๗๐๐ ปี วัดนครไทยวราราม หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสนองสันโดษ - webpra

๗๐๐ ปี วัดนครไทยวราราม หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสนองสันโดษ

บทความพระเครื่อง เขียนโดย นครบางยาง

นครบางยาง
ผู้เขียน
บทความ : ๗๐๐ ปี วัดนครไทยวราราม หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสนองสันโดษ
จำนวนชม : 2776
เขียนเมื่อวันที่ : พ. - 28 พ.ย. 2555 - 22:27.17
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

 วัดนครไทยวราราม หรือวัดหัวร้อง (วัดใต้) เป็นวัดโบราณคู่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หรือเมืองบางยาง พ่อขุนบางกลางท่าว ตามจารึกสุโขทัยหลักที่ ๒ วัดศรีชุม มีโบราณสถานสำคัญ คือ วิหารโบราณทรงโรง ตามแบบสถาปัตยกรรมพื้นเมือง หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ สมัยอยุธยาตอนต้น หรือสุโขทัยตอนปลาย ประดิษฐาน หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แกะสลักจากไม้ พอกหุ้มด้วยปูนสอดินองค์ใหญ่ พระพุทธรูปโบราณที่ชาวนครไทยเคารพและศรัทธา รวมทั้งสาวกซ้ายขวาอีก ๒ องค์ ก็สร้างด้วยไม้เช่นกัน

 

     ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดหัวร้องเป็นอารามที่มีพระอมตเถราจารย์ชื่อดัง เรืองพระเวทย์มาแต่โบราณ คือ  หลวงปู่หุย ผู้ทรงอาคม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่มีอายุพรรษาสูงกว่า หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก พระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย เจ้าของผ้ายันต์นกคุ้มกันไฟ ที่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ลงไว้บนเพดานศาลาไม้โบราณวัดหัวร้อง ที่ประสบอัคคีภัย แต่เพลิงไฟไม่สามารถเผาไหม้ทำลายได้

 นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมี พระเถรรัตตัญญู ผู้มีศีลาจารวัตร อันงดงาม เก็บตัวเจริญภาวนา สมณธรรม ด้วยความ สมถะ สันโดษ ปล่อยวางไม่ยึดติดใน ลาภ ยศ ตำแหน่ง หรือ สมณศักดิ์ เก็บตัวอยู่เงียบๆ จึงเปรียบเสมือนช้างเผือกย่อมอยู่ในป่าใหญ่ คือ พระครูนครบุราณานุรักษ์ หรือ หลวงพ่อสนอง อตฺตทโม 

 หลวงพ่อสนอง เป็นพระเถระที่มีศีลาจาริวัตรอันงดงาม ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาปฏิบัติ มุ่งเจริญสมาธิเพื่อความสงบ ตามที่หลวงพ่อพันธ์ได้สอนไว้จนเชี่ยวชาญ สมถะ สันโดษ พูดน้อย และได้ศึกษาสรรพวิชาเพิ่มเติมจากตำรายันต์ โบราณของหลวงปู่หุย อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวร้อง ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งมีอาวุโสสูงกว่า หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อ.ชาติตระการ 

 ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒ หลวงพ่อสนอง ท่านเห็นว่า ตำแหน่งเจ้าคณะปกครองมีภารกิจมาก ยากแก่การแสวงหาความสงบ สงัด แห่งสมณธรรมได้ และท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว รับธุระพระศาสนาสนองงานคณะสงฆ์มาถึงเวลาอันสมควร รวมทั้งท่านมิได้ติดยึดในยศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งเป็นสมมุติสัจจะ ท่านได้บอกกับคณะศิษย์เสมอว่า “หนัก คือ ยึด  ว่าง คือ วาง  สว่าง คือ ปัญญา  รู้จักพอก่อสุขทุกสถาน ความสุขสงบที่แท้จริง จึงจะปรากฏ” 

