พระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง มูลค่า ๓๐ ล้าน! - webpra

พระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง มูลค่า ๓๐ ล้าน!

บทความพระเครื่อง เขียนโดย Aof_GM

Aof_GM
ผู้เขียน
บทความ : พระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง มูลค่า ๓๐ ล้าน!
จำนวนชม : 51171
เขียนเมื่อวันที่ : พฤ. - 02 พ.ค. 2556 - 15:58.55
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : พฤ. - 02 พ.ค. 2556 - 15:59.56
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

พระสมเด็จวัดระฆังฯ องค์เสี่ยหน่ำ จักรพรรดิพระเครื่องมูลค่า ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท

 

"พระเครื่องที่ได้รับความนิยมชมชอบมากเป็นพิเศษแล้ว คือพระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้าน คงกระพันชาตรี"

 

 

ถึงชั่วโมงนี้ความโด่งดังของ'พระสมเด็จ'วัดระฆังโฆสิตาราม ก็ได้รับการถามไถ่ถึงเป็นอย่างมากหลายคนถึงกับเอ่ยไฉนตนจึงไม่มีไว้สักองค์บ้าง จะได้ร่ำได้รวยว่าไปแล้วบางครั้งก็เป็นเรื่องของ 'โชคชะตา'และ'วาสนา'ในการจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ'จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง'ทั้งนี้สืบเนื่องจาก บริษัท บางกอก อ๊อกชั่น เฮาส์ จำกัดได้เปิดการประมูลพระเครื่องและผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังในเมืองไทย ณห้องนิทรรศการชั้น 4 เดอะ สีลม แกลเลอเรีย ย่านสีลม ไฮไลต์ของการประมูลอยู่ที่พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ ที่เรียกกันว่า 'องค์เสี่ยหน่ำ'หรือนายก๊อนหน่ำ แซ่ใช้ที่เปิดราคาประมูลไว้ที่ 18 ล้านบาท

 

ทันทีที่มีข่าวการประมูลปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ก่อนหน้าการประมูลนั้นวงการพระเครื่อง เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่'องค์เสี่ยหน่ำ'อย่างกว้างขวางว่า พระสมเด็จองค์นี้มีความเป็นมาเช่นใดกันแน่ เป็นองค์ของ'เสี่ยหน่ำ' จริงหรือบ้างก็ว่าพระองค์นี้เคยอยู่ในความครอบครองของคนตระกูล'ชินวัตร'บ้างก็ว่าเคยอยู่ในความครอบครองของ หม่อมเจ้าภาคิไนย ก่อนจะตกมาอยู่ที่คุณฉลี  ยงสุนทรอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำฮ่องกง และเปลี่ยนมือไปอีกหลายคน สืบค้นกันถึงที่มาของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่'องค์เสี่ยหน่ำ'ก็พบว่าเดินทางผ่านมาหลาย 'มือ'ทีเดียวก่อนจะมาถึงการประมูล

 

ราม วัชรประดิษฐ์อาจารย์สาขาวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก คอลัมนิสต์'แฟนพันธุ์แท้'ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ได้กล่าวถึงที่มาของพระสมเด็จองค์นี้ว่า"พระสมเด็จองค์ที่เปิดประมูลนี้ ตนได้ศึกษารายละเอียดและติดตามมานานพระองค์นี้เป็นชนิดที่เรียกกันว่า พิมพ์ใหญ่อกตัววี ด้านหลังเป็นสังขยาถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามุมบนของด้านหลังมีรอยมองเห็นเนื้อในขององค์พระเล็กน้อย

 

