
ประวัติปฏิปทา พ่อท่านเสมาะ วัดรังสิตาวาส จ.ยะลา (ดาโต๊ะเสมาะ)
บทความพระเครื่อง เขียนโดย punch18
กระผมหนึ่ง สมุทรสาคร ขอนำเสนอประวัติปฏิปทาของพระดีที่หลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้จักครับ คือพ่อท่านเสมาะ(เพชรแก้ว) วัดรังสิตาวาส จ.ยะลา สืบเนื่องจาก ผมได้พบกับน้าชายของผมซึ่งเป็น พลร่มค่ายนเรศวรแต่ไปปฏิบัติการอยู่ที่ จ.ยะลา(ท่านอยู่3จว.ใต้มานานมากย้ายไปหลายที่อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียน) ได้กลับมาบ้าน ได้คุยกัน ผมจึงถามท่านว่า พระที่ยะลามีหลวงพ่อท่านใดน่าเคารพบ้าง ท่านได้เอ่ยให้ฟังหลายท่าน แต่ที่สะดุดใจผมคือ ท่าน "ดาโต๊ะเสมาะ" วัดรังสิตาวาส เพราะผมเคยอ่านประวัติของท่านจากหนังสือพระเครื่องเล่มหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจมากนัก และจากเท่าที่ฟังจากน้าชายผม ท่านเป็นพระที่น่าศรัทธาอย่างยิ่ง จึงอยากจะนำมาถ่ายทอดไว้ให้ได้ทราบกันครับ
ว่าในวันนี้ที่ปัญหา3จังหวัดชายแดนใต้ร้อนรุ่ม แต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มีพระองค์หนึ่งที่รับนิมนต์ไปกอบกู้วัดร้างกลางชุมชนพี่น้องอิสลาม ไปเพียงรูปเดียว อยู่รูปเดียว เพื่อรักษาวัดร้าง ตามคำบัญชาของท่านเจ้าคณะฯ ให้กลับมาเป็นวัดที่สมบูรณ์ แม้ชาวบ้านที่ทนการรบกวนของโจรไม่ไหว จะมาชวนท่านหนี ท่านกลับบอกว่า..."ใครจะไปก็ไป กูจะอยู่ที่นี่ ที่นี่ประเทศไทย แล้วเราจะหนีไปไหน" ......................................................................................................................
"พ่อท่านเสมาะ" เป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้ศึกษาธรรมวินัยจนแตกฉาน มีสมาธิที่แน่วแน่ สงบ มุ่งบำเพ็ญเพียรภาวนาปฏิบัติด้วยตนเอง และได้ปลีกวิเวกไปตามป่าดงดิบ เพื่อความรู้แจ้งแห่งพระอริยมรรคเป็นเวลาหลายปี
ท่านมักกล่าวว่า ครูอาจารย์ของท่านคือ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" วิชาต่างๆเกิดจากความพากเพียรหมั่นฝึกฝนเป็นเวลานาน จนเกิดคงามชำนาญในทุกด้าน ท่านทำหน้าที่บำรุงพุทธศาสนาอยู่ท่ามกลางชาวไทยมุสลิม เป็นพระแท้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พิ่งพิงในยามทุกข์ร้อน ของทั้งชาวพุทธและชาวไทยอิสลาม ท่านไม่เคยเลือกปฏิบัติให้ความช่วยเหลือแก่ทุกคนโดยไม่เลือกชนชั้น
"ดาโต๊ะเสมาะ" คือนามที่ชาวไทยอิสลามยกย่องท่านด้วยความเคารพนับถือ ชาวบ้านคนใดมีความเดือดร้อน มีทุกข์ ก็มักจะไปกราบท่าน ขอคำแนะนำ ยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็ขอน้ำมนต์จากท่านมาดื่ม
ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ พยายามสั่งสอนให้ชาวบ้านหมั่นทำความดี ยามที่ท่านเทศนาข้อธรรมให้ชาวบ้านฟัง ท่านมักใช้ภาษายาวี ท่านมักกล่าวถึงเรื่องกฏแห่งกรรม พ่อท่านเสมาะกล่าวว่ามนุษย์เรานั้น ไม่ว่าชนชาติและศาสนาใดๆ ย่อมมีกรรมเป้นของตน กรรมนั้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ "กรรมดี""และ"กรรมชั่ว" ทุกคนควรระลึกเอาไว้อยู่เสมอว่าวันนี้เราได้ทำกรรมดีเป็นประโยชน์ต่อชาติต่อหมู่คณะ หรือทำกรรมดี เพื่อตัวเองและครอบครัวอยู่หรือเปล่า ถ้าได้ทำกรรมดี ถือว่าชาตินี้เกิดมาก็เกิดมาอย่างคนดี ไม่เสียชาติเกิด จงทำกรรมดีต่อไปอย่าได้ขาด ส่วนกรรมชั่วนั้นเล่า พึงระลึกอยู่เสมอว่า กรรมนั้นเราได้ทำลงไปแล้วยังผลเสียต่อประเทศชาติบ้านเมือง ยังผลเสียต่อสังคม ต่อครอบครัว ต่อตัวเอง ถ้าระลึกได้ว่า กรรมนั้นไม่ดีก็ให้ละการกระทำนั้นเสีย และขอให้กลับตัวเป็นพลเมืองดี คนชั่วที่กลับตัวกลับใจหันมากระทำความดี โลกย่อมสรรเสริญว่า เขาผู้นั้นเป็นผู้ละอายแก่บาป...
