หลวงปู่สรวง (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง - webpra

หลวงปู่สรวง (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง

บทความพระเครื่อง เขียนโดย sirapopch

sirapopch
ผู้เขียน
บทความ : หลวงปู่สรวง (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง
จำนวนชม : 2547
เขียนเมื่อวันที่ : พ. - 28 พ.ย. 2555 - 18:22.14
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

หลวงปู่สรวง (ลูกตาเบ๊าะ) ผู้วิเศษแห่งภูตะแบง
ผู้เขียนเองเคยได้ยินคำร่ำลือมาแต่เด็กว่าตามตะเข็บชายแดนไทยกัมพูชานั้นเต็มไปด้วยป่าดิบ มีอันตายทั้งจากกับดักระเบิด สัตว์ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ภูตผีปีศาจ แต่กระนั้นก็เต็มไปด้วยผู้มีวิชาอาคม พระผู้วิเศ

ษ ฤาษีชีไพร ที่หลีกเร้นซ่อนกายบำเพ็ญตบะณานอันแรงกล้า พระผู้วิเศษ และฤาษีชีไพร โยคีที่กล่าวถึงเหล่านั้น หลายท่านมีอายุเกินกว่าร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้น
อำนาจจิตจากการบำเพ็ญตบะณาน ประกอบด้วยอิทธิบาทสี่ ทำให้ฤาษีโยคีและพระผู้วิเศษทั้งหลายสามารถชนะกาลเวลา รักษาสังขาร มีอายุยืนนานนับร้อยนับพันปี หลวงปู่แหวน สุจินโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ศิษย์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เล่าวว่าสมัยที่ท่านเดินธุดงค์ไปยังภูเขาควายและป่าลึกแถบจำปาศักดิ์นั้นท่านเคยพบโยคีบางตนมีอายุหลายร้อยปีนั่งนิ่งจิตดิ่งอยู่ในฌานสมาบัติ มีต้นโพธิ์ต้นไทรขึ้นโอบ บางตนก็มีจอมปลวกขึ้นหุ้มตัว บางตนเล่าก็มีหินงอกหินย้อยขึ้นตามร่างกายหุ้มไว้กลายเป็นหิน ท่านว่ามหาโยคีฤาษีเหล่านี้ไม่ตายนะ แต่จิตอยู่ในฌานบางตนถอดจิตไปชั้นพรหมโลก ที่เป็นฤาษีโพธิสัตว์ก็มี ท่านเหล่านี้มีฤทธิ์มากแม้ต้องการออกโปรดสัตว์ก็ใช้อำนาจจิตสลายสิ่งห่อหุ้มร่างกายออกเป็นจุลมหาจุล เที่ยวออกโปรดสัตว์ได้ตามสบาย ท่านเหล่านี้หลวงปู่แหวนกล่าวว่าแม้ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบรรลุไม่ตกต่ำ 
เรื่องที่หลวงปู่แหวนเล่านั้นดุจดั่งนิทานปรำปะรา แต่สำหรับชาวชนบทห่างไกล อย่างเมืองสุรินทร์ ศรีษะเกษนั้น ชาวบ้านแถบนั้นกลับมีพระผู้วิเศษที่มีวัตรปฏิปทาดุจดั่งมหาฤาษีโยคีที่หลวงปู่แหวนเคยเล่าไว้ไม่มีผิดนั่นคือ หลวงปู่สรวง ผู้วิเศษแห่งภูตะแบงนั้นเอง