สมัยก่อนในช่วงแรกๆ อยู่กับนายก๊อนหน่ำ แซ่ใช้ไปได้มาจากหม่อมเจ้าภาคิไนย ซึ่งเป็นนักสะสมรุ่นเก่า คนในวงการจึงเรียกว่า'องค์หม่อมเจ้าภาคิไนย' บ้าง 'องค์เสี่ยหน่ำ' บ้างต่อมาเสี่ยหน่ำได้ขายให้คุณฉลี ยงสุนทร หลังจากนั้นก็มีเจ้าของร้านขายอาวุธปืนขอชมต่อจากคุณฉลีแต่การเจรจาไม่จบ หลังนำเข้าส่งในงานประกวดพระครั้งสำคัญคือ งานศรีนครในปี 2519 พร้อมคว้ารางวัลที่ 1 ไปแล้ว คนในตระกูล 'นิมมานเหมินท์' ที่เรียกกันว่า'คุณติ่ง'ได้เช่าไปในราคาสามแสนบาทพระสมเด็จองค์นี้ต่อมาก็มาอยู่กับคุณนิยมอสุนี ณ อยุธยาภายหลังไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของนำมาประมูลในงานนี้"

 

แต่ทันทีที่การประมูลจบสิ้น และเจ้าของหมายเลข 007 ซึ่งเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประมูล ก็ทิ้งปริศนาไว้ว่า ใครเป็น'ตัวจริง'ที่ได้ครอบครอง พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ องค์นี้ หากปรากฏข่าวว่านายอนุชิน ชาญวีระกุล เสี่ยใหญ่เจ้าของ บริษัท ชิโน-ไทย เป็นผู้ทุ่มเงินถึง 24 ล้านบาท เพื่อครอบครองพระสมเด็จองค์นี้ ก็ได้รับการปฏิเสธการเป็นข่าวจาก นายอนุชินชาญวีระกุล ไปแล้วว่าไม่ได้ทุ่มเงินประมูลพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม 'องค์เสี่ยหน่ำ' เพราะไม่รู้จะเช่าไปทำไม อย่างไรก็ตามแม้ไม่อาจทราบผู้ครอบครองที่แท้จริงว่าเป็นผู้ใดแต่เหล่าเซียนพระทั้งหลายยังอุ่นใจอยู่บ้างว่า อยู่ในความครอบครองของคนไทย ทั้งนี้ด้วยเกรงว่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาประมูลแล้วนำออกนอกประเทศ โดยเฉพาะชาวฮ่องกงสิงคโปร์ ซึ่งให้ความสนใจ'พระเครื่อง'มากเป็นพิเศษ และพยายามทุ่มเงินเช่าพระเครื่องในเมืองไทยเพื่อนำไปโชว์ในพิพิธภัณฑ์และที่เก็บสะสมไว้เช่นคนไทยก็มาก

 

เมื่อครั้งเสี่ยก้อนหนํ่ามีชีวิตอยู่ท่านผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นนักนิยมสะสมพระสมเด็จยุคเริ่มแรก รุ่นเดียวกับคุณฉลียงสุนทร,คุณบุญยงค์นิ่มสมบุญกล่าวกันว่าพระสมเด็จทุกองค์ที่มีชื่อเสียงอยู่ในปัจจุบันล้วนเคยเป็นพระที่อยู่ในครอบครองของทั้งสามท่านนี้มาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะเสี่ยก้อนหนํ่าได้ชื่อว่ามีพระสมเด็จผ่านมือมากที่สุดและพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่องค์นี้เป็นองค์ที่รักและหวงที่สุดมีผู้ติดต่อขอซื้อมากรายแต่ไม่สำเร็จทำให้นักนิยมพระสมเด็จยิ่งกล่าวขานถึงกันมากในนามองค์เสี่ยหนํ่า

 