วัดรังสิตาวาส
ตั้งอยู่ในชุมชนของชาวไทยอิสลาม แต่ชาวไทยอิสลามก็นับถือท่านมาก จึงได้เรียกท่านว่า "ท่านดาโต๊ะเสมาะ" (ซึ่งถ้าแปลเป้นไทยก็คือ หลวงพ่อวัดเสมาะ/ วัดรังสิตาวาสมีอีกชื่อว่าวัดเสมาะ: หนึ่ง สมุทรสาคร)
ประวัติโดยสังเขป
พระครูรัตนรังสี มีนามเดิมว่า"เพชรแก้ว" นามสกุล "พาละสิทธิ์" โยมบิดาชื่อเกลี้ยง โยมมารดาชื่อ บุญศรี ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2470 ปีเถาะ ณ.บ้านควน ต.บ้านควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มีี่น้องทั้งหมด3คน การศึกษาทางโลก จบชั้นประถม4 จาก ร.ร.วัดควน อุปสมบท เมื่อวันที่15 ก.ค. 2490 ณ วัดควนนอก ต.บ้านตวน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยมี พระปลัดสี ธมฺมสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวุฒิชัย ธมฺมจารี เจ้าอาวาสวัดดอนกลาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระนุ้ย มุทุจิตโต เจ้าอาวาสวัดควนนอก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ การศึกษาทางธรรม สอบได้นักธรรมเอก และศึกษาด้านมนต์พิธีคาถาอาคมจากพระปลัดสี ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์
ด้านการปกครอง หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดควน6พรรษา ตลอดเวลาที่จำพรรษาอยู่นั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัย และปฏิบัติเคร่งครัดเป็นอย่างยิ่ง เป้นที่กล่าวขานและนับถือของชาวพุทธในละแวกนั้น จนกระทั่งปี2496 พระปัญญาวรคุณ เจ้าคณะจังหวัดยะลา (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ได้ทราบถึงจริยวัตรของท่าน จึงได้เรียกให้ท่านมาพบที่ วัดพุทธภูมิ จ.ยะลา แล้วขอร้องให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดรังสิตาวาสหรือวัดเสมาะ ซึ่งเป็นวัดร้าง มีสถานที่ตั้งอยู่ในชุมชนชาวไทยอิสลาม มีชาวพุทธเพียงกลุ่มเล็กๆ ซึ่งส่วนมากก็อพยพมาจากที่อื่น
ท่านได้เดินทางไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดรังสิตาวาส แต่เพียงรูปเดียว เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2496
เมื่อไปถึงก็พบกับสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมเป้นอย่างมาก ท่านจึงเริ่มชักชวนชาวพุทธซึ่งมีอยู่ไม่กี่หลังคาเรือนให้มาช่วยกันซ่อมแซมปรับปรุงจนมีสภาพพอที่จะประกอบศาสนกิจได้ในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นทุกวันท่านจะพยายามเทศน์สั่งสอนแนะนำ และชักจูงจิตใจของเยาวชนให้รู้และเข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทำทุกอย่างเื่พื่อให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข อาทิเวลามีผู้นำวัวมาเลี้ยงในบริเวณวัด หากถึงเวลาที่วัวจะไปกินน้ำแล้วเจ้าของยังไม่มา ท่านก็จะนำวัวไปตักน้ำให้กินแล้วพาเข้าไปให้อยู่ใต้ร่มไม้ โดยไม่เคยเลือกว่าวัวตัวนั้นเป็นของชาวไทยพุทธหรือไทยอิสลาม