมาน ผู้ที่เป็นกรรมการวัดในตอนนั้นเล่าให้ฟังครับ..... ภายหลังจากที่หลวงพ่อรุ่ง มรณภาพในปี2500 หลวงพ่อหยัด กตปุญฺโญ ก้ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อมา จนถึงปี2531 หลวงพ่อหยัดมรณภาพลง หลวงพ่อมหาจำนงค์ ก็ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อมา ในปี2532 ขณะนั้น วัดท่ากระบือ มีสภาพทรุดโทรมมาก กุฏิ ศาลา ที่ทำด้วยไม้ ชำรุด ผุ หลังคารั่ว ฯลฯ ทางคณะกรรมการวัดในขณะนั้น (มีท่าน อ.ทองสุข ครูใหญ่ ร.ร.วัดท่ากระบือเป็นหัวหน้า คุณลุงสมานเป็นเหรัญญิก และมีท่านอื่นๆอีก) ได้ปรึกษากันว่า ต้องซ่อมแวมวัด แต่ว่าวัดไม่มีเงินเลย จะทำอย่างไรกันดี จึงปรึกษากันว่าจะทำวัตถุมงคล ขึ้นมา เพื่อนำรายได้มาซ่อมแซม และตกลงกันว่าให้ทำวัตถุมงคลขึ้นมา โดยจะต้องไปจุดธูปบอกหลวงพ่อรุ่ง ในวิหาร กันเสียก่อนที่จะทำ เมื่อแรกทำ ทางวัดไม่มีเงินแม้แต่จะไปสั่งทำวัตถุมงคล จึงแก้ปัญหาโดยการ เปิดให้จองเหรียญทองคำ และขอเก็บเงินเต็มราคาเลย เพื่อจะนำมาเป็นทุนก่อน และจะออกใบรับไว้ให้ แต่เมื่อเปิดให้จองแล้วเงินที่ได้ก็ยังไม่พอ ทางเจ้าของโรงหล่อ (ขออนุญาติสงวนนามเพราะไม่ได้ขออนุญาติท่านโดยตรง) จึงบอกว่าเงินที่ขาดจะออกให้ก่อน เมื่อวัดให้เช่าวัตถุมงคล มีเงินได้แล้วค่อยนำมาให้ ซึ่งในการนี้ทางกรรมการวัดเอง ค่อนข้างหนักใจเหมือนกัน เพราะหลวงพ่อรุ่ง มรณภาพไปแล้วถึง 30กว่าปี ไม่รู้ว่าเมื่อทำวัตถุมงคลออกมาแล้ว คนจะสนใจหรือไม่ แต่ก็ได้ลงมือทำต่อไป หลังจากนั้นจึงได้จัดเตรียมพิธีปลุกเสกโดย นิมนต์พระคณาจารย์ดังนี้ 1.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม 2.หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี 3.หลวงพ่อดี วัดสุวรรณาราม นครปฐม 4.หลวงพ่อเกลี้ยง วัดวิสุทธิโสภณ ศรีสะเกษ 5.หลวงพ่อ วัดดอนยายหอม นครปฐม โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสุทัศน์ โดยคุณลุงสมานได้รับหน้าที่ไปนิมนต์ หลวงพ่อเปิ่น มาปลุกเสก และเป็นองค์จุดเทียนชัย จัดพิธีในวันศุกร์ที่21 กันยายน 2533 (ตรงกับงานปีของหลวงพ่อ) เมื่อถึงเวลาที่กำหนด หลวงพ่อเปิ่นจุดเทียนชัย พระคณาจารย์เริ่มเข้าสมาธิเพื่อปรกปลุกเสกวัตถุมงคล บรรยากาศเริ่มมืดครึ้ม มีลมแรงพัดเป็นระยะ เริ่มมีสายผนโปรยปราย หนักสลับเบา คุณลุงสมาน ซึ่งอยู่ในพิธี ได้เอาสัปทนมากางบังสายฝนให้หลวงพ่อเปิ่น เพราะพิธีปลุกเสกนี้ทำในวิหารหน้ารูปหล่อหลวงพ่อรุ่ง วิหารหลังนี้มี(หลังที่2)ขนาดไม่ใหญ่นัก นอกจากกางสัปทนแล้วคุณลุงยังต้องระแวดระวัง เหรียญทองคำหลวงพ่อรุ่ง ปี33 ที่อยู่ก้นขันหัวสิงห์ด้วย เพราะทางกรรมการวัดได้นำเหรียญ หลวงพ่อรุ่งปี33 เนื้อต่างๆ ใส่ในขันหัวสิงห์ขนาดใหญ่ พันรอบด้วยสายสิญจน์ โยงไปยังรูปหล่อหลวงพ่อรุ่ง โดย มีเหรียญทองคำจำนวนร้อยกว่าเหรียญ ใส่อยู่ก้นขัน มีคนรู้ไม่กี่คนเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย ในระหว่างที่พระคณาจารย์ทั้งห้า ได้บริกรรมปลุกเสกนั้น ทั้งลมทั้งฝนก็โปรยปราย สลับกับเสียงฟ้าคำราม ครืนครันไปทั่ว แล้วในจังหวะหนึ่งมีสายฟ้าแล่บแปลบปลาบ พร้อมเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง ฟ้าได้ผ่าต้นไม้ บริเวณปากคลองวัดท่ากระบือ ไฟดับลงทันที