ด้วยว่าวัตรปฏิบัติและความเป็นมาของหลวงปู่สรวงนั้นลี้ลับ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงท่านคือใคร บางคนร่ำลือว่าท่านเป็นพระเจ้าชัยวรมันพระองค์หนึ่ง บ้างก็ว่าสันณิฐานไปต่างๆนาๆ บางคนเชื่อว่าท่านคือขรัวขี้เถ้าหนึ่งในคณะโลกอุดรที่ร่ำลือกัน แต่ที่แน่ๆคือหลวงปู่สรวงนั้นมีอายุยืนยาวมาหลายร้อยปีแล้ว เห็นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายยาย มีอายุเฉลี่ยอย่างต่ำก็ไม่น้อยกว่า ๒๗๕ ปีอย่างแน่นอน ทั้งยังมีฤทธิ์ปาฏิหาริย์เป็นที่อัศจรรย์อีกด้วย เช่นหุงข้าวหม้อเล็กนิดเดียวแต่แจกจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่หมด สามารถเดินหนย่นระยะทางได้ มีความสามารถแบบผู้ทรงอภิญญาสมาบัติอย่างน่าอัศจรรย์ รู้เห็นมิติต่างๆ เข้าออกดินแดนลี้ลับไปมาอย่างอัศจรรย์ยิ่ง
ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีทั้งพระและฆราวาสที่ได้ร่วมเดินทางเข้าสู่ดินแดนลี้ลับแห่งเขมรและเป็นประจักษ์พยานถึงสิ่งลี้ลับในโลกที่ซ่อนเร้นสายตามนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย เช่นดินแดนที่มีทองคำและเพชรพลอยงอกออกมาจากดินอยู่ตามลำธารอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อลองเอามือไปหยิบจับดู ทองคำที่งอกออกจากดินนั้นก็อ่อนนิ่มคล้ายเทียนโดนไฟลน แต่กลับไม่สามารถดึงให้ขาดออกมาได้ เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างยิ่ง
หลวงปู่สรวงจะบอกกับคณะที่ติดตามท่านไปนั้นว่ามันเป็นของเขา เพียงคำเดียวเท่านี้ ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ของๆเรา คำว่าของเขา อาจหมายถึงมันเป็นของธรรมชาติ เป็นสมบัติแผ่นดิน เป็นของผู้มีบุญญาธิการเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ไปกับท่านจึงได้แต่ดู และเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในความทรงจำเท่านั้น ถือว่าเพียงเท่านี้ก็เป็นบุญวาสนาของชีวิตที่ได้เห็นของจริง ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นอีกมากมายนัก
ในชั่วระยะเวลาที่หลวงปู่สรวงได้โปรดลูกหลานทั้งหลายนั้น ท่านได้แสดงตัวอย่างของผู้ละโลก พร้อมทั้งแสดงความจริงในศักยภาพของจิตอันเป็นไปตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาได้เป็นอย่างดีที่สุด แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาหลวงปู่จะพูดน้อยที่สุด แต่การกระทำของท่านนั้นยิ่งกว่าคำพูดเป็นหมื่นเป็นแสนคำ
หลวงปู่สรวง พระผู้พ้นไปจากโลกและความนึกคิดของปุถุชน ผู้มีจิตเมตตาไม่มีประมาณ และเป็นแสงสว่างให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นที่พึ่งให้กับผู้ที่ยังเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ ผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่าพระผู้พ้นโลกย่อมเป็นผู้ที่มัจจุราชไม่เห็นตัว มัจจุราชย่อมไม่อาจทำอันตรายแก่ผู้พ้นโลกไปแล้วได้ฉันใด หลวงปู่สรวงย่อมเป็นพระผู้อยู่เหนือสมมุติทางโลกรวมทั้งความตายด้วยฉันนั้น