จนกระทั่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน หลังจากเสี่ยก้อนหนํ่าเสียชีวิตไปจึงมีผู้นำพระสมเด็จองค๋นี้เข้าสู่วงการโดยวิธีประมูลขายซึ่งมีน้องชายอดีต นายกฯที่มีใจรักพระเครื่องประมูลได้ไปในราคา ๒๘ ล้านบาทเป็นข่าวดังขนาด น.ส.พ.การเมืองรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งต้องสร้างเซอร์ไพรส์บนแผงหนังสือ นำภาพพระสมเด็จองค์นี้มาขึ้นเป็นภาพปกพร้อมบอกราคากำกับไว้แทนรูปหน้านักการเมืองเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นข่าวคราวพระสมเด็จก็เงียบหายไปอีกครั้งระยะหนึ่งจึงมีข่าวว่าพระเปลี่ยนมือไปอยู่กับเสี่ยอู๋นักธุรกิจไทยที่ไปประสบความสำเร็จอยู่ในพม่า แล้วจู่ๆเมื่อปีกลายจึงมีข่าวว่าพระสมเด็จองค์นี้ถูกซื้อกลับอยู่เมืองไทยโดยนายใหญ่แห่งอาณาจักร คิงเพาเวอร์ที่ชื่อวิชัยรักศรีอักษรในราคาที่เจ้าตัวบอกว่าให้กำไรไปนิดหน่อย?...     

 

การประมูลพระเครื่องครั้งนี้ในสายตาของ 'เซียนพระ'แล้วนั้น มีความเห็นไม่แตกต่างไปจากกันมากนัก โดยเฉพาะในด้านของราคาประมูลที่ได้ 24 ล้านบาทอาจสูงไปหน่อยสำหรับในความคิดเห็นของ'เซียนพระ' บางท่านอย่างนายกิตติธรรมจรัสหรือ'เฮียกวง'ว่า"สำหรับราคาประมูล 24 ล้าน ถือว่าสูงเกินไปเพราะแม้จะเป็นพระแนวหน้า แต่ก็ไม่สวยที่สุด องค์ที่สวยที่สุดมีอยู่มีคนพยายามให้ราคา โดยให้ผมไปเจาะแล้วในราคา 35 ล้านบาทแต่เจ้าของไม่ยอมปล่อยเช่นเดียวกับ'ต้อย เมืองนนท์'อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย กล่าวว่า"ราคาประมูลของ สมเด็จองค์เสี่ยหน่ำ สำหรับคนมีเงินแล้วถือว่าสมราคาแต่ราคาสูงเกินไปสำหรับนักเล่นพระในขณะที่'เล็ก พงษ์พานิช'กล่าวไว้ "ราคา 24 ล้านบาทไม่ถือว่าสูงมาก เพราะที่ผ่านมาเคยมี พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่มีราคาเช่าสูงถึง 30-40 ล้านก็มีที่สำคัญพระเหล่านี้อยู่ในความครอบครองของบุคคลชั้นนำ เศรษฐี"

 

ที่ผ่านมา การเช่าการขายพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับแถวหน้าเช่น'องค์เสี่ยหน่ำ' อย่าง'องค์ลุงพุฒ' 'องค์ขุนศรี' 'องค์เล่าปี่' 'องค์กวนอู' 'องค์บุญส่ง' 'องค์เจ๊แจ๊ว' 'องค์เจ๊องุ่น' 'องค์ครูเอื้อ' 'องค์เสี่ยดม' และ 'องค์มนตรี'ล้วนมีการเช่าการขายกันองค์ละไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาททั้งสิ้น โดยเฉพาะ'องค์มนตรี'ซึ่งนายมนตรี พงษ์พานิช นักการเมืองชื่อดังในอดีตได้ครอบครอง เป็นพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์ทรงเจดีย์ทั้งสององค์ เช่ากันเกือบ 50 ล้านบาทแต่ก็เป็นที่ทราบกันในวงการพระเครื่องเท่านั้นเนื่องเพราะการติดต่อเรื่องราคาอยู่ที่ผู้ขายและผู้เช่าเท่านั้น ไม่เคยมีการประมูลแบบครึกโครมเช่นนี้

 

ในความเห็นของ'เซียนพระ'ก็กล่าวว่าการประมูลพระในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี อย่าง'ต้อยเมืองนนท์' ว่า "ถือว่าดีทำให้งานพระเครื่องก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์"เช่นเดียวกับที่'รามวัชรประดิษฐ์' กล่าว "การประมูลพระเครื่องเป็นอีกหนทางหนึ่งที่วงการพระเครื่องจะได้เติบโตไปสู่ความเป็นอินเตอร์"แต่ที่'เซียนพระ'ค่อนข้างเป็นห่วงคือ การรับรองรับประกันคุณภาพโดยเฉพาะพระเครื่องที่มีรอยชำรุด มีรอยอุด รอยหัก รอยซ่อมทั้งหมดต้องชี้แจงบอกกล่าวให้กับลูกค้าทราบ