และด้วยบุญบารมีของท่าน ทำให้โจรผู้ร้ายที่เคยชุกชุม สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไม่สามารถเข้ามาทำร้ายชาวบ้านได้ จนเป็นที่เลื่อมใสเคารพนับถือของชาวไทยพุทธและชาวไทยอิสลามเป็นอย่างยิ่ง อุปนิสัย เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มักโมโหหรือโกรธใคร ชอบพูดตรงไปตรงมา มีสัจจะ พูดจริงทำจริง เฃ่นเมื่อครั้งที่ยังมีโจรชุกชุม ชาวบ้านในขณะนั้นซึ่งมีราว30ครัวเรือนหวาดกลัวกันมาก จึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น และได้ชักชวนให้ท่านอพยพตามไปด้วย แต่ท่านได้กล่าวปฏิเสธ "ใครจะไปก็ไป กูจะอยู่ที่นี่ ที่นี่ประเทศไทย แล้วเราจะหนีไปไหน" ท่านคิดอย่างไร ก็พูดอย่างที่คิด ไม่อ้อมค้อม ไม่เห็นแก่หน้าใคร แม้แต่ขนาดนายอำเภอ ในตอนนั้นมีนายอำเภอย้ายมาใหม่ เมื่อมาถึงก็ไปเข้าเยี่ยมหัวหน้าโจร หลังจากนั้นจึงมาหาท่าน พอนายอำเภอยกมือไหว้ ท่านก็พูดขึ้นว่า"ไม่ต้องไหว้กู" นายอำเภอผู้นั้นหน้าเสีย ตกใจมาก แต่ก็ถามท่านว่า ทำไมถึงพูดเช่นนั้น ท่านจึงตอบมาว่า "มึงเป็นนายอำเภอ มีหน้าที่ต้องรักษากฏหมาย แต่กลับไปไหว้โจร มันใช้ไม่ได้" สิ้นคำพูดของท่านนานอำเภอก็รีบกลับไปด้วยความอับอาย อีกเรื่องหนึ่ง.. เมื่อวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของในหลวง คณะครูที่ไปในงานพิธี ต่างคุยกันเสียงค่อนข้างดัง ท่านรู้สึกรำคาญจึงพูดขึ้น "คนอะไร เป็นถึงครูบาอาจารย์ไม่รู้กาลเทศะพูดไม่ได้หยุดปาก หยุดสัก5นาทีไม่ได้หรือไง" ปรากฏว่าคณะครูเงียบลงทันที อภินิหารพ่อท่านเสมาะ 1.ค่าง เป็นสัตว์ที่ชอบกัดกินยอดยางพาราอ่อนมาก มีชาวสวนผู้หนึ่งได้รับความเดือนร้อนจากเรื่องนี้มาก จึงได้มาเล่าให้ท่านได้ฟัง และนิมนต์ให้ท่านไปดู ท่านเดินรอบสวนยางพร้อมกับบริกรรมคาถาไปเรื่อย จนครบรอบแล้วท่านก็พูดว่า "เออ มันไม่มากินอีกแล้ว" หลังจากนั้นเหล่าค่างก็ไม่มาที่สวนนี้อีกเลย 2.ผีเข้าชาวบ้าน(อิสลาม) ญาติพี่น้องพยายามทำทุกวิถีทาง ผีไม่ยอมออก จนชาวบ้านพูดกันว่า "สงสัยต้องไปเชิญท่านดาโต๊ะเสมาะเสียแล้ว" จึงมีผู้อาสาไปนิมนต์ท่าน ท่านก็รีบเดินทางมาทันที พอมาถึงท่านก้ทำน้ำมนต์ พร้อมแผ่เมตตาให้ ผียอมออก แต่ยังดื้อ ไม่ออกแล้วออกเลย คือออกคนนี้เข้าคนโน้น แต่ท่านก็ทำจนสำเร็จ เมื่อกลับถึงวัดท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่า "ผีแขกนี่มันแข็งแรงดีมีวิชา" 3.สุหนัต ในศาสนาอิสลามเมื่อถึงวัยต้องทำพิธีสุหนัต(ขริบปลายอวัยวะเพศ) มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนุ่มคนหนึ่งทำพิธีแล้วเลือดไหลไม่หยุด ทำอย่างไรก็ไม่หยุด บิดาของหนุ่มผู้นั้นนึกขึ้นได้ว่า เคยบอกกับท่านไว้ว่า จะนิมนต์ไปฉันเพล ถ้าลูกชายเข้าพิธีสุหนัต จึงรีบเดินทางไปหาแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ตอนนั้นบ่ายกว่าแล้ว ท่านฉันไม่ได้แล้ว แต่ก็รีบไปในงานพิธี ทำน้ำมนต์แล้วพรมให้ เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ที่เลือดหยุดไหลทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โจษขานในหมู่ชาวไทยอิสลามมาก จนท่านได้กลายเป็นที่เคารพยำเกรงของชาวบ้านเป็นอย่างมาก 4.