 ท่านจึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนครไทย ที่ได้ปฏิบัติศาสนกิจ รับธุระพระพุทธศาสนามายาวนานกว่า ๑๗ ปี ด้วยวัยเพียง ๔๔ ปี พรรษา ๒๔  ทั้งๆ ที่ยังมีอนาคตที่ยาวไกลถึง พระราชาคณะ เพื่อมุ่งปฏิบัติเจริญกรรมฐาน สมาธิภาวนา วันละ ๒-๓ ชั่งโมง มาโดยตลอด และเก็บตัวอยู่กับ ความสงบ นิ่ง เงียบ สันโดษ 

  ในคราวฉลองอายุ ๖๐ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ คณะศิษย์ได้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือน, รูปหล่อลอยองค์ และรูปหล่อขนาดบูชา ๕ นิ้ว พร้อมด้วยพระปิดตา เนื้อผงว่านและปูนที่กระเทาะจากวิหารโบราณวัดหัวร้อง ที่หลวงพ่อสนองได้บูรณปฏิสังขรณ์ ถวายให้ท่านปลุกเสก และแจกแก่คณะศิษย์หมดไปจากวัดภายในเวลาอันรวดเร็ว เป็นพระเครื่องที่มีพุทธคุณเข้มขลัง ประสบการณ์สูงส่งในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่หวงแหนของผู้มีไว้สักการบูชาเป็นยิ่งนัก

  หลวงพ่อสนอง ได้มีเมตตาใช้สรรพวิชาที่ หลวงพ่อพันธ์ วัดบางสะพาน สอนไว้ใช้ในการสงเคราะห์ ฉลองศรัทธาแก่คณะศิษย์ที่มารบเร้าขอของดีจากท่าน คือ ลงตะกรุด นะปถมัง ด้วยพระยันต์พระเจ้า ๑๖ พระองค์  และผ้ายันต์ โดยท่านจะเลือกฤกษ์งามยามดี ในดิถี วันเสาร์ ๕ เพียงวันเดียวเท่านั้นในการประกอบพิธี โดยตั้งเครื่องบูชาครู แล้วลงตะกรุดแต่เช้ามืด จนเสร็จ แล้วจึงนำมาปลุกเสก ๗ เสาร์ ๗ อังคาร ก่อนมอบให้คณะศิษย์ 

   หลวงพ่อสนอง อตฺตทโมจึงเป็นเถรรัตตัญญูรูปสำคัญ ที่มีศีลาจารวัตรอันงดงาม ปล่อย วาง จาก ยศ ลาภ  มุ่งเจริญสมณธรรม อันเป็นสร้างพระในตนเอง สมเป็น พุทธบุตร สังฆชิโนรส ที่หาได้ยากยิ่งรูปหนึ่งในสังฆมณฑลสยามประเทศ ที่สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจอย่างแท้จริง สมคำบุราณที่ว่า ช้างเผือกย่อมอยู่ในป่าใหญ่ อย่างแท้จริง

ชาติภูมิหลวงพ่อสนอง
 “สนอง ขำคง” เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อสนอง เกิดที่ บ้านนาบัว ต.นาบัว อ.นครไทย เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๔๗๘ อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดนาบัว เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๘ โดยมี พระครูประพัฒน์สรศีล (ชม) วัดหัวร้อง เจ้าคณะอำเภอนครไทย เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมโท ในปี พ.ศ.๒๕๐๑ และดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอนครไทย

  เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ พระครูประพัฒน์สรศีล ได้ลาสิกขา หลวงพ่อสนอง ขณะนั้นอายุได้  ๒๗ ปี พรรษา ๗  จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าคณะอำเภอนครไทย ต่อมา พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ที่พระครูนครบุราณานุรักษ์

 พ.ศ.๒๕๑๑ เป็น พระอุปัชฌาย์ และใน พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก จนในพ.ศ.๒๕๒๒ จึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนครไทย เพื่อมุ่งปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา แสวงหาความสงบ ในสมณเพศอย่างแท้จริง ดังพุทธพุจน์ที่ว่า นตฺถิ สนฺติ ปรมํสุขขํ  สุขใดยิ่งกว่าใจสงบไม่มี

๗๐๐ ปี วัดนครไทยวราราม หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสนองสันโดษ
๗๐๐ ปี วัดนครไทยวราราม หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสนองสันโดษ
Top