 

จะว่าไป การเช่าการขายพระสมเด็จให้มีราคาแพงเช่นนี้นั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องผู้ที่มีพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามไว้ในความครอบครองมิใช่จะสามารถขายได้ราคาสูงเสมอไปนอกเหนือจากความสวยงามขององค์พระเครื่องความคมชัดลึกของเส้นสายพิมพ์ทรง สภาพความสมบูรณ์ของผิวพระและการเข้าถึงตัวผู้เก็บสะสม'ตัวจริง' โดยตรง ความพึงพอใจของ'ผู้เช่า' ก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พระสมเด็จมีราคาสูงหรือต่ำเช่นนั้นผู้ขายพระสมเด็จได้ราคาดี จึงมักเป็น 'เซียน' ในระดับมีชื่อเสียงเป็นเครื่องการันตี เนื่องเพราะนักสะสมพระเครื่อง 'ตัวจริง' ที่น้อยคนนักจะดูพระ'เป็น' ต้องอาศัยสายตา'เซียน'ที่ไว้วางใจให้เป็น 'ตา' ส่องให้ ช่วยดูตัดสินใจชาวบ้านทั่วๆ ไป ขายได้ก็ในราคา 'เซียนซื้อ'ต่ำกว่าที่ขายให้กับผู้เก็บสะสม'ตัวจริง' อย่างแน่นอนและต้องทำใจเพราะไม่มีทางที่เข้าถึงตัวคนเก็บ'ตัวจริง' ได้ เพียงให้ทราบราคาบ้างว่าสภาพพระเครื่องสมบูรณ์สวยงามหรือไม่ หากหย่อนงามก็มีราคาลดหลั่นลงไปยิ่งไม่ได้อยู่ในความครอบครองของคนมีชื่อเสียงด้วยแล้วคงไม่ได้ราคาอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวแน่นอนชื่อเสียงของผู้ครอบครองก็เป็นเครดิตให้กับพระเครื่ององค์นั้นด้วยขอเพียงไม่ขายไปในราคา 'ตกควาย' (ขายผิดราคา เช่น ควรขายได้ในราคา 200,000 บาท แต่กลับขายเพียง 20,000 บาท)

 

หากสืบค้นประวัติของการสะสมพระเครื่องแล้วจะพบว่าในความนิยมชมชอบพระเครื่องแต่เดิมทีแล้วหาได้วาง 'พระสมเด็จ'วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นอันดับหนึ่งไม่ หากในห้วงระยะหลังของสงครามโลกครั้งที่ 2 หรอก เมื่อ'ตรียัมปวาย'หรือ'พ.อ.(พิเศษ)ประจนกิตติประวัติ'อดีตนายทหารประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด ได้เขียนถึง'พระสมเด็จ'วัดระฆังโฆสิตาราม ประกายอันเจิดจ้าจึงทอแสงระยิบระยับแก่'พระสมเด็จ'วัดระฆังโฆสิตาราม จนมีค่านิยมกันในหลักพันบาทและทะยานเข้าสู่หลักล้านในปัจจุบันนี้

 