คุณลุงสมานได้เล่าถึงนาทีฟ้าผ่าว่า... ในขณะที่กางสัปทนให้หลวงพ่อเปิ่น สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ ขันหัวสิงห์ ที่ใส่เหรียญทองคำไว้ เพราะได้รับมอบหมายให้ระแวดระวัง เกรงเหรียญทองคำจะสูญหาย ในวินาทีที่ฟ้าผ่าลงนั้น มีแสงแล่บแปลบปลาบ ตามด้วยเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง แสงฟ้าผ่านั้นจับไปที่ขันหัวสิงห์ แว่บ ตูม ไฟดับทันที คุณลุงเล่าว่า "ฟ้าลงแรงมันเหมือนลงขันหัวสิงห์ แสงแว่บแล้วไฟดับทันที ในใจก็คิดว่าฟ้าคงผ่าลงที่ขันหัวสิงห์กระมัง เหรียญทองคำมิละลายหมดหรือนี่" ไฟดับไม่นานก็ติดขึ้น หลวงพ่อเปิ่นได้พูดกับคุณลุงว่า "ลงไปแล้ว" คุณลุงได้ถามหลวงพ่อเปิ่นด้วยความสงสัยว่า "อะไรหลวงพ่อ" หลวงพ่อเปิ่นได้ตอบคุณลุงว่า "อภินิหารไง เห็นไหม ลงไปแล้ว " เมื่อเห็นคุณลุงทำท่างง หลวงพ่อเปิ่นจึงได้กล่าอีกว่า "ท่านแสดงอภินิหาร" แล้วหลวงพ่อเปิ่นก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก และนังปรกต่อไปจนใกล้ห้าทุ่ม จึงเลิก ทำการโปรยข้าวตอกดอกไม้ พรมน้ำมนต์ เป็นอันเสร็จพิธี ภายหลังพิธีหลวงพ่อเปิ่นได้กล่าวกับคุณลุงว่า "ทำน้อยไป แค่นี้ไม่พอหรอก" คุณลุงได้ตอบว่า "ได้แค่นี้ก็ดีแล้วครับ วัดไม่มีเงินเลย หลวงพ่อรุ่งมรณภาพไป33ปีแล้ว จะจำหน่ายออกหรือเปล่าก้ไม่รู้" หลวงพ่อเปิ่นจึงได้บอกกับคุณลุงว่า "ท่านอยู่ที่วัดนี่แหละ.......ญาณท่านไม่ธรรมดา"
หลังพิธีเสร็จ ก็มีการเคลื่อนย้ายวัตถุมงคลต่างๆไปเก็บ คุณลุงได้อยู่ช่วยจนดึก กลับบ้านไม่ได้ เพราะเรือข้ามฟาก ท่าส.จ. หมด คุณลุงจึงอาศัยนอนในวัดนั้นเองแต่ก้นอนไม่ค่อยหลับ เช้าจึงกลับบ้านตั้งใจว่าจะนอนพัก เพราะเพลียมาก เมื่อนั่งเรือข้ามฟากกลับบ้าน อาบน้ำจะนอน แต่กลับกลายเป็นว่า ทางวัดให้คนมาตาม เพราะมีคนทยอยกันมาเอาเหรียญที่ได้จองไว้บ้าง จะมาเช่าบ้าง คุณลุงจึงต้องกลับไปวัดทั้งที่เพลียๆ คุณลุงบอกว่า นึกว่าเหรียญรุ่นนี้จะจำหน่ายไม่ได้เท่าไร แต่กลับปรากฎว่า คนทยอยมารับเหรียญทองคำ จนหมดในเวลาไม่นาน แถมยังแย่งซื้อใบจองกันเสียด้วย ส่วนเหรียญเงินและทองแดงก็ได้ทยอยหมดจากวัดไป และกลายเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้งที่เป็นเหรียญที่สร้างภายหลังหลวงพ่อ มรณภาพถึง33ปี อาจเป็นเพราะหลวงพ่อเป็นที่เคารพนับถืออยู่แล้ว หรือด้วยประสบการณ์ต่างๆก็ตาม แต่สำหรับหัวใจของคนที่ศรัทธานั้นวัตถุมงคลของหลวงพ่อฯ ดีทัดเทียมกันทุกรุ่น อยู่ที่ใจนับถือศรัทธา แม้เหรียญทำเลียนแบบ ก็ยังมีประสบการณ์ และที่มิอาจลืมคือวัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่ง นั้นไม่คุ้มครองคนไม่ดี เหมือนที่หลวงพ่อบอกกับศิษย์ ที่ได้รับตะกรุดจากมือท่านว่า "ตะกรุดนี้ ถ้ามึงไปปล้นเขา โป้งเดียวจอด!!! "
ขอขอบพระคุณคุณลุงสมาน คุณอาสุเทพ คุณพิก อ่างทอง ที่ให้ข้อมูลครับ
|