พระคาถาปราบมนุษย์ มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครังที่ยังมีโจรผู้ร้ายชุกชุมพวกโจรได้พยายามที่จะทำร้ายท่าน เพราะท่านคอยให้ความช่วยเหลือและปกป้องชาวบ้านตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยทำร้ายท่านได้สักที บางครั้งแอบลักลอบยิงท่าน แต่ก็ยิงไม่ออกสักครั้ง หรือไม่ก็จำผิดคน ท่านเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องคาถาบทหนึ่ง ซึ่งท่านใช้อยู่ประจำ เรียก"พระคาถาปราบมนุษย์" คาถานี้ดีมาก เวลาใช้สามารถกำบังตัว และศัตรูทำร้ายไม่ได้ 5.เสกหญ้าคาเป็นทหาร ในสมัยโจรผู้ร้ายชุกชุม โจรได้วางแผนนำกำลังเข้าปล้นวัดถึง3ครั้ง แต่ทุกครั้งต้องผิดหวังกลับไป สาเหตุเพราะเวลายกกำลังมาถึง จะเห็นทหารอยู่เต็มวัดไปหมด เป็นที่สงสัยกันว่า ทหารมาตั้งกองกำลังตั้งแต่เมื่อไร ตอนเช้าพวกโจรมาที่วัดอีกครั้งเพื่อสืบข้อมูล กลับไม่เห็นมีทหารแม้แต่คนเดียว จึงแกล้งถามชาวบ้านและกำนันว่า เมื่อคืนมีทหารมาประจำการอยู่หรือไม่...??? ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า"ไม่มี" เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ทั้ง3ครั้ง ภายหลังมีผู้ไปถามหลวงพ่อเสมาะว่า "ทหารมาจากไหนทำไมมีแต่เวลากลางคืนเท่านั้น" ท่านตอบว่า "กูไม่รู้ รู้แค่ว่าโจรจะเข้าทำการปล้น ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่สวดมนต์ภาวนาเท่านั้น ส่วนโจรจะเห็นเป็นอย่างไร กูไม่รู้" แล้วท่านก็หัวเราะ แต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ เขาเล่าว่าท่านได้สั่งให้ลูกศิษยืไปตัดหญ้าคามากำใหญ่ บอกจะทำพิธีเสกหญ้า คงเป็นเหตุนี้กระมังที่มีเรื่องเล่าขานว่า ท่านเสกหญ้าให้เป็นทหารเฝ้าวัด เรื่องอภินิหารของหลวงพ่อเสมาะยังมีอีกมาก แต่ขอเล่าไว้เพียงเท่านี้
สร้างวัตถุมงคล เนื่องจากทางวัดได้สร้างศาลาการเปรียญ ค้างมาหลายปีแล้วเพราะขาดปัจจัย หลวงพ่อจึงดำริให้สร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้น โดยมอบให้คุณนพวงศ์ เปรมสุนทร จัดสร้างให้ โดยมีพิธีกรรมปลุกเสกเมื่อวันเสาร์ เดืน5ขึ้น5ค่ำ ตรงกับวันที่23มี.ค.2539เวลา19.29น. ท่านยังปลุกเสกเดี่ยวทั้งก่อนและหลังพิธีอีกด้วย จนถึงวันที่2เม.ย.2539 ตรงกับวันอังคารขึ้น15ค่ำเดืน5 ได้ปลุกเสกเป็นครั้งสุดท้าย...
***หมายเหตุ เรื่องราวของพ่อท่านเสมาะทั้งหมดนี้ผม(หนึ่ง สมุทรสาคร) ได้นำมาจากข้อเขียนของคุณ นพวงศ์ เปรมสุนทร ซึ่งได้ลงไว้ในหนังสือปรกโพธิ์(จำพ.ศ.ไม่ได้) ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือมีข้อมูลเพิ่มเติม ขอรับคำชี้แนะไว้ด้วยครับ
|