พ.อ.(พิเศษ)ประจน กิตติประวัติ ท่านนี้เองที่ได้จัดทำเนียบชุดพระเครื่อง 'เบญจภาคี'ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2495 โดยเมื่อแรกเริ่มยังคงเป็นเพียง'ไตรภาคี' คือ มีเพียง 3 องค์เท่านั้น อันประกอบด้วย 'พระสมเด็จ' วัดระฆังโฆสิตารามเป็นองค์ประธาน ซ้ายขวาเป็น'พระนางพญา' พิษณุโลกและ'พระรอด' ลำพูนไม่นานจากปีนั้นจึงได้ผนวก 'พระกำแพงซุ้มกอ' กำแพงเพชร และ 'พระผงสุพรรณ' สุพรรณบุรีเข้าเป็นชุด'เบญจภาคี' สุดยอดปรารถนาของนักสะสมพระเครื่องทั้งหลายแต่เมื่อมองย้อนกลับไปในครั้งนั้นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมชมชอบมากเป็นพิเศษแล้ว คือพระเครื่องที่มีพุทธคุณในด้าน'คงกระพันชาตรี'ซึ่งการจัดทำทำเนียบ'เบญจภาคี' นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความนิยมพระเครื่องทั้ง 5 องค์ ในชุดดังกล่าวอันล้วนเป็นพระเครื่องที่มีราคาการเช่าที่สูงๆ ทั้งสิ้นยิ่งเมื่อ พ.อ.(พิเศษ) ประจนกิตติประวัติ จัดให้พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม เป็น'จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง'ความนิยมใน'พระสมเด็จ'ก็ทะยานสู่แถวหน้าของพระเครื่องเมืองไทย

 

กล่าวสำหรับ 'จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง'พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามเป็นพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงที่สร้างขึ้นด้วยผงวิเศษทั้ง 5 ประการ คือผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ผงตรีนิสิงเหนอกจากนั้นยังผสมด้วยมวลสารต่างๆ อาทิ ปูนเปลือกหอย ดินสอพอง เกสรดอกไม้กล้วยและข้าวสุกตากแห้งโดยมีส่วนของน้ำมันตั้งอิ๊วและน้ำอ้อยเป็นตัวเชื่อมประสานให้เข้าเป็นเนื้อ เดียวกันเนื้อของพระมีสีขาวแบบปูนปั้น หรือสีขาวอมเหลือง มองดูเนื้อแก่ผงมีความหนึกนุ่มและแกร่งขนาดองค์พระเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความกว้างประมาณ 2.2 เซนติเมตร สูงประมาณ 3.5 เซนติเมตร หนาประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ทุกแบบพิมพ์ประกอบด้วยพิมพ์ทรงมาตรฐานที่เล่นหาสะสมในวงการทั้งหมด 4 พิมพ์ทรง คือพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซมพิมพ์เกศบัวตูมส่วนพิมพ์ปรกโพธิ์นั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันของนักสะสมพระเครื่อง ฝ่ายหนึ่งกล่าวว่าพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ไม่มีพิมพ์ปรกโพธิ์แต่อีกฝ่ายหนึ่งกล่าวว่าในพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตารามมีพิมพ์ปรกโพธิ์เช่นเดียวกับในพระสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหม ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โตพฺรหฺมรํสี) สร้างไว้

 

พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)เป็นผู้สร้างขึ้น กล่าวกันว่าท่านเริ่มสร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2409 ภายหลังจากโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระสมเด็จพุฒาจารย์จึงเรียกขานพระเครื่องที่สร้างขึ้นว่า 'พระสมเด็จ' และได้สร้างเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2415 โดยได้แจกจ่ายแก่บรรดาญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียน และเมื่อครั้งออกบิณฑบาตในตอนเช้าครั้นหมดก็สร้างใหม่ ปลุกเสกด้วยคาถาชินบัญชรที่ท่านได้มาจากเมืองกำแพงเพชรผู้แกะพิมพ์ถวายคือ หลวงวิจารณ์เจียรนัยช่างทองในราชสำนัก

 

 

 

อขอบคุณข้อมูลอ้างอิงดีๆครับ

 

http://www.aj-ram.com/view/พระสมเด็จวัดระฆังฯ%20องค์เสี่ยหน่ำ%20%20จักรพรรดิพระเครื่อง%20มูลค่า%20๓๐,๐๐๐,๐๐๐%20บาท

 

พระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง มูลค่า ๓๐ ล้าน!
พระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง มูลค่า ๓๐ ล้าน!
Top