หลวงปู่สรวงเพ่งกสิณไฟ
ครั้งที่แล้วได้เล่าเรื่องประสบการณ์ของพระอาจารย์สร้อย วัดเลียบราษฏ์บำรุง เขตบางซื่อ ซึ่งถือเป็นท่านหนึ่งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดและสัมผัสปาฏิหาริย์จากหลวงปู่สรวง แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ว่าในปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว 
ตอนที่ผู้เขียนไปกราบหลวงพ่อสร้อยสมัยก่อนนั้น ไปแต่ละครั้งก็จะได้ยินที่น่าอัศจรรย์ เกี่ยวกับหลวงพ่อสร้อยบ่างหลวงปู่สรวงบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของหลวงปู่สรวงนั้นแทบจะได้ฟังเรื่องราวไม่ซ้ำกันเลย เรื่องหนึ่งที่ยังจำได้เล่าว่าศิษย์ติดตามหลวงพ่อสร้อยท่านหนึ่งเป็นโรคหอบหืด เมื่ออาการกำเริบจะทรมานมาก ครั้งหนึ่งขณะที่ติดตามหลวงปู่สรวง หลวงปู่ท่านปัสสาวะเป็นยาให้ดื่ม ท่านนี้มีศรัทธาเชื่อมั่นจึงดื่มน้ำปัสสาวะของหลวงปู่สรวงนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อเพราะตั้งแต่ดื่มน้ำปัสสาวะของหลวงปู่เข้าแล้ว อาการของโรคหอบหืดก็ไม่เคยกำเริบขึ้นอีกเลย
เรื่องราวของหลวงปู่สรวงนั้นผู้เขียนได้ศึกษาดูแล้ว เหมือนๆกับเรื่องราวของผู้วิเศษในอดีตหลายๆท่านมารวมกัน ความยืนยาวของอายุหลวงปู่สรวง เหมือนเรื่องของเซียนเจียงกั๊วเล่าผู้มีอายุหลายยุคหลายสมัย ในโป๊ยเซียนไม่มีผิด ยาวิเศษของหลวงปู่สรวงนั้นท่านมักเอาขี้เล็บขี้ตาของท่านทำน้ำมนต์ ก็เหมือนกับอรหันต์จี้กงที่ปั้นขี้ไคลเป็นยา หลวงปู่สรวงได้อะไรเผาทิ้ง มักก่อกองไฟเสมอๆ เหมือนกับหลวงพ่อโอภาสี และหลวงปู่กบวัดเขาสาลิกา ที่เผาทุกอย่างที่มีคนนำมาถวาย 
หลวงปู่สรวงท่านมีวัตรปฏิบัติแบบไม่ยึดติดกับสิ่งใดทั้งสิ้นการนุ่งห่มผ้าก็นุ่งแบบขอไปที บางครั้งนุ่งขาว บางนุ่งผ้าลาย บางครั้งนุ่งห่มเรียบร้อย แล้วแต่ ท่านอยากฉันตอนไหนก็ฉันไม่มีเวลา อยากไปไหนก็ไปไม่สนใจใคร เรื่องราวของท่านแม้เรียบง่ายที่สุดแต่ก็อัศจรรย์ที่สุด วัตรปฏิบัติของท่านเป็นพรหมจรรย์ ความเป็นอยู่ของท่านก็ประดุจพระพรหมโดยแท้ 
ความเป็นอยู่แม้จะธรรมดาแต่กลับมากด้วยปาฏิหาริย์ แม้กระทั่งเมื่อท่านละสังขารเข้าสู่นิพพาน ปาฏิหาริย์แห่งท่านก็ยังเล่าขานและปรากฏเป็นอัศจรรย์อย่างยิ่ง
ท่านเป็นพระที่ไม่มีวัดอยู่แต่กลับอยู่ได้ทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งประโยคเด็ดนี้มาจากที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนถามท่านว่าท่านอยู่วัดไหน หลวงปู่สรวงตอบไปว่า ไม่มีวัดอยู่แต่เดินท่องทั่วทั้งจักรวาล ซึ่งหมายความว่าท่านไม่ติดในถิ่นที่อยู่ ไม่มีความเป็นของเขาของใคร มีอิสระเหนือทุกสิ่ง ทุกที่ที่ย่ำไปก็เป็นที่ของท่านโดยธรรม 
ในสิ่งที่ท่านไม่ยึดไม่ติด ไม่สนใจใคร แต่ในขณะเดียวกันกลับมีผู้ติดตามท่านมากมาย ปรารถนาอยากเป็นศิษย์ อยากเห็นอยากพบอยากกราบไหว้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ก็เป็นไปด้วยอำนาจธรรมเหนือโลก เหนือสมมุติ ที่เมื่อไม่ยึดติดสิ่งใดไม่ปรารถนาสิ่งใด ทุกๆสิ่งกลับเป็นของเราโดยปริยาย 
ชีวิตปฏิปทาของหลวงปู่ตราบเท่าที่แสดงให้เราเห็นนั้น นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดมากกว่าคำเทศน์เป็นร้อยเป็นพัน หลวงปู่แสดงให้เราเห็นจริง หากผู้ศรัทธาได้นำเอาท่านเป็นแบบอย่างแม้ไม่ทั้งหมดเพียงบางเสี้ยวบางส่วนเท่านั้นก็นับว่าก่อให้เกิดความจรรโลงใจ เบาใจ น้อมไปทางนิพพิทาญาณได้เป็นอย่างดี
Top